Bell & Ross เพิ่มทางเลือกใหม่แห่งวัสดุให้กับคอลเล็กชั่น BR-X5 ด้วยความเบาจากไทเทเนียม เกรด 2 โดยหนักเพียง 1 ใน 3 ของรุ่นสตีล และมีจำหน่ายทั้งสายไทเทเนียม และสายยาง ขับเคลื่อนด้วยกลไก BR-Cal.323 ที่อิงพื้นฐานของ Kenissi พร้อมความเที่ยงตรงระดับ Chronometer
Bell & Ross BR-X5 Titanium หล่อเข้มพร้อมความเบา
-
เปลี่ยนตัวเรือนและสายมาใช้วัสดุอย่างไทเทเนียม เกรด 2 ที่ผ่านการยิงทราย Microblasted
-
ตัวเรือนมีน้ำหนักเบา โดยหนักเพียง 1 ใน 3 ของรุ่นสตีล และมีจำหน่ายทั้งสายไทเทเนียม และสายยาง
-
ขับเคลื่อนด้วยกลไก BR-Cal.323 ที่อิงพื้นฐานของ Kenissi พร้อมความเที่ยงตรงระดับ Chronometer
หลังจากที่เปิดตัวคอลเล็กชั่น BR-X5 เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ในตลาดเมื่อปี 2022 ทางด้าน Bell & Ross มีผลผลิตใหม่ๆ จากนาฬิการุ่นนี้ตามออกมาให้สัมผัสอย่างต่อเนื่อง และล่าสุดคือ การเปิดตัวทางเลือกของวัสดุใหม่ จากเดิมที่มีแค่สตีล และรุ่นพิเศษในแบบลิมิเต็ด เอดิชั่นที่ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์มาสู่การใช้ไทเทเนียม เกรด 2 ในการผลิตตัวเรือนและสายกับรุ่น Bell & Ross BR-X5 Titanium ซึ่งพลิกบุคลิกจากความแวววาวในแบบสตีลมาสู่ความเข้มแบบดิบๆ พร้อมด้วยความเบาอันเป็นเอกลักษณ์ของไทเทเนีย
สำหรับ BR-X5 ถือเป็นนาฬิกาที่มีความพิเศษในแง่ของโครงสร้างตัวเรือนที่มีการผลิตและออกแบบอย่างซับซ้อน และประกอบด้วยหลายชิ้นส่วนบนตัวเรือน ที่เรียกว่า Sandwich Type Construction ซึ่งเป็นการประกบกันของชิ้นส่วนหลากหลายชั้น (Multi-Layer Construction)
โดยจะมีชิ้นส่วนหลักตรงกลางเป็นตัวเรือนที่ผลิตโลหะ ซึ่งในรุ่นนี้จะเป็นสตีล และจะมีโอริงที่ผลิตจากยาง พร้อมกับแผ่นโลหะอยู่ตรงกลางระหว่างขอบตัวเรือนและตัวเรือนหลัก (ซึ่งฝาหลังก็จะมีส่วนประกอบในลักษณะนี้) และทั้งหมดจะถูกยึดด้วยน็อตที่อยู่ตรงขอบตัวเรือนทั้ง 4 ด้านอันเป็นเอกลักษณ์ของ Bell & Ross
ตัวเรือนขนาด 41 มิลลิเมตรถูกออกแบบตามคอนเซ็ปต์ของตัวเรือนทรงเหลี่ยมแบบลบขอบมุม และมีหน้าปัดเป็นวงกลม ซึ่งถูกเรียกว่าสไตล์การออกแบบลักษณะนี้ว่า Round in Square อันเป็นเอกลักษณ์ของนาฬิกาเกือบทุกรุ่นของ Bell & Ross ที่อยู่ในตลาด และจากการใช้ไทเทเนียม เกรด 2 ในการผลิตตัวเรือนและสาย พร้อมการยิงทราย Microblasted ทำให้สามารถเปลี่ยนบุคลิกของตัวนาฬิกาจากรุ่นสตีล ที่เน้นความแวววาว มาสู่ความด้านที่ให้สัมผัสแบบดิบๆ ควบคู่กับน้ำหนักที่เบาโดยในรุ่นนี้จะมีความเบากว่ารุ่นสตีลถึง 1/3 เลยทีเดียว
การทำตลาดในช่วงแรกจะมีด้วยกัน 2 ทางเลือกคือ รุ่นสายไทเทเนียม และรุ่นสายยาง ซึ่งจะมีราคาต่างกันอยู่ที่ 800 ยูโร โดยสีบนหน้าปัดจะมีแบบเดียวคือสีดำ พร้อมกับเอกลักษณ์ของรุ่น BR-X5 คือ ฝั่งตำแหน่ง 3 นาฬิกาจะเป็นช่องแสดงวันที่ หรือ Date แบบที่เรียงเป็นแนวยาวทางตั้งสำหรับแสดงวันที่ในแบบ Yesterday-Today-Tomorrow ส่วนตำแหน่ง 9 นาฬิกาจะเป็นหน้าปัดย่อยในการแสดงระดับของกำลังสำรองในกลไก
สิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงจากรุ่นอื่นๆ คือ การใช้กลไกอัตโนมัติในรหัส BR-Cal.323 จะยังเป็นการปรับแต่งจาก Outsourced แต่มีการเปลี่ยนรายใหม่มาเป็น Kenissi ซึ่งเป็นการนำกลไกของ Tudor มาผลิตเป็น Third Party Movement ตามความต้องการของแบรนด์นาฬิกาอื่นๆ อย่าง Breitling, Fortis, Norquain โดย BR-Cal.323 มีกำลังสำรอง 3 วัน และความเที่ยงตรงในระดับ Chronometer โดยสิ่งที่ Kenissi ปรับปรุงให้ก็มีทั้งการติดตั้งหน้าปัดแสดงระดับกำลังสำรอง และการปรับแต่งลวดลายของโรเตอร์ขึ้นลานที่คุณสามารถมองเห็นได้ผ่านทางกระจกใส ที่สำคัญกลไกชุดนี้ผ่านมาตรฐานความเที่ยงตรงในระดับ Chronometer ของ COSC ด้วย
ราคาของ Bell & Ross BR-X5 Titanium ถ้าเป็นรุ่นสายไทเทเนียมจะอยู่ที่ 9,000 ฟรังก์สวิสส์ และ 8,100 ฟรังก์สวิสส์สำหรับรุ่นสายยาง โดยการทำตลาดจะเริ่มขึ้นในเดือนมิถุนายน 2024 นี้
รายละเอียดทางเทคนิค : Bell & Ross BR-X5
- เส้นผ่านศูนย์กลาง: 41 มิลลิเมตร
- ความหนา: 12.8 มิลลิเมตร
- วัสดุตัวเรือน: ไทเทเนียม เกรด 2
- กระจก: Sapphire แบบเคลือบสารกันการสะท้อนแสง
- กลไก: BR-Cal.323 อัตโนมัติ มีความเที่ยงตรงในระดับ Chronometer
- ความถี่: 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง
- สำรองกำลังงาน: 72 ชั่วโมง / 3 วัน
- การกันน้ำ: 100 เมตร
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/
YouTube Channel : https://www.youtube.com/channel/anadigionline