Seiko Sumo Pepsi SBDC057 ของดีที่ต้องสั่งจากต่างแดน

โดย

MP4/4

20/01/2018

ตอนที่เปิดตัวรุ่นปรับโฉบ Seiko มีทางเลือกของ Sumo ในรุ่นปกติเพียงแค่ 2 รุ่นเท่านั้น คือ ดำกับน้ำเงิน จนกระทั่งถึงปลายปี 2017 พวกเขาถึงเปิดตัวทางเลือกใหม่ที่ทุกคนรอคอย นั่นคือ Sumo Pepsi กับรหัส SBDC057 ออกมาเป็นทางเลือกที่ 3 อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจนถึงตอนนี้ Sumo Pepsi จะมีขายแค่ในตลาดญี่ปุ่น แต่โลกเราในปัจจุบันมันแคบ และไม่มีพรมแดนทางการสื่อสารอีกต่อไป ดังนั้น เจ้านี่จึงบินตรงเข้ามาอยู่ในกรุของผมได้อย่างไม่ยาก…ถ้าอยากจะได้

Seiko Sumo Pepsi SBDC057 ของดีที่ต้องสั่งจากต่างแดน

เป็นทางเลือกที่ 3 สำหรับ Sumo รุ่นปกติ ต่อจาก Sumo ดำ และน้ำเงิน
เปลี่ยน Insert ของ Bezel มาเป็นแบบ Pepsi สีน้ำเงินสลับแดง และชุดเข็มทั้งหมด
ราคาป้ายในญี่ปุ่น 60,000 เยน และยังไม่มีส่งออกมาขายในตลาดนอกประเทศ

- Advertisement -

ออกตัวก่อนว่า ผมกับ Seiko Sumo ถือเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด และเจ้านี่เดินเข้าออกจากกรุน่าจะ 4-5 ครั้ง ยอมรับครับว่า Sumo เป็นนาฬิกาที่ซื้อง่ายขายคล่อง จนเรียกว่าถือเป็นจุดเด่นของตัวนาฬิกาเองเลยก็ว่าได้ แต่ก็น่าแปลกเช่นกันที่เมื่อมองจากในแง่ของความสวยและความลงตัวแล้ว มันกลับยังไม่สามารถมัดใจผมได้สักที จนกระทั่งเมื่อพวกเขาเปิดตัวรุ่นใหม่ที่เป็นขอบ Pepsi จากโรงงานออกมาในรหัส SBDC057 ในตลาดญี่ปุ่น…นั่นแหละทำให้ผมต้องกลับหันมามอง Sumo กันใหม่อีกครั้ง

ก่อนที่จะมาถึงจุดนี้ย้อนความกันสักนิดสำหรับ Sumo ซึ่งผมก็คงไม่เขียนถึงพวก Limited ที่มีหลายรุ่นเหมือนกันแต่ไม่มาก ส่วนรุ่นปกตินั้นพวกเขาเปิดตัวออกมา 3 ทางเลือกเมื่อปี 2007 ในรหัส SBDC001 หน้าดำสายเหล็ก SBDC003 หน้าน้ำเงินสายเหล็ก และ SBDC005 หน้าส้มสายยาง จากนั้นก็มีการปรับโฉมเมื่อปี 2014 เปลี่ยนหน้าให้มีตัว X พร้อมกับเพิ่มความสว่างของพรายน้ำก่อนขายในรหัส SBDC031 สำหรับสีดำ และ SBDC033 สำหรับสีน้ำเงิน และก็ถ้าไม่นับตัวเต็ดทั้งหลาย Sumo ก็มีขายอยู่แค่นี้มาโดยตลอด

