Piaget Altiplano Ultimate Concept Tourbillon ที่สุดแห่งความบางเพื่อการใช้งานจริง

0

Piaget ใช้เวลา 6 ปีในการพัฒนาและสานต่อผลผลิตต้นแบบอย่าง Altiplano Ultimate Concept (AUC) ที่เปิดตัวในปี 2018 ให้กลายเป็นนาฬิกาเรือนจริง ที่มาพร้อมกับตัวเรือนซึ่งมีความบางเพียงแค่ 2 มิลลิเมตรเท่านั้น และขับเคลื่อนด้วยกลไกทูร์บิญองในรหัส 970P-UC ทูร์บิญอง มีกำลังสำรอง 40 ชั่วโมง

Piaget Altiplano Ultimate Concept Tourbillon
Piaget Altiplano Ultimate Concept Tourbillon

Piaget Altiplano Ultimate Concept Tourbillon ที่สุดแห่งความบางเพื่อการใช้งานจริง

  • พัฒนาจากเรือนต้นแบบที่เปิดตัวในปี 2018 มาสู่เรือนจริง

  • ตัวเรือนมีความบางเพียง 2 มิลลิเมตร ผลิตจากโลหะผสมโคบอลต์

  • ขับเคลื่อนด้วยกลไกทูร์บิญองในรหัส 970P-UC ทูร์บิญอง มีกำลังสำรอง 40 ชั่วโมง

- Advertisement -

Piaget (เพียเจต์) นำเสนอผลงานซึ่งเป็นเรือนเวลาที่มีความโดดเด่นและน่าตื่นตาตื่นใจกับนาฬิการุ่น Altiplano Ultimate Concept Tourbillon ซึ่งขึ้นแท่นนาฬิกาที่มาพร้อมกับกลไกทูร์บิญองซึ่งอยู่บนตัวเรือนสุดบาง เพียง 2 มิลลิเมตรเท่านั้น โดยเป็นการสานต่อแนวคิดของงานต้นแบบที่มีชื่อเดียวกันนี้ซึ่งเคยเปิดตัวออกมาแล้วเมื่อปี 2018

ในปี 2024 นี้ ทาง Piaget ต้องเผชิญความท้าทายเพื่อเอาชนะทุกขีดจำกัดอีกครั้ง ด้วยผลลัพธ์แห่งความสำเร็จที่ตราตรึงด้วยรายละเอียดอันสง่างามและความคิดสร้างสรรค์ในมุมมองใหม่ที่แม้ดูเผินๆ นาฬิกาที่ไม่มีใครเทียบได้นี้ นำเสนอความบาง ที่ 2 มม. เทียบเท่าเรือนเวลารุ่นก่อน แต่ความลับที่ซุกซ่อนในความบางเฉียบที่จำกัด กลับถูกเติมเต็มด้วยความสลับซับซ้อนของฟลายอิ้ง ตูร์บิญอง และนี่คือ Altiplano Ultimate Concept Tourbillon เรือนเวลาที่สะท้อนรากเหง้าแห่งศาสตร์และเทคนิคอันเชี่ยวชาญ ขณะเดียวกันก็เป็นอีกหนึ่งไมล์สโตนที่ทรงคุณค่าและภาคภูมิใจของเมซง

Altiplano Ultimate Concept Tourbillon คือ ความขบถและขัดแย้งในตัวเอง อีกทั้งเป็นเรือนเวลาที่ขึ้นชื่อว่าทลายขีดจำกัดในวงการการผลิตนาฬิกาอย่างแท้จริง จุดเริ่มต้นของหน้าประวัติศาสตร์ครั้งใหม่กำลังจะเริ่มขึ้นนับจากนี้ มาในตัวเรือนขนาด 41.5 มิลลิเมตร พร้อมความสามารถกันน้ำ 20 เมตร ถูกรังสรรค์ด้วยวัสดุที่ถูกพัฒนาให้แข็งและทนทานมากกว่าทองคำถึง 2.3 เท่า อย่าง โคบอลต์ผสมอัลลอยด์ ส่งผลให้ตัวเรือนไม่โค้งงอแม้จะมีความบางอย่างสุดขั้วก็ตาม เคลือบด้วยพีวีดีสีน้ำเงิน

