Alpina Startimer Pilot Heritage GMT ฟังก์ชั่นคุ้มในราคาที่จับต้องได้

0
- Advertisement -

รูดนิ้วอยู่บนหน้า Feed อยู่พักหนึ่ง ทันใดนั้นมีข้อเสนอกับนาฬิกาที่น่าสนใจอย่าง Alpina Startimer Pilot Heritage GMT โผล่ขึ้นมา มีหรือที่จะพลาด และนี่คือจุดเริ่มต้นจนนำมาสู่การรีวิวในครั้งนี้

Alpina Startimer Pilot Heritage GMT

Alpina Startimer Pilot Heritage GMT ฟังก์ชั่นคุ้มในราคาที่จับต้องได้

  • นาฬิกานักบินที่ออกแบบในดีไซน์ย้อนยุคด้วยตัวเรือนแบบ Tonneau

  • มาพร้อมกับฟังก์ชั่น GMT จากกลไก AL-555 กำลังสำรอง 38 ชั่วโมง

  • สวย สะดุดตา และแต่ก็ยังมีจุดที่ไม่ค่อยประทับใจเท่าไร

ถ้าคุณติดตามการรีวิวนาฬิกาของผมมาโดยตลอดจะพบว่าพวกแบรนด์นอกสายตาที่คนทั่วไปไม่ได้นิยมนั้น ส่วนใหญ่แล้วมักจะถูกจริตผมอย่างมาก Glycine คือหนึ่งในนั้น และอีกหนึ่งคือ Alpina ซึ่งก็อย่างที่บอกว่า ผมไม่ได้พิศวาสอะไรกับแบรนด์แอมบาสเดอร์คนเก่าของพวกเขาอย่าง William Baldwin

แต่ที่ชอบเพราะความเป็นตัวเองของแบรนด์ และแม้ว่าพักหลัง อัลพีน่า จะรุกหนักตลาดสมาร์ทวอทช์ในแบบจับเอาของที่มีอยู่มาเพิ่มความสามารถ แต่พวกเขาก็ยังไม่ลืมไลน์อัพที่เป็นคอลเล็กชั่นหลักๆ ของพวกเขา และ Alpina Startimer Pilot Heritage GMT คือ หนึ่งในนั้น

Alpina Startimer Pilot Heritage GMTAlpina Startimer Pilot Heritage GMTAlpina Startimer Pilot Heritage GMT

ในคอลเล็กชั่น Startimer ของ อัลพีน่า มีทางเลือกที่หลากหลาย และในกลุ่มของ Heritage นั้นก็จะมีทั้งรุ่น 3 เข็มที่มีรูปทรงของตัวเรือนแบบวงกลม และรุ่น GMT และ Chronograph ที่มากับทรงถังเบียร์แบบไม่มีขาสายตามแบบฉบับที่ได้รับความนิยมอย่างมากในยุคทศวรรษที่ 1970

สำหรับ Startimer Pilot Heritage GMT ถูกเปิดตัวในช่วงปลายปี 2018 โดยตั้งเป้าในการเจาะตลาดนาฬิกานักบินที่มีราคาอยู่ในช่วง 1,500 เหรียญสหรัฐฯ และเป็นคอลเล็กชั่นที่ผมหวังอยู่ห่างๆ ว่าจะมีโอกาสได้เป็นเจ้าของ หลังจากที่มุ่งมั่นอยู่ในกลุ่มนาฬิกาดำน้ำของพวกเขาอย่าง Extreme Diver ซึ่งในเวลาต่อมาเปลี่ยนเป็นชื่อ Seastrong และในที่สุดก็สมหวังจนได้

AL-555N4H6 คือรุ่นที่ผมได้มา และถือเป็นสีแรกๆ ของการเปิดตัวของ Startimer Pilot Heritage GMT และก็ถือเป็นสีที่แปลกที่สุดในบรรดา 4 รุ่นที่เปิดตัวออกมาเพราะอีก 3 รุ่นที่เหลือมาในแบบทูโทน

