Tudor Black Bay Fifty-Eight 18K ความงามบนความสปอร์ต

0

Tudor (ทิวดอร์)สร้างความน่าสนใจให้กับคอลเล็กชั่น Black bay ของตัวเองด้วยการจับเอารุ่น Fifty-Eight มายกระดับความหรูด้วยการใช้ตัวเรือนที่ผลิตจากทองคำ 18K

- Advertisement -

Tudor Blackbay Fifty-Eight 18K

Tudor Black Bay Fifty-Eight 18K ความงามบนความสปอร์ต

  • ครั้งแรกกับการนำทองคำ 18K มาผลิตตัวเรือนให้กับนาฬิกาดำน้ำอย่าง Black bay

  • ตัวเรือนมีขนาด 39 มม. พร้อมกลไก MT5400 ที่มีความเที่ยงตรงระดับ Chronometer

  • เปิดตัวในเมืองไทยแล้วกับราคา 584,100 บาท

Tudor พร้อมเปิดตัวนาฬิการุ่นยอดนิยม Tudor Black Bay Fifty-Eight ในเวอร์ชันใหม่ที่โดดเด่นยิ่งขึ้น โดยรังสรรค์ขึ้นจากทองคำ 18 กะรัต พร้อมฝาหลังตัวเรือนแบบเปิด ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของสองคุณสมบัตินี้สำหรับนาฬิกานักดำน้ำของ ทิวดอร์

 แน่นอนว่าชื่อ Black Bay Fifty-Eight 18K นั้นสื่อถึงโลหะมีค่าที่นำมาใช้ทำตัวเรือน และยังหมายถึง 1958 ซึ่งเป็นปีที่มีการเปิดตัวนาฬิกานักดำน้ำของ Tudor ที่สามารถกันน้ำได้ลึกถึง 200 เมตร (660 ฟุต) รุ่นหมายเลขอ้างอิง 7924 หรือ “Big Crown” เป็นครั้งแรก นอกเหนือไปจากสุนทรียภาพด้านอื่นๆ ที่นาฬิการุ่นประวัติศาสตร์นี้ได้รับการยกย่องแล้ว นาฬิการุ่นนี้ยังมาพร้อมตัวเรือนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 39 มม. ซึ่งเป็นสัดส่วนอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของนาฬิกาในช่วงปีทศวรรษ 1950 เหมาะอย่างยิ่งสำหรับข้อมือขนาดเล็ก ผู้ที่ชื่นชอบนาฬิกาขนาดกะทัดรัด และแน่นอนสำหรับผู้ที่หลงใหลเสน่ห์ของสไตล์วินเทจ Black Bay Fifty-Eight 18K ยังเป็นนาฬิกานักดำน้ำของ Tudor รุ่นแรกที่รังสรรค์ขึ้นจากทองคำ 18 กะรัตและมีฝาหลังแบบใส

สีทองด้าน

ตัวเรือนของ Black Bay Fifty-Eight 18K ซึ่งทำจากทองคำ 18 กะรัตรุ่นนี้นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ครั้งแรกสำหรับนาฬิกานักดำน้ำ Tudor โดยมีผิวสัมผัสซาตินทั้งหมดที่ให้ลุคแบบด้านซึ่งอาจดูขัดแย้งกับนาฬิกาตัวเรือนทองดั้งเดิมที่มีผิวสัมผัสแบบเงาวาว ฝาหลังตัวเรือนแบบเปิดซึ่งเผยให้เห็นคาลิเบอร์ MT 5400 รุ่นใหม่ ที่พัฒนาขึ้นภายในโรงงานของตนเอง นั้น ไม่เคยมีการนำเสนอมาก่อนในผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ของแบรนด์ และยังเป็นการตอกย้ำถึงความงดงามในทั้งสองแง่มุมของนาฬิการุ่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นมรดกตกทอดจากนาฬิกาประเภทเครื่องมือที่ทนทานสมดังเจตนารมณ์ของ Tudor หรือเป็นวัตถุอันเลอค่า จึงนับได้ว่า Black Bay Fifty-Eight 18K ยังคงเป็นนาฬิกาที่ทั้งหายากและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างไม่มีผู้ใดเทียบ

