การฉลอง 50 ปีของการผลิตนาฬิกาจับเวลาออกขายในตลาด ไม่มีอะไรดีไปกว่าการเปิดตัวนาฬิการุ่นใหม่ๆ ที่ถือว่าเป็นการสานต่อและสืบทอดเจตนารมย์ในการออกแบบ ซึ่งในปีนี้ ทาง Tudor ได้เปิดตัว Tudor Black Bay Chrono ใหม่ ที่มีไฮไลท์อยู่ที่หน้าปัดแบบ Panda Dial และ Reverse Panda Dial

Tudor Black Bay Chrono Panda Dial ตัวเลือกที่น่าสนในวงเงินบวกลบ 160,000 บาท
-
การเพิ่มทางเลือกใหม่ด้วยสีสันหน้าปัดในแบบ Panda Style
-
ตัวเรือน 41 มิลลิเมตรถือว่าขนาดกำลังพอเหมาะกับข้มือ 7 นิ้ว และเมื่อบวกกับกลไกที่ยอดเยี่ยม ทำให้นาฬิกาเรือนนี้มองข้ามไม่ได้เลย
-
ราคาจำหน่ายในเมืองไทยอยู่ที่ 169,800 บาทสำหรับรุ่นสายผ้าแจ็คการ์ด
หลังจากที่เพิ่มทางเลือกใหม่ให้กับนาฬิกาดำน้ำรุ่นคลาสสิคอย่าง Black Bay ด้วยรุ่นโครโนกราฟที่มาพร้อมกับกลไกจับเวลาเมื่อปี 2017 จากเดิมที่มีขายเพียงแบบเดียวคือรุ่น 3 เข็ม ในตอนนี้ Tudor ได้เพิ่มทางเลือกใหม่ด้วยสีสันใหม่ของหน้าปัดและขอบตัวเรือนของรุ่น Black Bay Chrono กับหน้าปัดแบบ Panda Dial และ Reverse Panda Dial ในงาน Watches and Wonders เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา และที่สำคัญเป็นการเปิดตัวออกมาในช่วงของการฉลองครบรอบ 50 ปีในการผลิตนาฬิกาโครโนกราฟของ Tudor และช่วยทำให้คอลเล็กชั่นนี้มีความน่าสนใจมากขึ้น

อย่างที่เกริ่นในตอนแรกว่าความพิเศษของ Tudor Black Bay Chrono รุ่นปี 2021 นอกจากจะมากับหน้าปัดสีใหม่แล้ว ยังเป็นการเปิดตัวในช่วงเวลาพิเศษของการฉลองครบรอบ 50 ปีนับตั้งแต่เปิดตัวนาฬิกาโครโนกราฟรุ่นแรก Oysterdate ไปเมื่อปี 1970 และนาฬิการุ่น Black Bay Chrono ได้ผสานรวมเอกลักษณ์เหล่านี้เอาไว้ภายในนาฬิกาสปอร์ตโครโนกราฟสำหรับผู้ที่หลงใหลในนาฬิการูปแบบนี้ ซึ่งมีวงหน้าปัดย่อยแสดงการจับเวลาและคาลิเบอร์อัตโนมัติสมรรถนะสูงที่ถูกพัฒนาขึ้นภายในโรงงานของตนเอง พร้อมกลไกคอลัมน์วีลและคลัทช์แนวตั้ง
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงและแตกต่างจากรุ่นก่อนหน้านี้คือ การใช้สีสันหน้าปัดในแบบ Panda Dial และ Reverse Panda Dial ซึ่งรุ่นที่เรานำมารีวิวในครั้งนี้ก็คือ หน้าปัดแบบ Reverse Panda Dial ซึ่งจะมีพื้นหลักของหน้าปัดเป็นสีดำ และหน้าปัดย่อยจะมากับพื้นสีขาว ส่วนอีกรุ่นจะเป็น SG มากับหน้าปัดดำพร้อมพื้นหน้าปัดย่อยสีทอง