แต่รุ่นนี้เป็นแบบโมโนโทนด้วยสีน้ำเงินที่ไม่ถึงกับเข้มตามที่ระบุว่าเป็น Navy Blue แต่เป็นสีน้ำเงินแบบอมเขียวเหมือนกับสีน้ำทะเล ซึ่งส่วนตัวผมคิดว่าเป็นสีที่สวยมาก โดยเฉพาะเมื่ออยู่ท่ามกลางแสงแดด คุณจะเพลินไปกับการพลิกข้อมือไปมาเพื่อให้นาฬิการับแสงแดดในมุมต่างๆ เพื่อสะท้อนถึงความงามบนหน้าปัดออกมา

เคยมีคนถามผมเหมือนกับกับรสนิยมที่มีต่อการหลงใหลในนาฬิกานอกกระแส ซึ่งส่วนใหญ่แล้วผมมักจะบอกไปว่า มันทำให้ตัวผมเองดูดีโดยที่ไม่ต้องจ่ายเงินเยอะ อย่าง Startimer Pilot Heritage GMT ก็เช่นกัน

นี่คือนาฬิกาที่จะว่าไปแล้วมีความสวยและลงตัวในแง่ของการออกแบบ การขัดแต่งโดยรวมของตัวเรือน ความเป็นสวิสส์แบรนด์ ฟังก์ชั่นที่มีประโยชน์ โดยที่ตัวผมเองจ่ายเพียงแค่ปลายนิ้วก้อย แต่ถ้าเป็นแบรนด์ตลาดที่เห็นอยู่ในตลาดนั้น กับสเป็กและรายละเอียดระดับนี้ ก็ยังไม่รู้ว่าการเสียแค่นิ้วก้อยทั้งนิ้วเพียงนิ้วเดียวจะเพียงพอต่อค่าตัวของพวกมันไหม

Startimer Pilot Heritage GMT มากับตัวเรือนทรงถังแบบไร้ขาสาย และนั่นทำให้อะไรหลายอย่างเปลี่ยนไปมากกว่าจากการนั่งดูแค่ตัวเลขบน Spec Sheet ที่ผมมักจะใช้เป็นคู่มืออ้างอิงการซื้อนาฬิกาบนช่องทางออนไลน์ของผม การเป็นตัวเรือนแบบไร้ขาสาย นั่นหมายความว่านาฬิกาเรือนั้นจะออกแนวแบนจนดูเหมือนกับทรงสี่เหลี่ยมมากกว่าที่เป็นทรงกลมเหมือนกับนาฬิกามีขาสาย

ดังนั้น แค่ตัวเลขเส้นผ่านศูนย์กลาง 42 มิลลิเมตรของนาฬิกาเรือนนี้ และมี Lug to Lug แค่ 45 มิลลิเมตร เท่านี้ก็ทำเอาข้อมือขนาด 7 นิ้วของผมสั่นสะท้านได้ และสามารถคาด Startimer Pilot Heritage GMT ได้อย่างลงตัว และดูดีกว่าที่คิดเอาไว้ตอนแรก

Alpina Startimer Pilot Heritage GMT

นาฬิกาวางนิ่งอยู่บนข้อมือและดูไม่ใหญ่ไม่เล็กเกินไป ความหนา 12 มิลลิเมตรถือว่าพอดี เมื่อถอดสายสแตนเลสถักแบบ Milanese ออกไป และแทนที่ด้วยสายหนังขนาด 22 มิลลิเมตรแบบนูนกลางนิดๆ (แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันนูนมากไปหน่อย ก็เลยไม่ได้เอามาใช้กับนาฬิกาเรือนอื่นที่อยู่ในกรุ) ที่ผมสั่งตัดเอาไว้สำหรับใส่กับ Hamilton Pan Europ แล้ว ‘Perfect’ คือคำที่ผมอุทานออกมา โล่งใจตรงที่สายเส้นนั้นไม่ทำให้ผมเสียเงินเปล่าแล้ว และสายเส้นนั้นได้เจอเนื้อคู่สักที

