OMEGA กับนวัตกรรมด้านวัสดุเพื่อเรือนเวลา (ตอนที่ 1)

0
- Advertisement -

OMEGA (โอเมก้า) ถือเป็นแบรนด์นาฬิกาที่มักจะมีเรื่องราวของวัสดุแบบต่างๆ ในการนำมาใช้ผลิตตัวเรือนของเรือนเวลารุ่นต่างๆ ของพวกเขา ซึ่งแน่นอนว่าวัสดุบางประเภท เราๆ ท่านๆ อาจจะคุ้นเคยกันอยู่แล้ว แต่สำหรับบางประเภทถือว่าเป็นเอกสิทธิ์ที่ถูกผลิตและพัฒนาภายใต้แนวคิดของ โอเมก้า โดยเฉพาะ

OMEGA

OMEGA กับนวัตกรรมด้านวัสดุเพื่อเรือนเวลา (ตอนที่ 1)

โอเมก้า ใช้วัสดุล้ำค่าต่างๆ ให้สมบูรณ์ที่สุด ซึ่งไม่เพียงแค่ยึดความสวยงามของนาฬิกา แต่ยังรวมถึงการใช้งานจริงและอายุการใช้งานที่ยาวนานไว้เป็นหัวใจหลักของการออกแบบ ในขณะที่วัสดุบางประเภทได้รับการพิจารณาว่าวัสดุที่ดีที่สุดธรรมชาติสามารถมอบให้ได้ แต่ก็มีวัสดุหลายแบบที่ได้รับการรังสรรค์ขึ้นอย่างมืออาชีพโดย โอเมก้า เพื่อแสดงตัวตนอันเป็นเอกลักษณ์ – ตั้งแต่เฉดสี ความสุกสกาว ความแข็งแกร่งไปจนถึงคุณสมบัติต้านทานต่อสนามแม่เหล็ก

มีเพียงแค่แบรนด์ที่มีจิตวิญญาณมุ่งมั่นในการบุกเบิกอย่าง โอเมก้า เท่านั้นที่สามารถทำเรื่องราวเหล่านี้ได้สำเร็จสมบูรณ์ ท่านจะได้พบกับเรื่องราวของวัสดุหลากหลายประเภทที่บ่งบอกถึงตัวตนของแบรนด์นาฬิกา โอเมก้า ในปัจจุบัน และการใส่ใจถึงระดับรายละเอียดที่ทำให้เรือนเวลาแต่ละรุ่นมีเอกลักษณ์และทรงประสิทธิภาพอย่างยิ่งรูปลักษณ์และประสิทธิภาพพิเศษอย่างยิ่ง

โลหะทุกประเภทต่างมีคุณสมบัติเฉพาะตัว นอกจากรูปลักษณ์สะกดสายตา โอเมก้า ยังมุ่งพัฒนาให้โลหะทนทานต่อรอยขีดข่วน, อำนาจสนามแม่เหล็ก, อุณหภูมิ และโดยเฉพาะการสึกกร่อน คุณสมบัติเหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็นเมื่อต้องสร้างสรรค์ชิ้นส่วนต่างๆ เช่น ตัวเรือน, สายนาฬิกา, หัวสาย, บานพับและชิ้นส่วนของกลไก

1.สแตนเลสสตีล

OMEGA

สแตนเลสสตีลนับเป็นโลหะที่พบเห็นได้บ่อยที่สุดในการผลิตชิ้นส่วนภายนอกของนาฬิกา มันผสานไว้ซึ่งความสวยงาม แข็งแกร่งและเข้าถึงได้ง่าย แบรนด์ โอเมก้า ได้เลือกใช้สแตนเลสสตีลเกรด 316L ซึ่งมีคุณสมบัติทนทานต่อการกัดกร่อนและให้ความสุกสกาวหลังได้รับการขัดแต่ง วัสดุชนิดนี้เป็นตัวเลือกในอุดมคติสำหรับนาฬิกาที่ใช้งานในชีวิตประจำวันและสภาพแวดล้อมที่กดดันอย่างการดำน้ำและการผจญภัย

