Oris Guardian Flight Limited Edition ความพิเศษเฉพาะเมืองไทยที่ไม่ควรพลาด

0

ต่อจาก Payoon ครั้งนี้ทาง Oris เปิดตัวนาฬิกา Limited Edition รุ่นใหม่ที่ผลิตเพื่อจำหน่ายในเมืองไทยโดยเฉพาะกับชื่อรุ่น Guardian Flight Limited Edition ที่ใช้พื้นฐานของรุ่น Big Crown ProPilot Big Day Date พร้อมสีสันและการนำเสนอได้อย่างน่าสนใจกับเรื่องราวของผู้ที่อยู่เบื้องหลังในการสยบภัยพิบัติในรูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเมืองไทยด้วยยานพาหนะอย่างเฮลิคอปเตอร์ KA32 ของพวกเขา

Oris Guardian Flight Limited Edition
Oris Guardian Flight Limited Edition

Oris Guardian Flight Limited Edition ความพิเศษเฉพาะเมืองไทยที่ไม่ควรพลาด

  • นาฬิกา Limited Edition ที่ผลิตเพื่อจำหน่ายในเมืองไทยเท่านั้น

  • ใช้พื้นฐานของรุ่น Big Crown ProPilot Big Day Date และแต่งเติมสีสันให้สอดรับกับการปฏิบัติงานของ Guardian Search and Rescue Team

  • มีการผลิตจำหน่ายในเมืองไทยเพียง 100 เรือนเท่านั้น

- Advertisement -

เมื่อกลางปีนี้ ตอนที่รับทราบข่าวว่า Oris จะเปิดตัวนาฬิกาแบบ  Limited Edition ที่มีความเกี่ยวพันกับประเทศไทยออกมาอีกรุ่น คำถามที่อยู่ในก็คือ ‘มันจะเป็นรุ่นอะไรกันแน่ ?’ เพราะในปี 2022 พวกเขาเพิ่งเปิดตัว Payoon

ซึ่งมีความพิเศษกับเรื่องราวและกลไกสุดเอ็กซ์คลูซีฟอย่าง Calibre400 ดังนั้น รุ่นใหม่ที่กำลังจะมาก็เลยคำถามขึ้นว่า พวกเขาจะพาเราลงน้ำหรือขึ้นฟ้า แน่นอนว่า เรามาได้ข้อสรุปเอาในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมากับนาฬิการุ่น Oris Guardian Flight Limited Edition ที่มีจำนวนทั้งหมด 100 เรือน

Oris Guardian Flight Limited Edition กับ Payoon มีความต่างกันอย่างชัดเจน ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องในเชิงกายภาพของตัวนาฬิกาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงแนวทางในการจำหน่ายในตลาดอีกด้วย และจริงอยู่ที่นาฬิกาทั้ง 2 รุ่นมีจุดเริ่มต้นในการพัฒนาโปรเจ็กต์ที่เมืองไทย แต่ Payoon

ซึ่งมีการผลิตออกมา 250 เรือนนั้น มีการวางขายทั่วโลก (เพียงแต่ในเมืองไทยได้โควตาเยอะหน่อย) แต่ Guardian Flight Limited Edition ผลิตเพียงแค่ 100 เรือนเท่านั้นและเป็น Thailand Exclusive Limited Edition อย่างแท้จริง คือ มีขายเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น

Oris Guardian Flight Limited Edition

นี่คือ ความต่างที่ผมคิดว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ Oris สามารถมี Limited Edition สำหรับเมืองไทยเปิดตัวออกมาในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกันมาก

สำหรับตัวผมแล้ว สตอรี่ของนาฬิกาถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะในการบิลด์ให้เกิดอารมณ์ร่วมเพื่อเป็นเจ้าของ และสารภาพตามตรงเลยว่า ก่อนหน้านี้ ผมไม่รู้จักกับชื่อของ Guardian Search and Rescue Team เลย เพราะภาพและข้อมูลที่ถูกสื่อออกมาจากการได้รับชมตามช่องทางสาธารณะนั้น ส่วนใหญ่จะรายงานแค่ภาพข่าวและรายละเอียดแบบคร่าวๆ โดยที่ไม่ได้ลงลึกในหน่วยงานและทีมงานที่อยู่เบื้องหลัง

แน่นอนว่าเราเคยเห็นเฮลิคอปเตอร์สีส้มบินไปมาเวลาที่มีเหตุร้ายอะไรบางอย่างผ่านทางหน้าจอตอนดูข่าวนั้นๆ แต่เราไม่เคยรู้กันเลยว่า คืออะไร ? และอยู่ในสังกัดไหน ? จนกระทั่งการมาถึงของ Thailand Exclusive Limited Edition รุ่นนี้นี่แหละ

