นับจากการพัฒนา Co-Axial ในปี 1999 ทางด้าน OMEGA เดินหน้าในการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อนำไปสู่ความสำเร็จระดับสูงในด้านความเที่ยงตรง และในปี 2023 พวกเขาเปิดตัวนวัตกรรมล่าสุดแห่งความเที่ยงตรงที่มีชื่อว่าใยนาฬิกา Spirate ซึ่งเปิดตัวและวางอยู่ในนาฬิการุ่นแรกคือ OMEGA Speedmaster รุ่นใหม่ล่าสุดในชื่อ Super Racing Spirate
OMEGA Spirate อีกพัฒนาการแห่งความเที่ยงตรง
-
MEGA ใช้เวลานานถึง 25 ในการพัฒนานวัตกรรมเพื่อความเที่ยงตรง
-
จาก Co-Axial มาสู่ใยนาฬิกาที่ชื่อ Spirate
-
เปิดตัวและวางอยู่ในนาฬิการุ่นแรกคือ OMEGA Speedmaster รุ่นใหม่ล่าสุดในชื่อ Super Racing Spirate
ตั้งแต่การดำดิ่งสู่ห้วงลึกใต้ท้องทะเลที่ทำลายสถิติไปจนถึงการลงจอดบนดวงจันทร์ ตัวตนของ OMEGA นั้นเพียบพร้อมด้วยความสำเร็จมากมาย อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จสุดยิ่งใหญ่ครั้งแรกในปีนี้แท้จริงแล้วกลับมาจากสิ่งประดิษฐ์ขนาดเล็กจิ๋ว ที่เรียกว่าใยนาฬิกา หรือ Balance Spring ซึ่งแม้ว่าจะเป็นชิ้นส่วนขนาดเล็กๆ แต่สามารถสร้างผลกระทบระดับมหาศาลได้ โดยเฉพาะในแง่ของความเที่ยงตรง
OMEGA Speedmaster รุ่นใหม่ล่าสุดในชื่อ Super Racing Spirate นั้นสามารถปรับความเที่ยงตรงได้อย่างละเอียดเพราะระบบ Spirate ที่มาพร้อมกับสายใยนาฬิการะดับปฏิวัติวงการซึ่งกำลังอยู่ระหว่างขั้นตอนการจดสิทธิบัตรที่สามารถปรับอัตราการแกว่งได้ละเอียดยิ่งกว่าเดิม กลไกที่ไม่โดดเด่นและแตกต่างนี้ช่วยส่งมอบความเป็นไปได้ให้ OMEGA สามารถรับรองความคลาดเคลื่อนที่ลดลงเหลือเพียงแค่ 0/+2 วินาทีต่อวัน
และเพื่อให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่อยู่ในระดับสูงนี้ OMEGA ต้องคิดค้นชิ้นส่วนที่เป็นเฟืองจักรขึ้นใหม่ทั้งชิ้น แบบถูกร่างขึ้นจากฐานข้อมูลทางเทคนิคของ Swatch Group และนำมาผสานเข้ากับความเที่ยงตรง, ความเสถียร และความน่าเชื่อถือของกลไกแบบ In-House ของ OMEGA ที่เหนือระดับในด้าน Chronometric และทางออกระดับนวัติกรรมเพื่อสอดรับกับความต้องการนี้ ก็คือ การสร้างสรรค์ Balance Spring Si14 แบบใหม่ทั้งหมดที่ช่วยให้ช่างนาฬิกาสามารถตั้งความตึงของจุดยึดสายใยนาฬิกาผ่านกลไกแบบเยื้องศูนย์ที่อยู่บน Balance Bridge