Tudor Blackbay Fifty-Eight 18K

โทน “สีเขียวแกมทอง”

ผิวสัมผัสแบบด้านของทองคำ 18 กะรัตของ Black Bay Fifty-Eight 18K ได้รับการขับเน้นให้ยิ่งโดดเด่นด้วยการผสมผสานอย่างงดงามระหว่างหน้าปัดและขอบตัวเรือนในโทน “สีเขียวแกมทอง” ที่ลึกล้ำ พร้อมรายละเอียดตกแต่งในสีทองแบบด้าน เข็มนาฬิกาทรง “เกล็ดหิมะ” ทำจากทองคำ 18 กะรัต เช่นเดียวกันกับสัญลักษณ์บอกชั่วโมง โดยได้เลือกใช้เฉดสีเดียวกันนี้บนสายผ้าที่มาพร้อมกับนาฬิการุ่นนี้อีกด้วย

Tudor Blackbay Fifty-Eight 18K

สายผ้านั้นเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ Tudor ซึ่งในปี 2010 ได้กลายเป็นนาฬิกาแบรนด์แรกที่มอบสายผ้ามาให้พร้อมกับผลิตภัณฑ์ ผ้าดังกล่าวทอขึ้นในฝรั่งเศสด้วยเครื่องทอผ้าแจ็กการ์ดสมัยศตวรรษที่ 19 โดยบริษัท Julien Faure ในแคว้นแซงต์ เอเตียน มีความโดดเด่นด้านคุณภาพและความรู้สึกสบายยามสวมใส่บนข้อมือที่ไม่เหมือนใคร ในปี 2020 Tudor และ Julien Faure ซึ่งเป็นบริษัทที่ก่อตั้งมานานถึง 150 ปี ได้ร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปี ของความร่วมมือที่เริ่มต้นขึ้นจากนาฬิการุ่น Heritage Chrono ซึ่งนับเป็นนาฬิการุ่นแรกของแบรนด์ที่มาพร้อมสายผ้าที่ถักทอขึ้นโดยช่างฝีมือผู้ชำนาญ และเปิดตัวเป็นครั้งแรกในงาน Baselworld 2010

Tudor Blackbay Fifty-Eight 18KTudor Blackbay Fifty-Eight 18KTudor Blackbay Fifty-Eight 18K

คาลิเบอร์ MT5400 ที่พัฒนาขึ้นภายในโรงงานของตนเอง

คาลิเบอร์ MT5400 ที่พัฒนาขึ้นภายในโรงงานของตนเอง เป็นขุมพลังของ Black Bay Fifty-Eight 18K แสดงชั่วโมง นาที และวินาที โดยมีผิวสัมผัสเช่นเดียวกันกับคาลิเบอร์ ที่พัฒนาขึ้นภายในโรงงาน ของ Tudor รุ่นอื่นๆ โรเตอร์ทำจากทังสเตนแบบโมโนบล็อกที่มีลวดลายฉลุ พร้อมผิวสัมผัสซาตินที่ตกแต่งรายละเอียดแบบพ่นทราย แผ่นเชื่อมและแท่นเครื่องมีพื้นผิวแบบพ่นทรายสลับกับขัดเงาและตกแต่งด้วยเลเซอร์