ในแง่ของราคาเคาน์เตอร์ ณ ตอนนั้นและตอนนี้ก็หนีห่างกันไม่มาก โดยอยู่ที่ประมาณ 24,000 บาท แต่คุณสามารถหาตามร้านข้างนอกได้ในระดับหลักหมื่นกลางๆ ซึ่งเมื่อบวกกับหน้าตาแบบพิมพ์นิยมของนาฬิกาดำน้ำ เนื้องานที่ถือว่าดูดีสำหรับระดับหลักหมื่น และกลไกในตระกูล 6R15 ที่มีความเที่ยงตรงในระดับหนึ่ง และสำรองพลังงานได้ 50 ชั่วโมง จึงทำให้ Sumo กลายเป็นขวัญใจของนักสะสมทั้งแฟน Seiko และไม่ใช่แฟน แต่ต้องการมองหานาฬิกาที่คุ้มค่ากับราคา และแทบจะเรียกว่ากำไรใส่เพราะราคามือสองในตอนนี้ ต่างกับของใหม่แค่นิดหน่อยเท่านั้น เพียงแต่พักหลังๆ Sumo จะค่อนข้างขึ้นชื่อในเรื่องของมาร์คบน Bezel Insert ตรงหลัก 30 ไม่ตรงกับ 6 นาฬิกาของ Insert ในหน้าปัดนาฬิกา จนถึงกับมีการเหน็บกันว่า ถ้าได้เรือนที่มีมาร์คตรงอาจจะเป็นของปลอมก็ได้

Seiko Sumo Pepsi SBDC057 ของดีที่ต้องสั่งจากต่างแดน

ประสบการณ์ของผมกับ Sumo เป็นเรื่องของรุ่นเก่าเสียเป็นส่วนใหญ่ เพราะเคยซื้อหน้าน้ำเงินมา 2 รอบ หน้าส้ม 1 รอบ ก่อนไปสอยหน้าเงินตัว Limited ที่ King Power เทกระจาดออกมาแบบทำให้คนซื้อก่อนถึงกับน้ำตาไหลริน สุดท้ายทุกเรือนเดินทางออกจากกรุของผมหมดเลย

เหตุผล ?

ยอมรับว่าทุกครั้งที่ซื้อ มีคำว่ากระแสและแรงยุของคนขายเข้ามาเกี่ยวข้อง หน้าน้ำเงินที่ผมซื้อเข้ามานั้นอยู่ในช่วงที่กำลังเริ่มสะสมกรุ ดังนั้นเมื่อถามใครเกี่ยวกับ Seiko คำตอบที่ได้คือ นี่เป็นยาสามัญประจำกรุ หรือ Must Have ที่จะขาดไม่ได้ แต่ผมกลับไม่รู้สึกอย่างนั้นสักเท่าไรนะ ในแง่ภาพรวม Sumo สอบผ่าน เนื้องาน คุณภาพ และหน้าตามาตรฐานที่ใครๆ ก็ตัดสินใจไม่ยาก แต่ผมกลับไม่ชอบรายละเอียดเล็กๆ น้อยที่ส่งผลต่อความรู้สึก เช่น ความไม่สมดุลของตัวเรือนกับความกว้างขาสาย ซึ่ง Sumo เหมือนกับคนอ้วนแต่ขาลีบ เพราะตัวเส้นผ่านศูนย์กลาง 45 มิลลิเมตร แต่ความกว้างขาสายดันแค่ 20 มิลลิเมตร มันก็เลยดูแปลกๆ

แต่ที่หนักใจมากที่สุดสำหรับตัวเองคือ การออกแบบรูยึดสปริงบาร์บนขาสายต่ำมาก ต่ำชนิดที่ไม่ว่าคุณจะจับคู่กับนาฬิกาอะไรที่เป็น After Market และไม่ใช่สายเหล็ก มันก็จะเกิดช่องว่างระหว่างหัวสายกับตัวเรือนชนิดที่มองแล้วเห็นรูขุมขนบนข้อมือของคุณจากระยะการมองบนข้อมือปกติได้เลย ไม่ว่าจะสายอะไร (ยกเว้นสายที่ออกแบบมาเพื่อ Sumo โดยเฉพาะ เช่น Crafter Blue กับสาย NATO) คุณไม่มีทางจัดการเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้เลย ยังไงก็ต้องเหลือ ไม่มากก็น้อย ขึ้นอยู่กับคุณมีวิธีจัดการที่มีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน และในฐานะที่ชอบเปลี่ยนสายและไม่ใส่สายเดิม นั่นก็เลยทำให้ผมไม่ค่อยปลื้ม Sumo สักเท่าไร

