Seiko Prospex Zimbe 11 SPB099J : ถ้าชอบ ราคาไม่ใช่ประเด็น

0

เรียกว่าเป็นนาฬิกาที่ฮ็อตเอาเรื่องสำหรับช่วงนี้ สำหรับ Zimbe No.11 ของ Seiko ซึ่งมากับรหัส SPB099J และอยู่บนพื้นฐานของนาฬิการุ่น Shogun และวันนี้มาดูกันว่า นาฬิการุ่นนี้น่าสนใจขนาดไหนกับ Review ในครั้งนี้ครับ

Seiko Prospex Zimbe 11 SPB099J
Seiko Prospex Zimbe 11 SPB099J

Seiko Prospex Zimbe 11 SPB099J : ถ้าชอบ ราคาไม่ใช่ประเด็น

  • Zimbe หมายเลข 11 ใช้พื้นฐานของนาฬิกาดำน้ำรุ่น Shogun

  • ปรับเปลี่ยนรายละเอียหลายจุด เช่น หน้าปัด และกระจก

  • ผลิตเพียง 500 เรือน และราคา 57,000 บาท

- Advertisement -

 

ช่วงนี้ถ้าไม่พูดถึง Seiko Prospex Zimbe 11 SPB099J ที่มากับรหัส SPB099J สักหน่อยเดี๋ยวจะตกเทรนด์ ซึ่งหลังจากที่เรานำเสนอกันมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่มีกระแสข่าวออกมาจนกระทั่งถึงวันขายจริง สารภาพตรงๆ แม้ว่าจะยังไม่ได้ตัดสินใจสอยเข้ากรุ แต่ก็มีโอกาสไปยืนลูบๆ คลำขึ้นข้อมือสักหน่อยก็ยังดี และนำมาสู่การ Review แบบคร่าวๆ ในครั้งนี้โดยได้รับการสนับสนุนภาพจากทางร้าน Excel-Watch ที่เป็นพันธมิตรทางด้าน Content ที่ดีของเราครับ

ผมว่าถึงตรงนี้ คนที่สนใจน่าจะมีอยู่ 2 กลุ่มใหญ่ๆ ด้วยกัน คือ คนที่เป็นแฟนเหนียวแน่นของ Zimbe มาตั้งแต่รุ่นแรกที่เปิดตัวกลางปี 2016 กับอีกกลุ่มคือ ไม่ใช่ขาประจำ แต่กำลังถูกบิลด์ด้วยกระแสตามข้อมูลข่าวสารและกลุ่ม FB ที่พวกเขาเข้าไปอ่านกันประจำ

สำหรับกลุ่มแรก ผมว่าไม่ใช่ปัญหาที่ยากเย็นอะไรในการตัดสินใจ เพราะถ้าตามมาตั้งแต่ No.1 ยังไงนี่ก็เป็นไฟท์บังคับในการซื้อ นอกจากจะสอยเข้ากรุแบบเลือกเฉพาะโมเดลที่ตัวเองชอบ งานนี้ก็จะตกอยู่ในอาการเดียวกับกลุ่มที่ 2 คือ มีอาการลังเลว่า ‘จะซื้อหรือไม่ซื้อดี’

แน่นอนว่า คำว่า Limited Edition กับ Seiko หลายคนอาจจะรู้สึกว่า ไม่ค่อยมีความหมายเท่าไร หลังจากที่พวกเขาโหมกระหน่ำเปิดตัวรุ่นพวกนี้ออกมาเยอะจนล้นตลาด ดังนั้น คำว่า Limited Edition จะมีความหมายและความรู้สึกที่ดีก็เฉพาะรุ่นหรือคอลเล็กชั่นของ Seiko ที่น่าสนใจจริงๆ ซึ่งผมว่าเจ้า Zimbe นี่ก็คือหนึ่งในนั้น เพราะแนวทางในการเปิดแต่ละรุ่นมีความชัดเจนในแง่ของคอนเซ็ปต์ มีเรื่องราวรวมถึงเหตุและผลในการทำอะไรสักอย่างบนตัวเรือนนาฬิกา ไม่ใช่เอาแต่ปั๊มเลขบนฝาหลังเหมือนกับบางรุ่น