Piaget Altiplano Ultimate Concept Tourbillon Piaget Altiplano Ultimate Concept Tourbillon

แม้ Piaget ตั้งใจออกแบบมาให้สวมใส่ได้ทุกวัน แต่องค์ประกอบที่ยกระดับให้นาฬิกาเวอร์ชั่นใหม่นี้ดูไม่ธรรมดาคือ
การบรรจุฟลายอิ้ง ทูร์บิญอง เข้าไปในตัวเรือนที่มีความหนาเพียง 2 มิลลิเมตร โดยจัดวางในโครงสร้างวงกลมที่โอบล้อมไว้ด้วยบริดจ์อีกหนึ่งชั้น

กล่าวได้ว่าเป็นการปฏิวัติทางเทคนิคที่ก้าวล้ำจากในปัจจุบันโดยสิ้นเชิง เสริมความซิกเนเจอร์ด้วยการสลักข้อความลงบนฝาหลัง หล่อหลอมจิตวิญญานที่ขับเคลื่อน Piaget มาตั้งแต่แรกเริ่มอย่าง “Always do better than necessary” ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมของแบรนด์ ที่รังสรรค์ชิ้นงานบนพื้นฐานของผู้คน การช่างคิดช่างประดิษฐ์ การร่วมมือกันของแผนกต่างๆ จิตวิญญาณอันหาญกล้านี้คือกุญแจสำคัญที่นำไปสู่ความท้าทายของความเพรียวบางจนแทบไม่น่าเชื่อ ที่รอให้ทุกคนมาพิสูจน์พร้อมกัน

Piaget Altiplano Ultimate Concept Tourbillon Piaget Altiplano Ultimate Concept Tourbillon
Piaget Altiplano Ultimate Concept Tourbillon
Piaget Altiplano Ultimate Concept Tourbillon

ด้วยความบางในระดับนี้สิ่งที่ Piaget ต้องเผชิญกับความท้าทายในการสำรองพลังงานถึง 25 % สำหรับการทำงานของทูร์บิญอง จำนวนเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงชุดตัวเลขเท่านั้น อีกนัยนึงมันคือการประกาศความสำเร็จของพวกเขา ซึ่งแน่นอนว่าเบื้องหลังเหล่านั้นมีเรื่องราวมากมายซ่อนอยู่ โดยเฉพาะการแข่งขันกับเวลา ที่ทุกขั้นตอนดำเนินการอย่างเป็นความลับภายในโรงงานของ Piaget ณ La Côte-aux-Fées ใช้เวลากว่า 3 ปีในทำงานร่วมกันอย่างหนักของเหล่าทีมนักพัฒนา วิศวกร ช่างนาฬิกา นักออกแบบ เพื่อตั้งประเด็น หาข้อโต้แย้งนับไม่ถ้วน

Piaget Altiplano Ultimate Concept Tourbillon
Piaget Altiplano Ultimate Concept Tourbillon

ฟังก์ชั่นอันซับซ้อนของตูร์บิญอง ถูกหยิบมาใช้ในเรือนเวลาคลาสสิกอย่างแพร่หลาย สำหรับ Piaget เองในครั้งนี้เป็นการยกระดับมุมมองที่ใหม่ขึ้นทั้งในแง่ชั้นเชิงเทคนิคและสุนทรียศาสตร์ที่ยังคงรักษาประเพณีดั้งเดิมเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นความชำนาญและความเป็นเลิศที่บ่มเพาะมาอย่างยาวนาน ถูกนำมาใช้เพื่อส่งมอบความเที่ยงตรงและแม่นยำขั้นสูง ขณะเดียวกันความสง่างามของนาฬิกาก็ยังต้องคงอยู่

ตรงกันข้ามกับรูปลักษณ์ภายนอก องค์ประกอบของชิ้นส่วนต่างๆ กว่า 90 % ถูกออกแบบใหม่ทั้งหมด รวมถึงพัฒนากลไก เพื่อให้รับกับฟังก์ชั่นตูร์บิญองที่เพิ่มเข้ามา Benjamin Comar ผู้เป็น CEO ของ Piaget กล่าวว่า “ภายใน Altiplano Ultimate Concept Tourbillon ทุกอย่างใหม่หมด ชิ้นส่วนต่างๆ ถูกปรับแต่ง ออกแบบ จากประสบการณ์ของผู้เชี่ยวชาญนานร่วมหลายปี – สำหรับเรามันไม่ใช่แค่การเพิ่มตูร์บิญองเข้ามาเท่านั้น แต่มันคือการคิดค้นใหม่ทุกอย่าง”