แน่นอนว่าเจ้า Sumo SBDC057 A.K.A. Sumo Pepsi ก็ยังคงคุณสมบัติที่บั่นทอนความชอบของผมเอาไว้อย่างครบถ้วนเหมือนเดิม แต่ที่เพิ่มเติมเข้ามาและพอจะหักลบกลบความคาใจตรงนี้ออกไปได้พอประมาณคือ การมากับ Bezel แบบ Pepsi และเข็มวินาทีสีแดงสดที่สะกดสายตาของผมเอาไว้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็นบนหน้าเว็บของชอป Online ในญี่ปุ่นเมื่อปลายปีที่แล้ว

สารภาพเลยว่าผมเป็นแฟนนาฬิกาดำน้ำแบบ Pepsi (หมายถึงขอบ Bezel มีสีน้ำเงินและแดง) ซึ่งทุกเรือนที่มีเวอร์ชันนี้ออกมา ถ้าไม่แพงจนเกินไป ส่วนใหญ่จะได้กินเงินผมเสมอ และในกรณีของ Sumo SBDC057 หรือ Sumo Pepsi ก็เช่นกัน ซึ่งหลังจากรีรออยู่พักหนึ่ง และมีข่าวแว่วมาว่าอาจจะไม่มีเข้ามาขายในเมืองไทย นั่นก็เลยทำให้ผมตัดสินใจทุบกระปุก แล้วสอยเข้ามาทันทีหลังจากที่ของหิ้วเริ่มหลุดเข้ามาในโลกออนไลน์ของเมืองไทย

จ่ายแพงหน่อย (ในราคาที่รับได้) แต่ได้หล่อก่อน…ประเด็นนี้ผมไม่ซีเรียสเท่าไร เพราะราคาของเจ้าตัวนี้ก็ไม่ได้แพงไปกว่า Sumo หน้าปกติที่ขายในบ้านเรามากจนเกินงาม แม้ว่าราคาป้ายในญี่ปุ่นจะตั้งเท่ากันที่ 60,000 เยนก็ตาม อันนี้ก็ขึ้นอยู่ว่าคนหิ้วมีต้นทุนตรงนี้อยู่ในระดับไหน แต่ถ้าตัวเลขป้ายบวกลบ 15,000 บาท ผมถือว่ารับได้กับการที่ไม่ต้องออกแรงถ่อไปซื้อเองถึงโน่น หรือสั่งเข้ามาแล้วก็ต้องมาเสี่ยงโดนเมียจับได้พร้อมกับของกลาง ตอนไปรษณีย์เดินเข้ามาส่งของถึงหน้าบ้าน

ในแง่ของตัวเรือนและรายละเอียดของตัวนาฬิกา ผมยอมรับว่า Sumo มาพร้อมกับตัวเรือนที่ออกแบบได้ค่อนข้างสวย แต่รูปทรงอาจจะดูสูงวัยไปหน่อยในมุมมองของผมเมื่อเปรียบเทียบกับนาฬิกาในกลุ่ม Prospex รุ่นอื่นๆ ด้านข้างตัวเรือนและขาสายมีการขัดแต่งแบบขัดงาและด้านสลับกัน ดูลงตัวอย่างมาก และในเวอร์ชัน Sumo SBDC057 หรือ Sumo Pepsi เลือกใช้เป็นพื้นฐานในการดัดแปลงก็มาจากรุ่น SBDC033 หน้าน้ำเงิน พร้อมกับเปลี่ยน Bezel Insert ชุดเข็ม และรายละเอียดบางจุด

Seiko Sumo Pepsi SBDC057 ของดีที่ต้องสั่งจากต่างแดน

สำหรับใครที่ต้องการซื้อและกลัวว่าจะได้ของไม่แท้ แต่เป็นการโมฯ ด้วยชุด Aftermarket ผมว่าไม่ใช่เรื่องที่น่าหนักใจเท่าไร