Guardian Flight Limited Edition เป็นนาฬิกาที่ถูกสร้างสรรค์ภายใต้พันธกิจ Change For The Better เพื่อบอกเล่าเรื่องราวและให้การสนับสนุนภารกิจของทีมกู้ภัยประจำอากาศยาน ฮ.ปภ.32 หรือ KA32 (Guardian Search and Rescue) สังกัดกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในการปกป้องชีวิตผู้คนและสิ่งแวดล้อมจากไฟป่า รวมถึงบรรเทาและแก้ไขปัญหาสาธารณภัยให้กับประชาชนครอบคลุมทุกพื้นที่ในประเทศไทย

และก่อนที่นาฬิกาจะเปิดตัว Ana-Digi และสื่อ Online กลุ่มหนึ่งได้มีโอกาสไปสัมผัสกับเรื่องราวการทำงาน และเฮลิคอปเตอร์ KA32 ที่มีชื่อเรียกว่าน้องปักเป้าถึงฐานบินที่ลพบุรี ได้เห็นเรื่องราวของพวกเขา การทำงานที่เอาจริงเอาจัง (แม้ว่าจะเป็นการซ้อมภารกิจตามปกติ) และการบรรยายภารกิจของพวกเขาที่จะต้องทำหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยทุกรูปแบบ ไม่เฉพาะแค่การดับไฟเท่านั้น

แต่หมายถึงทุกรูปแบบเท่าที่ KA32 จะสามารถเข้าไปให้การช่วยเหลือ ซึ่งตามปกติแล้ว เฮลิคอปเตอร์จากรัสเซียรุ่นนี้จะมีประจำการทั้งหมด 4 ลำ แต่ในวันที่เราไปมีเหลือแค่ 3 ลำส่วนอีกลำต้องไปประจำการทางภาคใต้เพื่อให้ความช่วยเหลือในเรื่องน้ำท่วม

เมื่อเปรียบเทียบกับหน่วยงานที่เราได้เห็นกันเป็นประจำผ่านทางการเล่าเรื่องต่างๆ นานาแล้ว Guardian Search and Rescue Team อาจจะไม่ได้เป็นที่รู้จักเท่าไร แต่บอกเลยว่าเบื้องหลังของงานกู้ภัยที่เราเห็นตามหน้าข่าวในช่องทางต่างๆ นั้น ส่วนใหญ่แล้วมักจะมีหน่วยงานนี้อยู่เบื้องหลังหลายต่อหลายครั้ง

Guardian Flight Limited Edition มีการใช้พื้นฐานของนาฬิกานักบินรุ่น Big Crown ProPilot ซึ่งถือเป็นนาฬิกานักบินยุคใหมี่ที่ต่อยอดมาจาก Big Crown ซึ่งถือเป็นนาฬิกาที่เป็น Iconic ของแบรนด์และอยู่ในตลาดมาตั้งแต่ปี 1938 โดยมีจุดเด่นอยู่ที่เม็ดมะยมขนาดใหญ่

เพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกในการหมุนปรับเวลาสำหรับนักบินที่สวมถุงมือ Big Crown ProPilot รับเอาดีไซน์และแนวคิดเหล่านี้มาต่อยอดและปรับให้มีความร่วมสมัยมากขึ้น ซึ่งถ้าจะว่ากันแล้ว Big Crown อาจจะเป็นเครื่องบินใบพัด แต่ Big Crown ProPilot คือ เครื่องบินไอพ่นที่มีความทันสมัยขึ้นมา

Oris Guardian Flight Limited Edition Oris Guardian Flight Limited Edition

สิ่งที่ทำกับนาฬิการุ่นพิเศษนี้คือ การสร้างความสัมพันธ์ของเรื่องราวให้เชื่อมโยงกับรายละเอียดที่อยู่บนตัวเรือนนาฬิกา ผมค่อนข้างดีใจนะที่พวกเขาเลือกเอาไซส์ 44 มิลลิเมตรมาเป็นต้นทางในการผลิต แม้ว่าบางคนอาจจะออกอาการเซ็งเล็กน้อย โดยเฉพาะคนที่มีข้อมือเล็ก ส่วนตัวผมคิดว่ากับข้อมือชายไทยแบบมาตรฐานที่อยู่ในขนาด 6.5-7 นิ้ว จากประสบการณ์ที่มีกับ Big Crown ProPilot ผมว่าหน้าปัด 44 มิลลิเมตรลงตัวมากที่สุด