ย้อนกลับไปปี 2018 Altiplano Ultimate Concept (AUC) คือ หลักฐานที่ตอกย้ำถึงความพยายามที่ทุกแผนกของ Piagetต้องต่อสู้ร่วมกันมานานกว่า 6 ปี พ่วงด้วยความสำเร็จขั้นสุดด้วยการคว้ารางวัลใหญ่ “Aiguille d’Or” Grand Prix จากรายการ GPHG 2020 ทุกขั้นตอนจึงเต็มเปี่ยมไปด้วยความท้าทายที่ยากจะคาดเดา เพื่อส่งมอบผลลัพธ์ที่เพรียวบางสุดขั้วที่ทุกคนตั้งตาคอย

อย่างไรก็ตาม หลังจากนาฬิกา AUC เรือนแรกถูกส่งมอบได้สำเร็จ เหล่าช่างผู้เชี่ยวชาญใน Piaget ต่างเริ่มคาดการณ์ถึงทิศทางของเรือนเวลาที่จะรังสรรค์รุ่นต่อไปว่าจะเป็นเช่นไร พวกเขาจะทำอะไรได้บ้างเพื่อยกระดับความท้าทายไปอีกขั้น

ซึ่งเบื้องหลังการออกแบบเรือนเวลารุ่นล่าสุดอย่าง Altiplano Ultimate Concept Tourbillon นี้ ก็สรรสร้างขึ้นจากแรงบันดาลที่เปี่ยมล้น ไม่แพ้ตอนเปิดตัวกลไก 9P และ 12P ไปจนถึงนาฬิการุ่นก่อนหน้า อย่าง Altiplano Ultimate (900P or 910P) และ  Altiplano Ultimate Concept – แนวคิดใหม่ๆ ถูกระดมต่อเนื่อง ก่อนนำไปต่อยอดเพื่อใช้งานจริง ดังนั้นหากถามว่าการบรรลุเป้าหมายแต่ละครั้งต้องผ่าฟันอะไรมาบ้าง คำตอบคือไม่มีอะไรที่ได้มาโดยง่าย

Piaget Altiplano Ultimate Concept Tourbillon
Piaget Altiplano Ultimate Concept Tourbillon

ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณความมุ่งมั่นตั้งแต่แรกเริ่มกับแนวคิดอันแสนขบถของแบรนด์ที่ลงมือทำจนสำเร็จ อย่าง คาลิเบอร์ 900P ที่ให้ฝาหลังทำหน้าที่เป็นฐานรองรับกลไกไปในตัว เพื่อเพิ่มพื้นที่สำหรับการจัดวางชิ้นส่วนต่างๆ พร้อมสร้างสถิติความเพรียวบางอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในเวลาเดียวกัน ขณะที่โครงสร้างภายนอกทำจากโคบอลต์ผสมอัลลอยด์ เคลือบสีน้ำเงิน ที่ส่งมอบทั้งความทนทานและความบางสุดขั้ว – เม็ดมะยมระบบใหม่ที่หลอมรวมเป็นระนาบเดียวกับตัวเรือน ทำงานร่วมกับอุปกรณ์พิเศษที่มีระบบทดเกียร์และควบคุมแรงบิด เติมเต็มประสิทธิภาพสูงสุดให้กับกระบอกสูบ

องค์ประกอบต่างๆ ยังคงรักษาการจัดวางไว้ในตำแหน่งเดิม ไม่ว่าจะเป็น หน้าปัดที่แสดงหลักชั่วโมงและนาทีเป็นดีไซน์แบบเยื้องศูนย์กลาง, ฟังก์ชั่นตูร์บิญอง ณ ตำแหน่ง 10 นาฬิกา มาพร้อมตัวแสดงวินาทีที่สลักไว้บนวงแหวนของตัวเองที่สำคัญที่สุดคือการรักษาความเพรียวบางที่ 2 มิลลิเมตร ดังนั้นชิ้นส่วนเล็ก ๆ ทุกชิ้นจะต้องออกแบบด้วยความแม่นยำและเที่ยงตรง