สิ่งหนึ่งที่ผมเห็นพ้องต้องกันกับรีวิวของฝรั่งที่มีต่อนาฬิการุ่นนี้ที่ใช้หน้าปัดสีน้ำเงินเฉด Navy Blue คือ ความสวยงามของหน้าปัด จริงอยู่ที่ไม่มีลูกเล่นด้วยการใช้ขอบด้านนอกเป็นสีขาวเหมือนกับรุ่นอื่นๆ เข้ามาช่วยให้ดูแตกต่าง แต่โทนสีน้ำเงินของ อัลพีน่า บวกกับการขัดลายวงรอบนอกเป็นแบบซันเรย์

ส่วนด้านในที่เป็นเพลทหมุนพร้อมลูกศร ซึ่งทำหน้าที่บอกเวลาที่ 2 แทนเข็ม GMT จะมาในโทนสีดำและเป็นแบบพื้นด้านนั้นกลับให้สัมผัสที่เรียบแต่หรู แถมยังสอดรับกับเข็มวินาทีที่เป็นสีส้มหลักชั่วโมงมีการแต้มสารเรืองแสงเอาไว้ที่ด้านปลายของหลักติดกับขอบสเกลหมุนได้ ดูเข้ากันได้ดีกับรายละเอียดโดยรวม โดยตัวนาฬิกาจะมีการเจาะช่องแสดงวันที่เอาไว้ที่ 3 นาฬิกา

Alpina Startimer Pilot Heritage GMT

แต่สิ่งหนึ่งที่ติดและดูไม่ค่อยลงตัวสักเท่าไรคือ ความชัดเจนในการดูเวลาที่ 2 ซึ่งส่งผลต่อการเสียประโยชน์สำหรับการที่จะทำให้นาฬิกาเรือนนี้สามารถบอกได้ 3 เขตเวลา ซึ่งคงต้องบอกว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะความยึดมั่นในเรื่องการออกแบบ

นาฬิกาเรือนนี้อ้างอิงสไตล์ของตัวนาฬิกามาจากนาฬิการุ่นปี 1970 นั่นคือ Alpina Dispomatic Alarm Automatic เรียกว่าถอดแบบมาทุกประการเลยในเรื่องการออกแบบ และมีเพลทหมุนตรงกลางในการทำหน้าที่เป็นตัวตั้งเวลาปลุก แต่สำหรับ Startimer Pilot Heritage GMT ตรงนี้ถูกเปลี่ยนเป็นการทำงานของ GMT

Alpina Startimer Pilot Heritage GMT

ตามปกติแล้วนาฬิกา GMT จะมีเข็มที่ 4 ซึ่งทำหน้าที่บอกเวลาที่ 2 เมื่อใช้เทียบกับสเกล 24H ที่อยู่บนหน้าปัด หรือเวลาที่ 3 เมื่อใช้เทียบกับขอบตัวเรือนแบบหมุนได้ แต่ด้วยเหตุที่ Startimer Pilot Heritage GMT ดูจะออกแบบให้แหวกแนวและล้ำไปหน่อยมันก็เลยทำให้อาจจะลดทอนความสามารถตรงนี้ลงไป

เพราะแทนที่จะใช้เข็ม GMT พวกเขาเลือกใช้เพลทหมุน ซึ่งแม้ว่าจะมีเครื่องหมายสามเหลี่ยมแทนที่เข็ม GMT แต่สเกล 24H ที่ควรจะมีตัวเลขกำกับ พวกเขาก็ดันทำเป็นแค่หลัก 24 ขีดที่อยู่รอบเพลทหมุนนี้แทน

และด้วยเหตุที่นาฬิกาไม่มีขอบตัวเรือน พวกเขาก็เลยย้ายสเกล 24H อีกชุดมาเป็นวงแหวนแบบหมุนได้ผ่านทางเม็ดมะยมในตำแหน่ง 2 นาฬิกามาวางอยู่ในหน้าปัดแทน