สิ่งที่ต่างกันระหว่างของเดิมๆ จากโรงงานคือ Sumo Pepsi มากับขอบ Bezel แถบสีแดงสำหรับช่วยให้คนที่ใช้งานกับตรงนี้จริงๆ เช่น พวกนักดำน้ำ สามารถทราบถึงเวลาที่จำเป็นในการดำน้ำของพวกเขา ตรงนี้ยาวจนถึงเลข 15 เท่านั้น ขณะที่ Insert Bezel ของพวก Aftermarket ส่วนใหญ่จะยาวจนถึงเลข 20

อีกหลายจุดที่สังเกตได้คือ ส่วนใหญ่พวกเขาจะเลือกโมฯ แต่ขอบ Bezel แต่ไม่เปลี่ยนเข็ม ถึงแม้จะได้ชุดเข็มของ PADI เข้ามา ก็ยังสังเกตได้อยู่ดี เพราะชุดเข็มของ Sumo หน้าน้ำเงินจะเป็นสีเงินตลอดทั้งเข็ม แต่ของ Sumo Pepsi เข็มวินาทีจะเป็นปลายสีแดงสำหรับส่วนที่มีสารเรืองแสง และปลายด้านท้ายของทุกเข็มจะเป็นสีดำ ส่วนของ PADI ที่มีความคล้าย สุดท้ายก็ต่างกันตรงที่เข็มนาทีจะแป็นสีแดงทั้งเข็ม ส่วนอีกจุดคือ Insert ในหน้าปัด ของ Sumo Pepsi จะเป็นสีดำ ไม่ใช่สีน้ำเงินเหมือนกับ Sumo น้ำเงิน รวมถึงตัว Pepsi ลบตัว S ออกจากเม็ดมะยมด้วย

ดังนั้น ใครที่คิดจะซื้อก็ไม่ต้องกังวลไป แค่จำรายละเอียดพวกนี้ให้ดีๆ

กลับมาเรื่องมิติของตัวเรือนนั้น ด้วยเส้นผ่านศูนย์กลางในระดับ 44 มิลลิเมตร แต่ตัวเรือนมีขาค่อนข้างยาวด้วย Lug-to-Lug ในระดับ 53 มิลลิเมตร อาจจะทำให้คนข้อมือต่ำกว่า 7 นิ้วเกิดอาการกางได้ แม้ว่าตัวขาสายทั้ง 2 ฝั่งจะได้รับการออกแบบให้งุ้มลงมาก็ตาม พวกคนข้อมือเล็กกว่านี้ ควรลองทาบกับรุ่นปกติจากเคาน์เตอร์ทั่วไป หรือของเพื่อนก่อนก็จะดี ขณะที่เรื่องความหนาของตัวเรือนนั้นไม่น่าจะเป็นประเด็นอะไร เพราะ Sumo ถือว่าเป็นนาฬิกาที่มีขนาดส่วนนี้พอเหมาะ13.5 มิลลิเมตร และเมื่อบวกกับการออกแบบตัวเรือนให้โค้งและงุ้มลงเวลาคาดอยู่บนข้อจะไม่รู้ถึงความเทอะทะเหมือนกับพวก Tuna Can หรือนาฬิกาบางซีรีส์ของ Prospex

ส่วนสายเหล็กมีรูปแบบที่ไม่ต่างจากตัวก่อนเป็นแบบขัดเงาสลับด้านดูสวยและมีความแน่นหนา พร้อมกับตัวล็อกสายแบบ 2 ชั้นตามมาตรฐานสายเหล็กของ Seiko ขณะที่ด้านบนของตัวสายมีข้อต่อ Link ซึ่งจะทำหน้าที่เชื่อมต่อระหว่างตัวเรือนนาฬิกากับสายเหล็กเอาไว้ ซึ่งเป็นข้อต่อแยกจากสายเหล็ก โดยจะหลุดทันทีเมื่อดึงสปริงบาร์ออก