Piaget Altiplano Ultimate Concept Tourbillon

อย่างในเวอร์ชั่นล่าสุดนี้ ความท้าทายหลักอยู่ที่จะจัดวางทูร์บิญองที่เพิ่มเข้ามาได้อย่างไร ในคอนดิชั่นพื้นที่จำกัดเท่าเดิม ซึ่งเต็มไปด้วยชิ้นส่วนต่างๆ มากมาย จากจุดเริ่มต้นดังกล่าว เหล่าผู้เชี่ยวชาญทั้งใน La Côte-aux-Fées และ เจนีวา

จึงเริ่มค้นหาคำตอบร่วมกัน แต่ละคนต่างใช้พรสวรรค์ทั้งหมดที่ตนมีในการหาข้อโต้แย้ง ไปจนถึงทำการทดสอบนับครั้งไม่ถ้วน เพื่อพัฒนาทุกองค์ประกอบให้สมบูรณ์แบบที่สุด และนี่เป็นวิถีที่ Piaget ดำเนินเสมอมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งกว่าจะหล่อหลอมออกมาเป็นโครงสร้างในขั้นตอนสุดท้ายได้ เมซงถอดรหัสชิ้นส่วนทีละชิ้น อาทิ cage ที่เป็นพาร์ทสำคัญของทูร์บิญอง ถูกนำมาทดสอบมากกว่า 70 เวอร์ชั่น, anchor 15 เวอร์ชั่น และ กรอบตัวเรือน อีก 30 เวอร์ชั่น

Piaget Altiplano Ultimate Concept TourbillonPiaget Altiplano Ultimate Concept Tourbillon

Piaget เดินเกมต่อยอดโดยอาศัยความเชี่ยวชาญและนวัตกรรมบางเฉียบที่ตนพัฒนาขึ้น ด้วยการผสมผสานฟังก์ชั่น
ต่าง ๆ เข้าไปในตัวเรือน ดังที่เคยปรากฎในเรือนเวลารุ่นก่อนมาแล้ว อย่าง คาลิเบอร์ 670P ที่เปิดตัวด้วยความหนาเพียง 4.6 มิลลิเมตร และบรรจุในตัวเรือนที่มีความหนา 7.35 มิลลิเมตร มาพร้อมฟลายอิ้ง ตูร์บิญอง ที่บางเป็นพิเศษเพื่อให้รับกับพื้นที่จำกัดที่สูงเพียง 1.49 มิลลิเมตรเท่านั้น โดยมีบริดจ์ที่ฐานด้านล่างรองรับไว้ ขณะที่บริดจ์ที่อยู่ทางด้านบนถูกลดทอนไปเพื่อให้รับกับความบางในภาพรวม – อย่างไรก็ตามแม้จะได้พื้นที่เพิ่มมาเพียง 0.01 มม. ก็ยังไม่เป็นไปตามเป้าสำหรับความ    ท้าทายในครั้งนี้ นี่คือเหตุผลว่าเพียเจต์ต้องก้าวออกจากกรอบเพื่อนำเสนอทูร์บิญองใหม่ให้แตกต่างไปจากเดิม

ไม่นาน ไอเดียใหม่ๆ ก็ถูกเปิดรับ โดยครั้งนี้ทูร์บิญองถูกออกแบบให้ยึดไว้กับวงแหวนของตัวมันเอง โดยมี ceramic ball bearing ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนรอบการหมุนใน 1 นาที ยึดขอบด้านนอกไว้อีกที วัสดุที่ใช้มักทำจากไทเทเนียม และสตีล – ต่อไปก็ถึงขั้นตอนสำรองพลัง เพื่อการทำงานของทูร์บิญอง