Alpina Startimer Pilot Heritage GMT

จริงๆ มันก็ยังบอกเวลาได้ 3 เขตเวลานั่นแหละ แต่ด้วยขนาดหน้าปัดที่เล็กบวกกับการไม่ใส่ตัวเลขเอาไว้บนหลัก 24H รอบๆ เข็ม GMT มันก็เลยทำให้ยากที่จะทราบว่าเวลาที่ 2 นั้นก็โมงแล้ว และในเมื่อไม่ทราบ ก็เลยต้องไปใช้ตัวเลขบนขอบสเกลหมุนแทน…แต่ถ้าคุณไม่มีปัญหาในเรื่องของการอ่านค่าเวลาก็ลืมเรื่องที่ผมบ่นไปก็แล้วกัน

นาฬิการุ่นนี้มากับกลไก Calibre AL-555 ซึ่งเป็นการต่อยอดและดัดแปลงมาจากกลไกของ Sellita สำรองกำลังงานได้ 38 ชั่วโมง ซึ่งส่วนตัวผมว่าน้อยไปหน่อยสำหรับนาฬิกาในยุคปัจจุบัน

โดยที่การปรับเข็ม GMT จะเป็นรูปแบบเดียวกับ GMT ที่พบใน Rolex GMT-Master II หรือ GMT ของ Seiko หรือที่เรียกว่า Traveller’s GMT คือ เป็นการปรับเพื่อไปยัง Local Time หรือเมืองที่กำลังจะไปผ่านเข็มชั่วโมง ไม่ใช่เข็ม GMT ปรับสะดวก และอาจจะแค่งงๆ หน่อยสำหรับบางคนที่เพิ่งเริ่มใช้ แต่ส่วนตัวผมชอบ GMT แบบนี้มากกว่าอีกแบบที่ถูกเรียกว่า Office’s GMT

บทความที่อธิบายเรื่องนี้ผมเคยเขียนไปแล้วใน ana-digi.com ลองกดอ่านดู

โดยสรุป ถ้าไม่นับเรื่องการตกม้าตายเพราะการยึดมั่นในรูปแบบการออกแบบจนไปลดทดนประสิทธิภาพของฟังก์ชั่น GMT แล้วนั้น Startimer Pilot Heritage GMT ในมุมมองของผมถือว่าสอบผ่านเลยทีเดียว โดยในเมืองไทย มีตัวแทนจำหน่าย และราคาเริ่มต้นสำหรับรุ่นสายหนังอยู่ที่ 49,500 บาท ซึ่งถือเป็นราคาปกติสำหรับนาฬิกาสวิสส์ ที่มีฟังก์ชั่นเพิ่มเติมนอกเหนือจากการบอกเวลา

ชีวิตในการลุยโลกนาฬิกาของคุณจะสนุกขึ้น ถ้าเลิกยิดติดกับแบรนด์ มองหาทางเลือกใหม่ๆ และตัดคำว่านาฬิกาคือการลงทุนออกไป…มีคนบอกกับผมอย่างนี้ ซึ่งนั่นคือความจริง

ข้อมูลทางเทคนิค :

  • เส้นผ่านศูนย์กลาง : 42 มิลลิเมตร
  • Lug to Lug : 45 มิลลิเมตร
  • ความหนา : 12 มิลลิเมตร
  • ความกว้างขาสาย : 23 มิลลิเมตร
  • กระจก : Sapphire แบบ Boxed Shape
  • กลไก : อัตโนมัติ GMT รหัส AL-555
  • ความถี่ : 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง
  • กำลังงานสำรอง : 38 ชั่วโมง
  • การกันน้ำ : 50 เมตร
  • ประทับใจ : รูปทรง ฟังก์ชั่น GMT แบบ Traveller’s GMT
  • ไม่ประทับใจ : การยึดมั่นกับการออกแบบจนส่งผลกับการใช้งาน ความกว้างขาสายที่พิสดาร และกำลังสำรองที่น้อยไปหน่อย