โอเค ข้อต่อนี้ช่วยทำให้ตัวสายสามารถแนบสนิทกับตัวเรือน แต่ในมุมของคนชอบถอดสายเปลี่ยน การทำแยกและไม่รวมเป็นชุดเดียวกับสายเหล็ก ผมคิดว่ามันไม่ค่อยสะดวกในการจัดเก็บสักเท่าไร และมีความเสี่ยงที่จะสูญหายได้ โดยเฉพาะพวกที่ไม่ระวังอย่างผมเป็นต้น

ในด้านกลไกนั้น 6R15 ถูกนำมาใช้ครั้งแรกในปี 2006 และถือว่าอ้างอิงพื้นฐานมาจากกลไกแบบ 7S26 แต่มีสเป็กสูงกว่าด้วยการเพิ่มชุดHack เข็มวินาที ขึ้นลานมือ พลังสำรองที่มากขึ้น และใช้ Mainspring แบบ Spron150 ซึ่งเป็นวัสดุที่ Seiko คิดค้นขึ้นมา และสร้างจากวัสดุที่มาจาก Cobalt, Nickel, Chromium และ Molybdenum เป็นส่วนประกอบหลัก โดยโรเตอร์เหวี่ยงขึ้นลานแบบ 2 ทาง

กลไก 6R15 ถือว่าเป็นกลไกที่ได้รับการยอมรับทั้งในเรื่องความเที่ยงตรง ซึ่งอยู่ในระดับ +25/-15 วินาทีต่อวัน กำลังสำรองที่ค่อนข้างเยอะ ด้วยตัวเลข 50 ชั่วโมง โดยที่ตัวกลไกมีทับทิมจำนวน 23 เม็ด และเดินด้วยความถี่ในระดับ 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง

มาถึงตรงนี้ สิ่งเดียวที่ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน คือ สุดท้ายแล้วทาง Seiko Thailand จะนำนาฬิการุ่นนี้เข้ามาขายหรือเปล่า เพราะ ณ ตอนนี้ Seiko SBDC057 หรือ Sumo Pepsi ก็ยังเป็นเวอร์ชัน JDM คือ มีขายเฉพาะในตลาดญี่ปุ่นเท่านั้น ยังไม่มีการเปิดตัวหรือส่งออกมาขายยังตลาดแห่งอื่นๆ เลย ดังนั้น ถ้าต้องการหล่อก่อนใคร ก็ต้องเดินทางไปสอยถึงที่ หรือไม่ก็รอช้อนเอาจากบรรดาพ่อค้าที่หิ้วเข้ามาขายตามเว็บไซต์หรือกลุ่ม Facebook

ราคาของเจ้า Seiko SBDC057 หรือ Sumo Pepsiอยู่ที่ 60,000 เยน หรือ 18,000 บาทซึ่งก็เท่ากันรุ่นปกติอื่นๆ ของ Sumo ขณะที่ราคาส่วนลดอันนี้แล้วแต่ความสามารถในการหาของแต่ละท่านเลย แต่ตามปกติแล้วจะอยู่ที่ 45,000 เยน หรือ 13,500 บาทโดยประมาณ หรือตัวเลขต่ำสุดที่เราเคยเห็นจากการบอกเล่า คือ 42,000 เยน หรือ 13,200 บาท

ส่วนราคาขายตามเว็บไซต์ เท่าที่เราเจอต่ำสุดนั้นอยู่ที่ 14,800 บาท และด้วยความฮ็อตที่มี Demand มากกว่า Supply ส่วนใหญ่แล้วจะ Sold ไปในเวลาอันรวดเร็ว จนทำให้ในตอนนี้ราคาขยับขึ้นมาอยู่ในระดับ 15,500-15,900 บาท ถึงตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณเองแล้วละครับ เพราะทางเลือกของเราคือ ถ้าไม่ไปหิ้วเองถึงโน่น ก็ต้องรอของหิ้วในบ้านเรา ซึ่งราคาก็จะผันแปรกับกลไกของตลาด

สำหรับผมยึดหลัก ซื้อก่อนหล่อก่อน (ในราคาที่รับได้) ครับ