OMEGA กับนวัตกรรมด้านวัสดุเพื่อเรือนเวลา (ตอนที่ 2)

0
- Advertisement -

มาทำความรู้จักกับวัสดุต่างๆ ที่ OMEGA นำมาใช้ในการผลิตชิ้นส่วนต่างๆ ของนาฬิกาข้อมือ ซึ่งวัสดุแต่ละประเภทนอกจากจะตอบสนองในด้านความสวยงามแล้ว ยังมีคุณสมบัติเฉพาะตัวที่แตกต่างกันออกไป

OMEGA กับนวัตกรรมด้านวัสดุเพื่อเรือนเวลา (ตอนที่ 2)

เรื่องราวของวัสดุต่างๆ ที่ถูกนำมาใช้กับโลกแห่งเรือนเวลายังมีอีกมากมาย และในครั้งนี้เราจะมาดูกันว่า นอกเหนือจากกลุ่มโลหะที่เคยนำเสนอไปในตอนที่แล้ว ยังมีวัสดุประเภทไหนบ้างที่ถูกนำมาพัฒนาและใช้งานสำหรับการผลิตชิ้นส่วนต่างๆ ของนาฬิกา

สำหรับตอนแรกของบทความอ่านได้ ที่นี่

  • เซรามิก

OMEGA มีความเชี่ยวชาญชนิดหาตัวจับได้ยากในการนำเซรามิกมาใช้กับการผลิตนาฬิกา ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมามากกว่า 10 ปีในการจับคู่ขอบตัวเรือนเข้ากับ Liquidmetal™ และหน้าปัดที่ใช้ในคอลเลคชั่น Seamaster Planet Ocean ปัจจุบันแบรนด์สามารถที่จะนำเสนอนาฬิกาที่ถูกออกแบบมาอย่างประณีตจากวัสดุดังกล่าว เซรามิกมักถูกนำมาใช้ผลิตตัวเรือนทั้งชิ้น ขอบตัวเรือน เม็ดมะยมและปุ่มกด หัวสายนาฬิกา บานพับและหน้าปัด เซรามิกคือหนึ่งในตัวเลือกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจากลูกค้าเมื่อมองหานาฬิกาซักหนึ่งเรือน ต้องขอบคุณเฉดสีที่ชวนลุ่มหลงและคุณสมบัติจำเพาะที่เบากว่าสแตนเลสสตีลสองเท่า ทนทานต่อรอยขีดข่วน ไม่ทำปฏิกิริยาทางเคมีและไม่ถูกเหนี่ยวนำโดยสนามแม่เหล็ก

เซรามิก :ต้นกำเนิดของคำนี้มาจากคำในภาษากรีกว่า “keramos” เซรามิกเป็นสารอนินทรีย์ อโลหะที่ได้จากการเผาที่อุณหภูมิสูงชนิดนี้ทำให้เราสามารถผลิตชิ้นส่วนนาฬิกาที่มีความหนาแน่นสูงและมีคุณสมบัติเชิงกลที่เหนือระดับได้ มันไม่ทำปฏิกิริยาทางเคมี, ทนทานต่อการใช้งาน, ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

Omega-Material

ขั้นตอนการผลิตเซรามิก

Omega-Material

การผลิตตัวเรือนเซรามิก

Omega-Material

ขั้นตอนที่ 1: อัดผงเซรามิกเซอร์โคเนียมดิบให้เป็นทรงตัวเรือน

Omega-Materialขั้นตอนที่ 2: ตัวเรือนจะหดลงจนได้รูปเมื่อผ่านกระบวนการเผาซินเตอร์ ก่อให้เกิดความแข็งและทนทานต่อรอยขีดข่วน การเผาซินเตอร์เป็นขั้นตอนที่ต้องให้ความร้อนที่อุณหภูมิสูงถึง 1,400 องศาเซลเซียส

Omega-Material

ขั้นตอนที่ 3: ตัวเรือนจะถูกนำไปขัดแต่งด้วยเครื่องจักรหัวเพชรเพื่อให้ได้มิติและพื้นผิวตามต้องการ

Omega-Material

ขั้นตอนที่ 4: ชิ้นส่วนเซรามิกจะถูกนำไปเข้าเตาเผาพลาสมาที่อุณหภูมิสูงหรือกรรมวิธีทางความร้อนขึ้นอยู่กับสีที่ต้องการ

Omega-Material

  • มนตราของ OMEGA CeragoldTM

ผสานทอง 18K เข้ากับขอบตัวเรือนเซรามิก

1: วงขอบตัวเรือนกำลังเข้าสู่การเผาซินเตอร์

OMEGA CeragoldTM

2: จากนั้นวงขอบตัวเรือนจะเข้าสู่กระบวนการตัดแต่งด้วยเครื่องจักรหัวเพชรเพื่อให้ได้มิติตามที่ต้องการอย่างแม่นยำ

OMEGA CeragoldTM

3: สเกลดำน้ำถูกสลักด้วยเลเซอร์ที่ผิวด้านบน สร้างช่องว่างสำหรับทอง 18K

4: จากนั้นพื้นผิวด้านบนจะถูกสร้างชั้นเหนี่ยวนำด้วยกระบวนการ PVD เพื่อให้ทองสามารถเข้ามาเติมเต็มได้ในกระบวนการขึ้นรูปโลหะตามแบบด้วยวิธีไฟฟ้าเคมี

OMEGA CeragoldTM5: ในขั้นตอนนี้วงเซรามิกที่นำไฟฟ้าจะถูกนำไปแช่สารละลายทองอิเล็กโทรไลท์เป็นเวลานาน 48 ชั่วโมงเพื่อให้ได้ชั้นทอง 18K หนาบนผิวด้านบน