Oris Guardian Flight Limited Edition Oris Guardian Flight Limited Edition

ข้อดีของนาฬิการุ่นนี้เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มนาฬิกานักบินทั่วไปคือ ขาไม่ยาวออกมามาก ซึ่ง Lug to Lug ของไซส์ 44 จะอยู่ที่ 52 มิลลิเมตร (เปรียบเทียบกับรุ่น 41 มิลลิเมตรจะอยู่ที่ 48.2 มิลลิเมตร) และถ้าสังเกตจากด้านข้างแล้วจะพบว่าตัวขาสายถูกออกแบบให้งุ้มลงไม่ได้ยาวยื่นออกมา ซึ่งสไตล์ในการออกแบบผมว่าคล้ายกับ Aquis ซึ่งนั่นทำให้อาการกางแทบจะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าคุณมีขนาดข้อมืออยู่ในระดับที่ผมเกริ่นถึงข้างต้น

Oris Guardian Flight Limited EditionOris Guardian Flight Limited EditionOris Guardian Flight Limited Edition

สำหรับไซส์ 44 มิลลิเมตรจะเป็นรุ่น Big Day Date ซึ่งมีหน้าจอในตำแหน่ง 3 นาฬิกาแสดงข้อมูลทั้งวันที่ และวันประจำสัปดาห์ จะต่างจากรุ่น 41 มิลลิเมตรที่เป็น Big Date ที่มีแค่วันที่เท่านั้น โดยแต่เดิม Big Crown ProPilot Big Day Date รุ่นแรกๆ ที่เปิดตัวออกมาในปี 2016 จะมีไซส์ 45 มิลลิเมตร พร้อมกับหน้าปัดที่คำว่า Oris จะมีคำว่า Automatic อยู่ที่ด้านล่าง

ขณะที่รุ่นนี้เป็นรุ่นใหม่ เวอร์ชันธรรมดาเพิ่งเปิดตัวในปี 2020 ด้านล่างสัญลักษณ์ Oris ไม่มีคำว่า Automatic แล้ว และขนาดตัวเรือนถูกลดมาอยู่ที่ 44 มิลลิเมตร

Oris Guardian Flight Limited Edition

ในแง่ของการเล่าเรื่อง Guardian Search and Rescue Team ผ่านทางตัวนาฬิกานั้น ทาง Oris เลือกเล่าในแง่ของการปฏิบัติภารกิจที่เฮลิคอปเตอร์ KA32 กำลังทำหน้าที่ในการดับไฟป่า โดยนำเรื่องราวเหล่านี้มาตีความผ่านทางสีสันบนตัวนาฬิกา เริ่มจากหน้าปัดสีเทาเข้มแบบด้าน หรือ Matt Grey แสดงถึงกลุ่มควันที่กำลังพวยพุ่งขึ้นมาเป็นแบ็คกราวด์โดยมีสีส้มบนหลักชั่วโมงเพื่อสื่อถึงสีส้ม Safety Orange

ซึ่งอยู่บนเครื่องแบบของเจ้าหน้าที่และเฮลิคอปเตอร์ KA32 ขณะที่สีฟ้าที่อยู่บนปลายเข็มวินาทีนั้นคือ สีที่คาดอยู่บนตัวถังของเฮลิคอปเตอร์ KA32 ซึ่งจะมีการบินหมุนวนในการปฏิบัติภารกิจเหมือนกับเข็มวินาทีของกลไกอัตโนมัติที่หมุนตามเวลาที่เคลื่อนไปข้างหน้า

ในตอนแรกผมนึกว่าพรายน้ำจะมีเฉพาะที่แต้มลงที่ร่องของเข็มชั่วโมงและนาที แต่จริงๆ แล้วนาฬิกาเรือนนี้มีพรายน้ำที่หลักชั่วโมงบนตัวเลขที่เป็นสีส้มด้วย เพียงแต่เมื่อเปรียบเทียบกับพรายน้ำของนาฬิกาดำน้ำแล้ว ความไวในการดูดซับแสงและการคายแสงออกมาเมื่ออยู่ในที่มืดยังทำได้ค่อนข้างช้า และต้องนำนาฬิกาไปโดนแสงนานสักหน่อย พรายน้ำถึงจะปรากฏออกมาให้เห็น

Oris Guardian Flight Limited Edition

ตัวเรือนมากับสี Matt Gun Metallic ซึ่งหาได้ค่อนข้างยากสำหรับนาฬิการุ่นปัจจุบันที่มักจะเป็นสีดำไปเลยมากกว่า ตรงนี้ทำให้มีความพิเศษมากขึ้น แต่ในทางกลับกันสำหรับคนที่ชอบเปลี่ยนสาย ก็เป็นเรื่องยากมากที่จะหาตัวรัดสายตามท้องตลาดที่เป็นสีเดียวกับตัวเรือน

แต่ถ้าคุณไม่ใช่เป็นพวกซน ก็ถือว่าสายหนังพร้อมกับหุ้มผ้า Ventile® จำนวนสองเส้นในแบบสีเทาและสีเขียวกากีที่มาพร้อมกับบานพับสีเดียวกับตัวเรือน และใช้งานง่ายก็เพียงพอแล้วในการเปลี่ยนบุคลิกให้กับตัวนาฬิกา

