Doxa Sub300 Beta เติมสีสันใหม่ให้นาฬิกาดำน้ำสุดคลาสสิค
-
ปรับภาพลักษณ์ให้ดูร่วมสมัยด้วยหน้าปัดแบบ SunBurst และขอบตัวเรือนเซรามิก
-
มีจำหน่ายกับ 5 สีสันใหม่ พร้อมสายยางหลากหลายสี
-
ขับเคลื่อนด้วยกลไก Sellita SW-200 มีราคาอยู่ที่ 1,996.29-2,033.43 ฟรังก์สวิสส์
Doxa แบรนด์นาฬิกาดำน้ำเก่าแก่ของวงการกลับมาสร้างสีสันในตลาดครั้งใหม่ให้กับรุ่น Sub300 ด้วยเวอร์ชัน Beta อย่าง Sub300β หรือ Sub300 Beta มาพร้อมความเปลี่ยนแปลงในเรื่องของสีสันและหน้าตาที่รองรับกับความสปอร์ตสำหรับคนรุ่นใหม่ รวมถึงหลากหลายทางเลือกของสายยางในการจับคู่กับหน้าปัดสีสันต่างๆ โดยที่ยังคงความสามารถในการเป็นนาฬิกาดำน้ำตัวจริงเหมือนเดิม
Sub300 เป็นนาฬิกาที่ถูกปัดฝุ่นนำความคลาสสิคของนาฬิกาดำน้ำของ Doxa ในยุคทศวรรษที่ 1960 กลับมาทำใหม่ โดยพวกเขาเปิดตัวเวอร์ชัน Re-Issue ออกมาเมื่อปี 2016 ในวาระของการครบรอบ 60 ปีของนาฬิกาดำน้ำในตระกูล Sub โดยผู้ที่อยู่เบื้องหลังการก่อกำเนิดของนาฬิการุ่นนี้คือ Urs Eschle ทำงานให้กับ Montres Doxa SA ตั้งแต่ปี 1956 ถึง 1968 และในปี 1964 เป็นต้นมา เขาเป็นผู้จัดการผลิตภัณฑ์ของ Doxa Sub
Eschle ตัดสินใจเริ่มต้นการพัฒนานาฬิกาตระกูล Sub จากศูนย์แทนที่จะลอกแบบผู้ผลิตรายอื่น เขาตั้งทีมวิจัยที่มีนักดำน้ำมืออาชีพหลายคน (หนึ่งในสมาชิกในทีมคือนักดำน้ำชาวฝรั่งเศสชื่อดัง Claude Wesly) และช่างซ่อมนาฬิกาผู้มีประสบการณ์ เป้าหมายของทีมวิจัยมีความชัดเจน นั่นคือ การพัฒนานาฬิกาดำน้ำแบบสปอร์ตราคาไม่แพงเรือนแรกสำหรับนักดำน้ำทั้งในรูปแบบมืออาชีพ และสันทนาการ เป็นอุปกรณ์ที่เชื่อถือได้ สะดวกสบาย สร้างขึ้นตามวัตถุประสงค์เฉพาะและอ่านค่าต่างๆ บนตัวนาฬิกาได้ง่าย
สิ่งที่เขาและทีมได้สร้างขึ้นมาคือ การเลือกสแตนเลสสตีลแบบ Solid พร้อมตัวเรือนแบบ Tonneau เพื่อความทนทานใต้น้ำ เปลี่ยนบทบาทของเข็มชั่วโมงให้มีขนาดเล็กลง และปรับเข็มนาทีให้ใหญ่และดูง่ายขึ้นเพราะมีความสำคัญเวลาใช้งาน ใช้หน้าปัดที่มีสีสันสดใสอย่างสีส้มเพื่อความสะดวกในการดูใต้น้ำ
โดยเฉพาะในช่วงความลึก 30 เมตรที่สีนี้จะดูได้ง่าย และมีหลักชั่วโมงที่ใหญ่ขึ้นเพื่อที่จะได้บรรจุพรายน้ำได้มากขึ้น เอื้อประโยชน์ต่อการมองเห็นได้ง่ายในที่มืดหรือแสงน้อย และขอบตัวเรือนแบบหมุนทางเดียวที่มีทั้งสเกลในการจับเวลา และช่วงเวลาของการพักน้ำก่อนที่จะขึ้นสู่ผิวน้ำ
สำหรับ Sub300 Beta ยังคงทุกรายละเอียดแห่งความคลาสสิคของนาฬิกาดำน้ำยุคแรกของ Doxa เอาไว้ แต่มีการปรับปรุงเพื่อให้สอดรับกับความต้องการที่เปลี่ยนไปด้วยการเลือกใช้วัสดุที่มีความแปลกใหม่มากขึ้น เช่น ขอบตัวเรือนซึ่งตามปกติแล้วจะเป็นแบบสแตนเลสสตีลแบบเซาะร่องสเกลจับเวลาต่างๆ ส่วนในรุ่นนี้จะผลิตจากเซรามิก และรูปแบบของขอบตัวเรือน โดยเฉพาะบริเวณหน้าตัดก็มีดีไซน์ที่แตกต่างออกไปจากรุ่น Sub300 ปกติ ดังนั้น แฟนๆ อาจจะดูแล้วแปลกตาเมื่อพบกับ Sub300 ที่มากับขอบเซรามิกสีดำ