OMEGA

2.ไทเทเนียม

OMEGA

แม้จะถูกค้นพบตั้งแต่ปี 1794 กระบวนการนำไทเทเนียมมาใช้ในอุตสาหกรรมกลับเพิ่งเริ่มต้นในปี 1939 เราอาจพบเห็นการใช้งานได้ทั่วไป ทว่าไทเทเนียมก็ยังเป็นโลหะราคาสูงเนื่องจากกระบวนการสกัดแยกกับธาตุอื่นๆ ที่มีความยุ่งยาก ไทเทเนียมอัลลอยด์มีน้ำหนักเบา ทนทานต่อการสึกกร่อน ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้และสามารถทนทานต่ออุณหภูมิสุดขั้ว คุณสมบัติเหล่านี้ทำให้มันเหมาะกับการผลิตในอุตสาหกรรมอากาศยาน, ยานอวกาศและการแพทย์ มันคือส่วนผสมอย่างลงตัวระหว่างความแข็งแรง ความทนต่อการสึกกร่อนและใช้งานได้จริง

เกรด 5 : ไทเทเนียมเกรด 5 ให้สีเทาสว่างคล้ายกับสแตนเลสสตีล มีความเหมาะกับการขัดแต่งทั้งแบบ “ขัดด้าน” และ “ขัดเงา”

OMEGA

เกรด 2 : ไทเทเนียมเกรด 2 ให้สีเทาทึบซึ่งเหมาะกับการขัดแต่งแบบ “ขัดด้าน” มักถูกนำมาใช้กับนาฬิกาของ OMEGA หลายรุ่นทั้งแบบที่ใช้ในโลกแห่งกีฬาและสำรวจอวกาศที่ไม่พึงประสงค์แสงสะท้อน

OMEGA

3.แทนทาลัม

แทนทาลัมคือโลหะสีน้ำเงินอมเทาสะท้อนแสงที่หายากยิ่งกว่าทองคำ แข็งยิ่งกว่าเหล็กกล้า และมีคุณสมบัติต้านทานการกัดกร่อนสูง คุณสมบัติเฉื่อยยังทำให้โลหะชนิดนี้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจนอกจากแพลตินัม สีทึบ, หนาแน่นสูง ยืดหยุ่นง่ายสามารถนำความร้อนและไฟฟ้าได้ดีเยี่ยม แน่นอนว่ามันยากที่จะนำมาแปรรูป และยิ่งไม่พบบ่อยในอุตสาหกรรมการผลิตเรือนเวลา ชื่อของโลหะชนิดนี้ได้มาจากเทพปรณัมของกรีก กษัตริย์ Tantalus ถูกสาปให้ต้องยืนในน้ำสูงถึงเข่า แต่พระองค์ไม่สามารถเอื้อมถึงผลไม้ที่อยู่ด้านบนหรือก้มลงดื่มน้ำได้ สะท้อนถึงคุณสมบัติของโลหะที่ไม่สามารถทำปฏิกิริยากับกรดแม้จะถูกแช่ก็ตามที โอเมก้า ใช้แทนทาลัมในการผลิตชิ้นส่วนเพื่อความสวยงามเช่นขอบตัวเรือนและข้อสายนาฬิกา

OMEGA

4.แพลตินัม

แพลตินัมโดดเด่นในด้านการเป็นวัสดุหรูด้วยความหายาก สีขาวเงินนั้นทนทานและเล่นกับแสงที่ส่องกระทบได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังเป็นโลหะที่แทบไม่ทำปฏิกิริยาและมีคุณสมบัติในการทนทานต่อการสึกกร่อนอย่างยิ่ง ความหายากของวัสดุชนิดนี้จึงทำให้มีภาพลักษณ์ที่เกี่ยวกับความพิเศษและความร่ำรวย นี่คือเหตุผลว่าทำไม โอเมก้า จึงเลือกแพลตินัม 950 สำหรับเรือนเวลาระดับสูงของตน นาฬิกาเหล่านี้จะช่วยให้ผู้สวมใส่ดูโดดเด่นและมอบสัมผัสพิเศษกว่าวัสดุอื่นใด