Altiplano Ultimate Concept Tourbillon มาพร้อมกระปุกลานแบบสเกเลตัน ที่ถอดแบบมาจากสัญลักษณ์กากบาท หรือ cross-hair design บนพื้นหน้าปัดของนาฬิกา Altiplano ยุคก่อน ในแง่พลังงาน ทูร์บิญองเวอร์ชั่นใหม่นี้ ใช้พลังงานในการขับเคลื่อนกลไกจะสูงกว่า Altiplano Ultimate Concept ถึง 25%

นอกจากนี้ ยังสามารถสะสมพลังงานสำรองได้นานถึง 40 ชั่วโมง ผลลัพธ์ที่ไม่ธรรมดานี้เกิดจากโซลูชันที่แตกต่างกันสองแบบ – แบบแรกคือการใช้เมนสปริงที่ทำขึ้นใหม่โดยเฉพาะ ความหนาที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยส่งผลต่อการส่งมอบพลังงานที่เพิ่มขึ้น ขณะที่อีกวิธี คือการใช้ ball bearing แทนเดือยในนาฬิกา เพื่อให้เกิดการหมุนได้อย่างเป็นอิสระ แรงเสียดทานลดลง ช่วยความบางในภาพรวมสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

ในแง่การดีไซน์ Altiplano Ultimate Concept Tourbillon คริสตัลแซฟไฟร์ยังถูกลดทอนความหนาออกให้เหมาะสมอีกด้วย โดยฝั่งกระจกหน้าปัด เหลือเพียง 0.2 มิลลิเมตร ขณะที่ด้านหลังหนา 0.16 มิลลิเมตรเท่านั้น

และด้วยความหนาของตัวเรือนเพียง 2 มิลลิเมตร จริงอยู่ที่ผู้สวมใส่อาจแทบจะไม่มีใครสังเกตเห็นดีเทลเหล่านี้ แต่สำหรับช่างซ่อมนาฬิกาแล้วมันกลับมีความสำคัญต่อพวกเขาอย่างมากและเป็นความท้าทายที่แท้จริง อย่าง วงขอบบาลานซ์วีล และคริสตัลแซฟไฟร์ มีความหนา 0.2 มิลลิเมตรเท่ากัน  ชิ้นส่วนเล็ก ๆ แต่ละชิ้นต้องอาศัยความเที่ยงตรงอย่างมากในการผลิต

ยิ่งไปกว่านั้นแต่ละชิ้นยังถูกตกแต่งอย่างพิถีพิถัน เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งดีเทลที่แบรนด์มิได้ละเลย เช่น จักร หรือ wheels ปัจจุบันเหลือเพียง 4 แขนเท่านั้น ต่างจากยุคก่อนที่มีถึง 6 อีกทั้งยังตกแต่งด้วยเพชร ขัดเงาและลบมุมด้วยมือ ซึ่งทีมช่างศิลป์ของแบรนด์ต้องทำด้วยความประณีตอย่างมาก เพราะขนาดที่ผิดเพียงน้อยนิดหรือรูปทรงที่เพี้ยนไป ก็อาจนำมาซึ่งความเสียหายอันใหญ่หลวงได้

แม้ความสำเร็จของ Altiplano Ultimate Concept Tourbillon ถูกรวบรวมไว้ในเอกสารเหล่านี้แล้ว แต่ความสำเร็จที่แท้จริงยังคงตราตรึงเหมือนตอน Altiplano Ultimate Concept สามารถส่งมอบเรือนเวลาสู่ผู้ใช้งานจริงได้ ส่วนราคาจำหน่ายของนาฬิกาเรือนนี้ยังไม่มีการเปิดเผยออกมา

รายละเอียดทางเทคนิค : Piaget Altiplano Ultimate Concept Tourbillon

  • เส้นผ่านศูนย์กลาง : 41.5 มิลลิเมตร
  • Lug to Lug : 45.3 มิลลิเมตร
  • ความหนา : 2 มิลลิเมตร
  • วัสดุตัวเรือน : โลหะผสมที่มีพื้นฐานของโคบอลต์เคลือบด้วย PVD สีน้ำเงิน
  • กระจกหน้าปัด : Sapphire
  • กลไก : รหัส 970P-UC ทูร์บิญอง
  • ความถี่ : 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง
  • กำลังสำรอง : 40 ชั่วโมง
  • การกันน้ำ : 20 เมตร