นอกจากนั้นตัวเรือนแม้มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเท่าเดิมที่ 42.5 มิลลิเมตร แต่ยังมีความเพรียวบางลงจากเดิมจะอยู่ที่ 13.4 มิลลิเมตร ก็ลดลงมาอยู่ที่ 11.95 มิลลิเมตร ทำให้สวมใส่สบายมากขึ้น ตัวหน้าปัดจะเป็นแบบลายคลื่นสีดำและมีการขัดแบบ Sunburst เพื่อให้เกิดประกายและความสวยงามเมื่อมีการส่องกระทบกับแสงแดด ส่วนชุดเข็มยังเป็นทรงแท่งแบบเดิม พร้อมกับเข็มวินาทีในสไตล์ Lolli-Pop ที่มีช่องสี่เหลี่ยมอยู่บนปลายเข็ม
นาฬิกาจะมีจำหน่ายทั้งหมด 5 สีหน้าปัดกับ 3 รุ่นย่อยในแต่ละสี รวมแล้ว 15 รุ่นย่อยด้วยกัน คือ
Professional : หน้าปัดดำ เข็มนาทีสีส้ม และใช้ตัวหนังสือสีส้มบนสเกลต่างๆ
- Ref. 830.10.351.10 สายสแตนเลสสตีลลาย Beads of rice
- Ref. 830.10.351.21 สายยางสีส้ม
- Ref. 830.10.351.20 สายยางสีดำ
Searambler หน้าปัดสีขาว เข็มนาทีสีส้ม และสเกลบนขอบตัวเรือนเป็นสีส้ม
- Ref. 830.10.021.10 สายสแตนเลสสตีลลาย Beads of rice
- Ref. 830.10.021.20 สายยางสีดำ
- Ref. 830.10.021.23 สายยางสีขาว
Carribbean หน้าปัดสีน้ำเงิน เข็มนาทีสีส้ม และสเกลบนขอบตัวเรือนเป็นสีส้ม
- Ref. 830.10.201.10 สายสแตนเลสสตีลลาย Beads of rice
- Ref. 830.10.201.32 สายยางสีน้ำเงิน
- Ref. 830.10.201.23 สายยางสีขาว
Divingstar หน้าปัดดำ เข็มนาทีสีเหลือง และสเกลบนขอบตัวเรือนเป็นสีเหลือง
- Ref. 830.10.361.10สายสแตนเลสสตีลลาย Beads of rice
- Ref. 830.10.361.31สายยางสีเหลือง
- Ref. 830.10.361.20 สายยางสีดำ
Aquamarine หน้าปัดดำ เข็มนาทีสีเทอร์ควอยซ์ และสเกลบนขอบตัวเรือนเป็นสีเทอร์ควอยซ์
- Ref. 830.10.241.10 สายสแตนเลสสตีลลาย Beads of rice
- Ref. 830.10.241.25 สายยางสีเทอร์ควอยซ์
- Ref. 830.10.241.20 สายยางสีดำ
การขับเคลื่อนเป็นกลไกอัตโนมัติ Sellita SW-200 ที่ทาง Doxa นำมาขัดแต่งและปรับปรุง แต่ในรุ่นนี้จะเป็นกลไกธรรมดา ไม่ได้มีการปรับแต่งให้มีความเที่ยงตรงจนสามารถผ่านการทดสอบของ COSC ในระดับ Chronometer เหมือนกับรุ่น Sub300 และมีกำลังสำรองอยู่ที่ 38 ชั่วโมง พร้อมความสามารถในการกันน้ำ 300 เมตร
Doxa Sub300 Beta มีราคาอยู่ที่ 1,996.29 ฟรังก์สวิสส์ สำหรับรุ่นสายยาง และ 2,033.43 ฟรังก์สวิสส์สำหรับรุ่นสายสแตนเลสสตีล Beads of rice
รายละเอียดทางเทคนิค : Doxa Sub300 Beta
- เส้นผ่านศูนย์กลาง: 42.5 มิลลิเมตร
- ความหนา: 19 มิลลิเมตร
- Lug to Lug: 44.5 มิลลิเมตร
- วัสดุตัวเรือน: สแตนเลสสตีล
- กระจก: Sapphire Coating for aged appearance
- กลไก: อัตโนมัติ Sellita SW-200
- ความถี่ :4 Hz (28,800 ครั้ง/ชั่วโมง)
- กำลังสำรอง: 38 ชั่วโมง
- การกันน้ำ: 300 เมตร
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/
YouTube Channel : https://www.youtube.com/channel/anadigionline