วิธีแบบใหม่นี้ได้อาศัยพื้นฐานจากการออกแบบโครงสร้างที่ต่างเชื่อมโยงกันอย่างแม่นยำกับ Bearing ถือเป็นตัวอย่างอันยอดเยี่ยมถึงความตั้งใจจริงของ OMEGA ในการนำแนวคิดใหม่ๆ มาประยุกต์และหาญกล้าผจญต่ออุปสรรคอันท้าทาย
เส้นทางสู่ความสำเร็จของ Spirate นั้น คือ พัฒนาการแห่งการทำงานของ OMEGA ที่ต้องวางเรียงก้อนอิฐแห่งเทคโนโลยีเป็นเวลายาวนานมากกว่า 25 ปี นวัตกรรมแต่ละชิ้นคือผลลัพธ์จากจิตวิญญาณแห่งการบุกเบิกของ OMEGA และยังนับเป็นแกนหลักที่ขาดไม่ได้ในการสรรค์สร้างความสำเร็จครั้งล่าสุดของแบรนด์
1. 1999 ระบบปล่อยจักรแบบ Co-Axial
ประดิษฐ์โดยช่างนาฬิกาชาวอังกฤษ George Daniels (จอร์จ แดเนียลส์) และถูกพัฒนาต่อโดย OMEGA ระบบปล่อยจักรแบบ Co-Axial ช่วยขจัดปัญหาด้านแรงเสียดทานที่ไม่สามารถแก้ไขได้มาหลายศตวรรษด้วยการลดพื้นผิวสัมผัสลงอีกทั้งยังทอนความจำเป็นในการใช้น้ำมันหล่อลื่นที่ส่งผลต่อความเที่ยงตรงมาโดยตลอด
2. 2008 บาลานซ์สปริง Si14
ชิ้นส่วนสำคัญของระบบปล่อยจักรแบบ Co-Axial คือ Balance Spring Si14 ของ OMEGA ซึ่งแม้จะมีขนาดที่เล็กละเอียดมากกว่าเส้นผมมนุษย์ถึงสามเท่า บาลานซ์สปริงซิลิคอนก็มีความยืดหยุ่น, ทนทานต่อการกระแทก และไม่ได้รับผลกระทบจากสนามแม่เหล็กโดยสิ้นเชิง
3. 2013 กลไกรุ่นแรกของโลกที่สามารถต้านทานสนามแม่เหล็กได้อย่างแท้จริง
บาลานซ์สปริง Si และชิ้นส่วนจากที่ผลิตจากวัสดุนอกกลุ่มเหล็กทำให้แบรนด์สามารถรังสรรค์กลไกที่สามารถทนทานต่ออิทธิพลของสนามแม่เหล็กแบบสุดขั้วได้ เช่น กลไก Co-Axial Calibre 8508 ที่ถูกใช้เป็นขุมกำลังให้กับ OMEGA Seamaster Aqua Terra >15’000 GAUSS
4. 2015 การรับรองระดับ Master Chronometer
การรับรองระดับ Master Chronometer ของ OMEGA นั้นล้ำหน้าเกินกว่ามาตรฐานของอุตสาหกรรมด้วยกระบวนการกว่า 283 ขั้นตอนที่ถูกกำหนดโดยสถาบันมาตรวิทยาแห่งสหพันธ์สวิส (METAS) ซึ่งเกี่ยวข้องกับเกณฑ์การทดสอบในแปดด้านตลอดระยะเวลา 10 วัน การทดสอบที่ออกแบบมาเพื่อทดสอบเรือนเวลาจนถึงขีดจำกัดสูงสุด
5. 2023 Spirate
ระบบ Spirate ของ OMEGA ประกอบไปด้วยสายใยนาฬิกาที่กำลังอยู่ในกระบวนการจดสิทธิบัตรซึ่งทำให้สามารถปรับอัตราการแกว่งได้อย่างละเอียด สายใยแต่ละชิ้นผลิตจากซิลิคอนเวเฟอร์ซึ่งได้จากกระบวนการผลิตภายในที่มีชื่อว่า DRIE (Deep Reactive Ion Etching)
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/
YouTube Channel : https://www.youtube.com/channel/anadigionline