Tudor Blackbay Fifty-Eight 18K

โครงสร้างถูกออกแบบมาเพื่อรับประกันถึงความทนทาน อายุการใช้งานที่ยืนยาว ความน่าเชื่อถือ และความเที่ยงตรง เช่นเดียวกับเม็ดถ่วงสมดุลในตัวนาฬิกาซึ่งถ่วงด้วยแผ่นเชื่อมอันมั่นคงที่มีจุดยึดสองจุด และด้วยสปริงซิลิคอนแบบไร้แม่เหล็ก คาลิเบอร์ MT5400 ที่พัฒนาขึ้นภายในโรงงานของตนเอง จึงเป็นโครโนมิเตอร์ที่ผ่านการรับรองโดยสถาบันทดสอบความเที่ยงตรงอย่างเป็นทางการของสวิตเซอร์แลนด์ (COSC) ด้วยสมรรถนะที่เหนือชั้นยิ่งกว่ามาตรฐานที่กำหนดโดยสถาบันอิสระแห่งนี้ โดยตามที่ COSC อนุญาตให้กลไกนาฬิกามีความผันแปรเฉลี่ยสำหรับอัตราการทำงานในแต่ละวันอยู่ระหว่าง – 4  ถึง +6 วินาทีตามเวลาสัมบูรณ์ในแต่ละครั้งที่เคลื่อนไหว แต่ ทิวดอร์ ยังคงยืนยันที่จะกำหนดความคลาดเคลื่อนที่ยอมรับได้ไว้ที่ – 2 ถึง +4  วินาที สำหรับนาฬิกาที่ประกอบสมบูรณ์แล้ว

อีกคุณสมบัติที่โดดเด่นก็คือพลังงานสำรองของคาลิเบอร์ MT5400 ที่พัฒนาขึ้นในโรงงานของตนเอง “ไม่หยุดสุดสัปดาห์” หรือประมาณ 70 ชั่วโมง ซึ่งทำให้ผู้สวมใส่สามารถถอดนาฬิกาในคืนวันศุกร์และสวมกลับคืนอีกครั้งตอนเช้าวันจันทร์ได้โดยไม่จำเป็นต้องไขลานหรือตั้งเวลาใหม่

Tudor Blackbay Fifty-Eight 18K

Tudor Blackbay Fifty-Eight 18K

Tudor Blackbay Fifty-Eight 18K

Tudor Blackbay Fifty-Eight 18K

เอกลักษณ์แห่ง BLACK BAY

เฉกเช่นเดียวกันกับนาฬิกาตระกูล Black Bay รุ่นอื่น Black Bay Fifty-Eight 18K ใช้เข็มนาฬิกามุมเหลี่ยมอันเป็นเอกลักษณ์ของ Tudor ซึ่งรู้จักกันในชื่อ “Snowflake-เกล็ดหิมะ” ดังที่ปรากฏในแคตตาล็อกของแบรนด์เมื่อปี 1969 ผลลัพธ์ก็คือการผสมผสานสุนทรียภาพที่สืบสานมายาวนานเข้ากับการรังสรรค์นาฬิการ่วมสมัยได้อย่างละมุนละไม นาฬิกาในตระกูล Black Bay จึงไม่ใช่เพียงแค่การนำเอารูปแบบคลาสสิกเดิมๆ มาเปิดตัวใหม่เท่านั้น ด้วยความยึดมั่นอย่างเหนียวแน่นในยุคปัจจุบัน นี่คือการหลอมรวมเอานาฬิกานักดำน้ำของ Tudor จากเกือบ 7 ทศวรรษเข้ามาไว้ด้วยกัน แม้จะมีรูปลักษณ์แบบนีโอวินเทจ แต่เทคนิคการผลิต พร้อมความแข็งแกร่ง ความน่าเชื่อถือ ความทนทาน และความเที่ยงตรง รวมถึงคุณภาพของผลงานนั้นล้วนแต่เหนือชั้นกว่ามาตรฐานในปัจจุบันของอุตสาหกรรมนี้ทั้งสิ้น