Oris Guardian Flight Limited Edition

สำหรับด้านหลังคือ ความพิเศษกับฝาหลังแบบทึบ (ตามปกติแล้วจะเป็นฝาหลังใส พร้อมกับโชว์ให้เห็นโรเตอร์ขึ้นลานสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์ของ Oris) พร้อมกับการสลักสัญลักษณ์ดาบ โล่ และเปลวไฟที่เป็นสัญลักษณ์ของ Guardian Search and Rescue และมีการสลักหมายเลขของเรือนที่ผลิตจากจำนวนการผลิตทั้งหมด 100 เรือน

Oris Guardian Flight Limited Edition

ขณะที่กลไกเป็นรหัส Oris 752 ที่คุ้นเคยกันดี เป็นการพัฒนามาจาก Third Party อย่าง Sellita รหัส SW-220-1 ซึ่งจะเป็นเวอร์ชันที่มีทั้งช่อง Day/Date และเดินด้วยความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง ขณะที่กำลังสำรองอยู่ที่ 38 ชั่วโมง ซึ่งส่วนตัวผมว่าน้อยไปไหนสำหรับนาฬิกายุคปัจจุบัน แต่ถ้ามองในแง่ของราคาของนาฬิกาที่ยังไม่ข้ามแสน (บาท) กับกลไกที่เป็น Third Party ก็ถือว่าสมเหตุสมผล เพราะถ้าเป็นกลไก In-House ของ Oris อย่าง Calibre 400 ส่วนใหญ่แล้วราคาขยับไปแตะแสนกลางๆ กันแล้ว

ราคาป้ายของ Oris Guardian Flight Limited Edition อยู่ที่ 93,900 บาท แพงกว่ารุ่นปกติประมาณบวกลบหมื่นบาท แต่ส่วนตัวผมว่าค่อนข้างคุ้มมาก เพราะได้นาฬิกาที่เป็น Limited Edition สำหรับประเทศไทยโดยเฉพาะ มีสตอรี่ที่น่าสนใจ สีสันและตัวเรือนที่พิเศษโดดเด่น รวมถึงตัวเรือนที่เคลือบ PVD สี Gun Metallic ซึ่งปกติแล้วไม่ค่อยได้เห็นใน Big Crown ProPilot Big Day Date บ่อยเท่าไร แถมยังได้สายเพิ่มอีกเส้น ซึ่งเมื่อบวกรวมกันแล้ว ผมว่าส่วนต่างที่จ่ายไปกับสิ่งที่ได้มาถือว่าค่อนข้างคุ้มค่ามาก

ที่สำคัญนาฬิกาทุกเรือนที่จำหน่ายไปจะนำรายได้ส่วนหนึ่ง จะนำไปช่วยสนับสนุนการจัดซื้ออุปกรณ์ต่างๆที่จำเป็นในการปฏิบัติภารกิจ ที่จะช่วยเสริมศักยภาพและเพิ่มขีดความสามารถในการเผชิญเหตุ ตอบโต้ภัยพิบัติฉุกเฉิน บรรเทา  สาธารณภัย และให้การช่วยเหลือประชาชนได้ครอบคลุมทุกมิติ เรียกว่าได้สนับสนุนการทำงานของหน่วยงานนี้อย่างเต็มที่ผ่านทางเรือนเวลาสุดสวย

ข้อมูลทางเทคนิค : Oris Guardian Flight Limited Edition

  • เส้นผ่านศูนย์กลาง: 44 มิลลิเมตร
  • Lug to Lug : 52 มิลลิเมตร
  • ความกว้างขาสาย: 22 มิลลิเมตร
  • วัสดุตัวเรือน: สเตนเลสสตีล แบบประกอบหลายชิ้น เคลือบพีวีดีสีเทาปืน
  • กระจก: แซฟไฟร์ โค้งรูปโดมสองด้าน เคลือบสารกันแสงสะท้อนด้านใน
  • ฝาหลัง: สเตนเลสสตีล เคลือบพีวีดีสีเทาปืน ขันสกรู สลักรูปสัญลักษณ์พิเศษ Guardian Search and Rescue และหมายเลข ลิมิเต็ด อิดิชั่น
  • กลไก: อัตโนมัติรหัส Oris 752
  • ความถี่: 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง
  • กำลังสำรอง: 38 ชั่วโมง
  • การกันน้ำ: 100 เมตร
  • ประทับใจ : การเลือกใช้สีสัน และการออกแบบนาฬิกาโดยเชื่อมโยงกับเรื่องราว
  • ไม่ประทับใจ : กลไกที่กำลังสำรองยังน้อยไปหน่อย