ตรงนี้นอกจากความสวยงามแล้ว การสร้างสรรค์สีหน้าปัดให้แตกต่างกันยังสามารถช่วยให้อ่านหน้าปัดได้อย่างง่ายดายด้วยแรงบันดาลใจจากโครโนกราฟยุคแรกของ Tudor นาฬิกามาพร้อมกับวงหน้าปัดย่อยสำหรับแสดงการจับเวลา 45 นาที และหน้าต่างวันที่ได้ถูกจัดวางไว้ที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา และมีกระจกแซฟไฟร์แบบทรงโดมสูงทำหน้าที่ปกป้องหน้าปัด ขณะที่ชุดเข็มก็ยังคงใช้เอกลักษณ์อันคลาสสิคของ Tudor กับชุดปลายเข็มแบบ Snow Flake ในส่วนของเข็มชั่วโมงซึ่งถูกใช้ในนาฬิกากลุ่มดำน้ำอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 1969
สำหรับตัวเรือนมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 41 มิลลิเมตรมาพร้อมกับผิวสัมผัสแบบซาตินและขัดเงาทำจากสเตนเลสสตีล 316L พร้อมขอบตัวเรือนทำจากสเตนเลสสตีล 316L ด้วยเช่นกัน โดยบนขอบตัวเรือนเป็นแบบยึดติดตายตัวมีอินเสิร์ตผลิตจากอะลูมิเนียมเคลือบผิวสีดำพร้อมกับสเกล Tachymeter สำหรับวัดความเร็วติดตั้งเอาไว้ โดยไม่ว่าจะเป็นรุ่น Panda Dial หรือ Reverse Panda Dial ก็จะมีอินเสิร์ตเป็นสีดำเหมือนกัน
สำหรับสายของรุ่นนี้จะมีให้เลือก 3 แบบคือ โลหะ หนัง และสายผ้าแบบแจ็คการ์ดที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์นับจากปี 2010 การผลิตถือว่าทำให้สวยงามและสวมใส่สบาย ที่สำคัญคือ ตัวสายอาจจะดูคล้ายกับนาโต้ แต่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงเพราะบนสายจะมีการเย็บรูยึดเพื่อให้สามารถร้อยสปริงบาร์ผ่าน และตัวยึดตรงนี้จะตรงกับตำแหน่งรูบนขาสาย ทำให้สามารถยึดนาฬิกาเอาไว้ไม่หมุนไปมาเหมือนกับเวลาใส่สายนาโต และที่สำคัญคือ ปลายสายไม่ยาวจนต้องพับเหมือนกับสายนาโต
แต่สิ่งที่ติดอย่างเดียวคือ การร้อยสายผ่านบัคเคิลตอนสวมทำได้ค่อนข้างยาก เพราะเป็นช่องแคบและปลายสายไม่ค่อยแข็ง ทำให้การดันผ่านช่องแคบๆ ทำได้ลำบาก เรียกว่าตอนแรกๆ ที่ไม่คุ้น ต้องใช้เวลากันสักพักเลย แถมยังเสียวนาฬิการ่วงลงจากมืออีกด้วย แต่หลังจากที่ผ่านมาได้ และลองใส่สัก 3-4 ครั้ง คราวนี้จะเริ่มชินและทำได้เร็วขึ้น
ในรุ่นนี้มากับกลไก Calibre Chronograph ในรหัส MT5813 ที่พัฒนาขึ้นภายในโรงงานของตนเอง ตัวใยนาฬิกาเป็นแบบซิลิคอน จึงทนทานต่อสนามแม่เหล็ก และให้ความเที่ยงตรง โดยมีกำลังสำรอง 70 ชั่วโมงและที่โดดเด่นคือ ความเที่ยงตรงในระดับโครโนมิเตอร์ที่ Tudor ทำได้อย่างเหนือชั้นด้วยการกำหนดค่าวามคลาดเคลื่อนที่ยอมรับได้สำหรับนาฬิกาที่ประกอบสมบูรณ์แล้วเอาไว้ที่ -2 ถึง +4 วินาที ในขณะที่ตัวเลขซึ่งทาง COSC กำหนดเอาไว้อยู่ที่ -4 ถึง +6 วินาที