OMEGA

5.Liquidmetal™

นับตั้งแต่ปี 2010 แบรนด์ โอเมก้า ได้จับคู่เซรามิกเข้ากับอัลลอยด์ที่มีชื่อว่า Liquidmetal™ มอบความเป็นไปได้ใหม่ในการตกแต่งเรือนเวลาด้วยโลหะสีเทาซึ่งมีคุณสมบัติต้านทานรอยขีดข่วนได้ดีกว่าเดิมและมีความเสถียรอย่างยิ่ง อัลลอยด์ชนิดนี้ได้จากการผสมไทเทเนียม เซอร์โคเนียมและทองแดง มันมีความแข็งเป็นสามเท่ามากกว่าสแตนเลสสตีล Liquidmetal™ เมื่อจับคู่กับเซรามิกแล้วก็จะฉายแววโดดเด่นโดยอัลลอยด์สามารถถูกขัดแต่งจนตัดกันได้อย่างลงตัว (ขัดด้านหรือขัดเงา) เนื่องจากคุณสมบัติความแข็งที่แตกต่างกันระหว่างวัสดุสองชนิด

OMEGA

6.อัลลอยพิเศษ

หนึ่งในสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทในการผลิตนาฬิกาของ โอเมก้า ในปัจจุบันคืออัลลอยหลากหลายแบบของแบรนด์ซึ่งช่วยให้การออกแบบเครื่องบอกเวลาของตนมีความหลากหลาย มอบเฉดสีใหม่และทนทานยาวนาน อัลลอยด์แต่ละประเภทคือนวัตกรรมที่รวมคุณสมบัติพิเศษไว้หลายประการในขณะที่มอบประสบการณ์และคุณภาพให้กับลูกค้าที่ไม่สามารถหาได้จากผู้ผลิตนาฬิกาอื่นใด

อัลลอยนำสมัยเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงคุณภาพชั้นยอด และมักพบในการผลิตตัวเรือน สายนาฬิกา ชุดเข็ม สิ่งประดับและชิ้นส่วนกลไก

7.ทอง Sedna™

ทองคำที่บริสุทธิ์ที่สุด (24K) นั้นจะมีสีเหลืองอมแดงเล็กน้อยและอ่อนเกินกว่าจะนำมาใช้งาน ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องทำให้อยู่ในรูปอัลลอยด์ด้วยการเจือโลหะชนิดอื่นซึ่งนับเป็นกระบวนการปกติก่อนการนำมาผลิตนาฬิกาและเครื่องประดับ

ทุกวันนี้ ทอง 18K (สัดส่วนทองบริสุทธิ์มีอย่างน้อย 75%) นั้นได้รับการพิจารณาว่าเป็นมาตรฐานชั้นยอด เป็นสมดุลระหว่างความบริสุทธิ์และการนำมาใช้ประโยชน์ได้จริง

โอเมก้า นำทอง Sedna™ 18K หรือโรสโกลด์ของตนมาใช้งานตั้งแต่ปี 2012 โดยชื่อ Sedna ได้มาจากดาวเคราะห์น้อย Sedna เทหวัตถุที่ได้รับการระบุว่าเป็นหนึ่งในวัตถุที่มีสีแดงที่สุดในระบบสุริยะ ทอง Sedna™ ไม่เพียงแต่มีคุณสมบัติตรงตามทอง 18K ทั้งหมดแต่ยังทนทานไม่ซีดจางตามกาลเวลาโดยง่าย