Tudor Blackbay Fifty-Eight 18K

นาฬิกานักดำน้ำของ Tudor

ประวัติศาสตร์ของนาฬิกานักดำน้ำ Tudor นั้นย้อนกลับไปจนถึงปี 1954 ที่ได้เปิดตัวนาฬิการุ่นหมายเลขอ้างอิง 7922 ด้วยคุณสมบัติการกันน้ำได้ลึกถึง 100 เมตร (330ฟุต)  นี่จึงเป็นต้นกำเนิดของนาฬิกา “นักดำน้ำ” ที่ยืนยาวมาจนถึงปัจจุบัน ราคาที่เอื้อมถึงได้ ความทนทาน ความน่าเชื่อถือ และความเที่ยงตรง สิ่งเหล่านี้คือตัวแทนแห่งหลักปรัชญาของนาฬิกาประเภทเครื่องมือของแบรนด์ หลังจากการเปิดตัวครั้งแรกเป็นเวลากว่า 7 ทศวรรษ นาฬิกานักดำน้ำของ Tudor ยังคงมีการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง และมีหลายรุ่นที่ได้รับเสียงชื่นชมอย่างเป็นเอกฉันท์จากมืออาชีพในสายงานต่างๆ ซึ่งรวมถึงกองทัพราชนาวีที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกหลายประเทศ

Tudor Black bay Fifty-Eight 18K เปิดตัวในเมืองไทยแล้วกับราคา 584,100 บาท

รายละเอียดทางเทคนิค : Tudor Black Bay Fifty-Eight 18K

หมายเลขอ้างอิง :79018V

  • ตัวเรือน : ขนาด 39 มม. ผิวสัมผัสซาตินทำจากทองคำ 18 กะรัต ฝาหลังแบบใสพร้อมคริสตัลแซฟไฟร์
  • ขอบตัวเรือน : หมุนได้ทิศทางเดียวทำจากทองคำ 18 กะรัต พร้อมดิสก์อะลูมิเนียมเคลือบผิวสีเขียวด้านและช่องแบ่งเวลา 60 นาที เครื่องหมายตำแหน่งและตัวเลขเคลือบสีทอง
  • เม็ดมะยม : ทำจากทองคำ 18 กะรัตแบบขันเกลียว พร้อมสัญลักษณ์กุหลาบ TUDOR แบบนูน และท่อเม็ดมะยมทองคำ 18 กะรัต ทรงกลมขัดผิวซาติน
  • หน้าปัด : สีเขียว ทรงโดม
  • กระจก : คริสตัลแซฟไฟร์ ทรงโดม
  • การกันน้ำ : 200 เมตร (660 ฟุต)
  • สายนาฬิกา : สายหนังจระเข้สีน้ำตาลเข้มทรงโค้งพร้อมหัวเข็มขัดทองคำ 18 กะรัต
  • และยังมีสายผ้าสีเขียวพร้อมแถบคาดสีทองและหัวเข็มขัดทองคำ 18 กะรัต รวมมาให้ในกล่องอีกด้วย
  • กลไก : คาลิเบอร์ MT5400 ที่พัฒนาขึ้นภายในโรงงานของตนเอง พร้อมระบบโรเตอร์หมุนได้สองทิศทาง
  • ความเที่ยงตรง : โครโนมิเตอร์ของสวิสที่ผ่านการรับรองอย่างเป็นทางการโดย COSC  (สถาบันควบคุมความเที่ยงตรงอย่างเป็นทางการจากสวิตเซอร์แลนด์)
  • กำลังสำรอง : ประมาณ 70 ชั่วโมง
  • ฟังก์ชันการทำงาน : เข็มชั่วโมง นาทีและวินาทีตรงกลาง เข็มวินาทีจะหยุดเมื่อตั้งเวลาเพื่อให้ตั้งเวลาได้อย่างแม่นยำ
  • การปรับแต่ง : เม็ดถ่วงสมดุลที่ปรับแต่งอย่างละเอียดได้ด้วยสกรู สปริงซิลิคอนเพิ่มสมดุลแบบไร้แม่เหล็ก
  • ความถี่ : 28,800 ครั้ง/ชั่วโมง (4Hz)