ถ้าเปิดฝาหลังออกมา คุณจะพบกับโรเตอร์ขึ้นลานทำจากทังสเตนแบบโมโนบล็อกที่มีลวดลายฉลุ พร้อมผิวสัมผัสซาตินที่ตกแต่งรายละเอียดแบบพ่นทราย แผ่นเชื่อมและแท่นเครื่องมีพื้นผิวแบบพ่นทรายสลับกับขัดเงาและตกแต่งด้วยเลเซอร์ ซึ่งน่าเสียดายที่รุ่นนี้มากับฝาหลังแบบทึบ เลยอดที่จะได้ชื่นชมความงาม
สิ่งที่ผมค่อนข้างประทับใจกับ Tudor Black Bay Chrono Panda Dial คือ การออกแบบและการจัดวางรูปแบบของตำแหน่งย่อยบนหน้าปัดในสไตล์ 2 วง ซึ่งเป็นดีไซน์ที่ผมประทับใจมาตั้งแต่รุ่น Heritage Chrono ของพวกเขา เมื่อประกอบกับขนาดตัวเรือนที่แม้ว่าจะมีตัวเลขเพียง 41 มิลลิเมตรในส่วนของเส้นผ่านศูนย์กลาง แต่ทว่าด้วย Lug to Lug ที่มีความยาวถึง 51 มิลลิเมตร ผมบอกได้เลยครับว่านาฬิกาเรือนนี้ไม่เล็กเลยเมื่ออยู่บนข้อมือขนาด 7 นิ้วของผม และเป็นนาฬิกาดำน้ำที่มีความสามารถในการกันน้ำถึง 200 เมตรแถมยังมีฟังก์ชั่นจับเวลาด้วย เมื่อบวกกับความเที่ยงตรงกของกลไกแบบ In-House
ทุกอย่างที่รวมอยู่ตรงนี้ทำให้บอกได้เลยว่า นี่คือ ตัวเลือกในระดับราคาแสนกลางที่คุณน่าจะจับเอาใส่ไว้ในWish List ของคุณได้อย่างไม่ยาก
รายละเอียดทางเทคนิค : Tudo Black Bay Chrono 2021
- ตัวเรือน : สแตนเลสสตีล 316L ขนาด 41 มม. และหนา 4 มม. พร้อมผิวสัมผัสแบบซาตินและขัดเงา
- ขอบตัวเรือน : ขอบตัวเรือน แบบยึดตายตัวผลิตจากสแตนเลสสตีล 316L พร้อมอินเสิร์ตอะลูมิเนียมเคลือบผิวสีดำด้านพร้อมสเกลวัดความเร็วและเครื่องหมายตำแหน่งสีเงิน
- หน้าปัด : สีดำทรงโดมพร้อมวงหน้าปัดย่อยแสดงการจับเวลาสีเงิน หรือสีขาวโอพาลีนพร้อมวงหน้าปัดย่อยแสดงการจับเวลาสีดำ มีหน้าต่างวันที่ในตำแหน่ง 6 นาฬิกา
- กระจก : แซฟไฟร์ทรงโดม
- กลไก : คาลิเบอร์ MT5813 ที่พัฒนาขึ้นภายในโรงงานของตนเอง พร้อมฟังก์ชันโครโนกราฟ พร้อมระบบโรเตอร์หมุนขึ้นลานได้ 2 ทิศทาง และเที่ยงตรงระดับ Chronometer ใยนาฬิกาแบบซิลิคอน
- ความถี่ : 28,800 ครั้ง/ชั่วโมง (4Hz)
- กำลังสำรอง : ประมาณ 70 ชั่วโมง
- การกันน้ำ : 200 เมตร (660 ฟุต)
- ประทับใจ : ขนาดที่กำลังดี รูปลักษณ์สะดุดตา การสืบทอดตำนานของการเป็นนาฬิกา Chronograph ของ Tudor
- ไม่ประทับใจ : ความง่ายและสะดวกในการสวมใส่สายแจ็คการ์ด
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/