ส่วนประกอบของทอง Sedna™ 18K

  • ทอง >75%
  • ทองแดง >20% (เพื่อแต่งสี)
  • พัลลาเดียม >1% (เพื่อความเสถียร)

OMEGA

8.Canopus Gold™

OMEGA

แบรนด์ โอเมก้า ได้ใช้ Canopus Gold™ ซึ่งเป็นไวท์โกลด์อัลลอย 18K ตั้งแต่ปี 2015 นอกจากจะให้ความหรูหราในทุกอณู ทองชนิดนี้ยังถูกจัดไว้ในกลุ่มทอง 18K แบบเดียวกับทองชนิดอื่นๆ Canopus Gold™ โดดเด่นด้วยความแวววาวสูง ความขาว ความทนทานไม่ซีดจาง มันจึงเป็นวัสดุในอุดมคติของเครื่องบอกเวลาชั้นสูงหรือนาฬิกาประดับเพชร

อัลลอยชนิดนี้ได้รับการตั้งชื่อตามดาว Canopus ที่สุกสกาวซึ่งมีขนาดใหญ่กว่า 71 เท่าและสว่างกว่า 10,000 เท่าเมื่อเทียบกับดวงอาทิตย์ของเรา เนื่องจากความสว่างและตำแหน่งทำให้ Canopus กลายเป็นดาวทางองค์กรอวกาศมากมายใช้อ้างอิงเสมอ

ส่วนประกอบของ Canopus Gold™

  • ทองคำ >75%
  • พัลลาเดียม >20%
  • แพลตินัม >1%
  • โรเดียม >1%

OMEGA

9.ทอง Moonshine™

โอเมก้า ได้รังสรรค์ทอง Moonshine™ เยลโลว์โกลด์อัลลอย18K ขึ้นในปี 2019 โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากแสงจันทร์ที่เฉิดฉายท่ามกลางท้องฟ้าสีน้ำเงิน ทอง Moonshine™ 18K ของ โอเมก้า นั้นมีสีที่อ่อนกว่าเยลโลว์โกลด์ 18K ทั่วไปและทนทานต่อการซีดจางมากกว่า

OMEGA

ส่วนประกอบของทอง Moonshine™

  • ทอง >75%
  • ทองแดง <9%
  • เงิน >14%
  • พัลลาเดียม >1%

OMEGA

10.ทองบรอนซ์ (Bronze Gold)

ทองบรอนซ์ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อมอบเฉดสีอ่อนและสะกดสายตา อีกทั้งยังเป็นบรอนซ์อัลลอยด์ที่สามารถสัมผัสกับร่างกายได้โดยตรงจากส่วนผสมที่ไม่เหมือนใคร อัลลอยด์ชนิดนี้ประกอบด้วยโลหะมีค่าอย่าง ทอง 37.5% หรือทอง 9K เช่นเดียวกับพัลลาเดียมและเงินเพื่อสร้างสีที่อยู่ตรงกลางระหว่างทอง Moonshine™ และทอง Sedna™ 18K นอกจากจะมอบเฉดสีชมพูอ่อน ทองบรอนซ์จะสามารถต้านทานการสึกกร่อนโดยไม่เกิดออกซิเดชันเป็นคราบสีเขียวน้ำเงิน และจะค่อยๆ แสดงร่องรอยจากกาลเวลาอย่างช้าๆ รักษาพาทิน่าธรรมชาติอันงดงามได้ยาวนาน สำหรับผู้ที่หลงใหลในนาฬิกาบรอนซ์และวัสดุนำสมัย นี่คือตัวเลือกที่คุณไม่ควรพลาด!

OMEGA

ส่วนประกอบของทองบรอนซ์:

  • ทองแดง: 50%
  • ทองคำ: 37.5%
  • เงิน: > 5%
  • กัลเลียม: < 5%
  • พัลลาเดียม: < 5%

OMEGA