OMEGA CeragoldTM6:  เมื่อวงเซรามิกถูกนำออกมาจากสารละลาย ทองส่วนเกินจะถูกนำออกเพื่อเผยให้เห็นผิวเซรามิกดั้งเดิมและสเกลดำน้ำที่มีชั้นทองบรรจุเต็ม

OMEGA CeragoldTM7: นำทองส่วนเกินออกจนเห็นสเกลชัดเจน ผิวด้านบนได้รับการขัดเงา

OMEGA CeragoldTM8: ผลลัพธ์คือความงามที่ตัดกันได้อย่างลงตัวชวนสัมผัสของสองวัสดุ

OMEGA CeragoldTM

  • คริสตัลแซฟไฟร์

แบรนด์ OMEGA ใช้คริสตัลแซฟไฟร์สังเคราะห์ที่มีสมบัติทนทานต่อรอยขีดข่วนสูงและเคลือบสารกันสะท้อนเติมเต็มให้สามารถรับชมความงามของนาฬิกาได้อย่างเต็มอรรถรส ก่อนที่จะเข้ากระบวนการตัดแต่งให้ได้รูปทรงตามที่ต้องการ คริสตัลแซฟไฟร์จะต้องถูกผลิตภายใต้กระบวนการ Verneuil หรือกระบวนการหลอมเหลวโดยเปลวไฟซึ่งต้องใช้ไฟออกซีไฮโดรเจนหลอมเหลววัตถุดิบและต้องรอให้ตกผลึกทีละหยดจนเกิดเป็นกระบอกของแซฟไฟร์ที่มีคะแนนมาตราความแข็งแร่ของโมลส์ที่ 9 คะแนน (มีทั้งหมดตั้งแต่ 1 – 10) แซฟไฟร์ที่ได้จะทนทานต่อรอยขีดข่วน มีความแข็งสูง และไร้มลทินบดบังการมองเห็นของกระจก

  • วัสดุจากธรรมชาติ

เพชร

เพชรเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นวัสดุที่มีความแข็งสูงสุดในโลก ได้คะแนนมาตราความแข็งแร่ของโมลส์ที่สิบคะแนน และเป็นอัญมนีชนิดเดียวที่มีคาร์บอนเป็นส่วนประกอบทั้งหมด เพชรสามารถเกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติเมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูงและได้รับแรงบีบอัดรุนแรงซึ่งจะเกิดในความลึกที่เจาะจง (ลึกราว 100 ไมล์) ใต้ผิวโลก OMEGA เลือกใช้เพชร “Top Wesselton” ในการนำมาประดับนาฬิกาและเครื่องประดับของแบรนด์ ต้องเป็นเพชรสีขาวที่มีความสะอาดตั้งแต่ pure ไปจนถึง VVS (Very Very Small inclusions) นอกจากจะคัดสรรให้กะรัตที่เหมาะสมแล้ว วิธีการเจียระไนก็ถูกเลือกอย่างพิถีพิถันเพื่อให้ได้เพชรที่มีประกายและแวววาวมากที่สุด อีกทั้ง OMEGA ยังเป็นสมาชิกขององค์กรไม่แสวงหาผลกำไร Responsible Jewellery Council (RJC) ซึ่งช่วยให้ผู้ซื้อมั่นใจได้ว่ากระบวนการผลิตที่เกี่ยวข้องกับแรงงาน วัตถุดิบและสิ่งแวดล้อมนั้นได้ดำเนินไปตามจริยธรรมและเป็นธรรมทั้งหมด

เปลือกหอยมุก

หรือที่รู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่า “nacre” เปลือกหอยมุกคือวัตถุดิบผสมระหว่างอินทรีย์-อนินทรีย์ซึ่งเกิดภายในเปลือกชั้นในของสัตว์จำพวกหอยเช่นเดียวกับมุก มันแข็งแกร่ง ยืดหยุ่น สามารถมอบแสงสะท้อนได้ราวกับสายรุ้ง สีที่มองเห็นจะแตกต่างออกไปจากความยาวคลื่นแสงจากมุมที่สายตามองเห็น คอลเลคชั่นเรือนเวลาสำหรับสตรีของ OMEGA ที่รังสรรค์มาอย่างวิจิตรบรรจงได้ช่วยขับเด่นให้หน้าปัดเปลือกหอยมุกงดงามเป็นเอกลักษณ์อย่างที่สุด

อุกกาบาต

อุกกาบาตเป็นหินธรรมชาติที่มีต้นกำเนิดจากนอกโลกโดยมีองค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นเหล็ก จากสายสัมพันธ์ของ OMEGA กับอวกาศที่มีมาอย่างยาวนานจึงทำให้การเลือกใช้วัสดุชนิดนี้มีความเหมาะสมอย่างยิ่ง อุกกาบาตประเภทเหล็กนับเป็นของขวัญชั้นเลิศให้กับนักออกแบบเนื่องโครงสร้างแบบวิดมันชทาเทนที่เป็นลวดลายแนวเส้นตัดกันซึ่งจะเผยให้เห็นหลังนำไปผ่านกระบวนการพิเศษ อย่างไรก็ตามวัสดุชนิดนี้ไม่เหมาะสำหรับนาฬิกาที่มีความเที่ยงตรงระดับ Master Chronometer เรื่องจากเหล็กที่เป็นองค์ประกอบ สำหรับเรือนเวลา Master Chronometer แบรนด์ OMEGA จะใช้หินอุกาบาตดวงจันทร์ที่มีลวดลายพิเศษแทน