ตอนที่ได้เห็นภาพ Teaser ที่ถูกปล่อยออกมาจากแฟนเพจของ Seiko Thailand แน่นอนว่าสีของหน้าปัด คือ ดึงดูดสายตาผมทันที เพราะนานมาแล้วที่ Seiko ลืมเลือนสีแดงเพื่อนำมาใช้ทำหน้าปัด โดยเฉพาะสีแดงสดและมีเหลื่อมแบบ Sunray เหมือนของเจ้า SPB099J เรือนนี้ อีกทั้งการเลือกส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างสีดำสลับทองและแดงให้อยู่บนตัวเรือนเดียวกันนั้นถือเป็นการเลือกที่ลงตัว เรียกว่า ครึ่งหนึ่งของการตัดสินใจถูกเทไปสู่คำว่า ‘ซื้อ’ เหลือเพียงแค่ราคาเท่านั้น (เพราะตอนนั้นยังไม่เปิดออกมา) ที่จะทำให้อีก 50% ที่เหลือเอนเอียงมาทางนี้หรือไม่ เพราะมันสัมพันธ์กับวงเงินคงเหลือในบัตรเครดิตของผมนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลาที่ราคาถูกเปิดเผยออกมา ต้องบอกก่อนว่าผมไม่ได้แปลกใจอะไรกับราคาที่ของ Zimbe No.11 หรือ SPB099J สักเท่าไร เพราะถ้าคุณอยู่ในแวดวงนี้มานานแบบสนใจราคาจากทั้ง 3 ฝั่งนั่นคือ ราคาป้ายอย่างเป็นทางการ ราคาป้ายหลังหักส่วนลดของบรรดาร้านค้าที่เป็นตัวแทนจำหน่ายข้างนอกที่ไม่ใช่เคาน์เตอร์ในห้างสรรพสินค้า และราคาของหิ้ว คุณจะรู้ว่าควรจะเปรียบเทียบในเรื่องนี้อย่างไรดี แบบไม่ต้องเอามาปะปนกันอย่างสะเปะสะปะ

เพราะถ้าจำไม่ผิดสำหรับ Shogun รุ่นปกติที่มีรหัส SBDC029 ราคาป้ายที่ขายตามเคาน์เตอร์ในบ้านเรานั้นถือว่าเอาเรื่องอยู่แล้วคือ 45,500 บาท และตอนที่เปิดตัว Zimbe No.5 ที่มีรหัส SPB057J ราคาป้ายถูกขยับไปเป็น 55,000 บาทนั้น ผมถือว่าเป็นราคาที่รับได้นะ ผมไม่ได้รวยอะไรหรอกนะ แต่เป็นการเปรียบเทียบกับราคาป้ายที่ขายในไทย ไม่ใช่เอาราคานี้ไปเปรียบเทียบกับราคาของหิ้วที่อยู่ในระดับ 20,000 กลางๆ

อีกอย่างนี่คือ Limited Edition ที่ผลิตเพื่อตลาดเมืองไทย งานนี้คุณไม่ต้องไปควานหาเอาจากตลาดเมืองนอกกันหรอก เพราะไม่มีอย่างแน่นอน (มีแต่เมืองนอกมาควานหาเอาในบ้านเรา เพราะตอนที่เปิดตัวออกมา มี Inbox จากลูกค้าต่างประเภทเข้ามาหาในเพจ ana-digi ร่วมสิบราย) ดังนั้นอีกทางเลือกคือ การมองหาส่วนลดเพิ่มเติมจากร้านค้าที่เป็นตัวแทนจำหน่ายของ Seiko ในเมืองไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งเมื่อหักลบกันแล้ว ราคาน่าจะช่วยทำให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นกว่าก็เป็นได้ เพียงแต่ ณ ตอนนี้ สินค้าเพิ่งจะทยอยออกสู่ร้านค้าทั่วไป และเชื่อว่าหลายร้าน ออร์เดอร์น่าจะเพียบอยู่ ดังนั้น ใครที่ตัดสินใจซื้อในช่วงวันแรกที่เปิดตัวในงาน Watch Fair ที่มีส่วนลดราวๆ 10% แบบยังไม่รวมโปรบัตรหรือโปรงาน ก็ต้องท่องคำว่า ‘ซื้อก่อนหล่อก่อน’ เหมือนกับตอนที่ผมสอยเจ้า Monster Gen4 จากงานเปิดตัวนั่นแหละ

กลับมาที่หน้าตาของ SPB099J เมื่อเปรียบเทียบในเรื่องหน้าตากับเวอร์ชัน 5 แล้ว ในมุมมองของผมบอกเลยว่า กินขาด และเป็นครั้งแรกที่ Zimbe ทำให้ผมต้องหันมามอง เพราะอย่างที่บอกการเลือกใช้ 3 สีหลักในการจัดวางบนตัวเรือนและหน้าปัดนั้น ลงตัวและสร้างความเด่นอย่างมาก บวกกับ Shogun ถือเป็นนาฬิกาที่ผมค่อนข้างโอเคในหลายๆ จุดทั้งเรื่องของน้ำหนักที่เบา เพราะทำจากไทเทเนียม และการออกแบบโดยรวมของตัวนาฬิกาที่ดูสปอร์ต

สำหรับ SPB099J นั้นมีคอนเซ็ปต์ในการออกแบบตามที่ Seiko เปิดเผยออกมาคือ ไม่ได้กล่าวอ้างถึงตัวฉลามวาฬเองมากนัก แต่กล่าวอ้างถึงจิตวิญญาณของนักเดินทางหรือนักผจญภัยที่แท้จริง โดยได้นำเอาความแข็งแกร่งของชุดเกราะซามูไรสีแดงที่เหล่าซามูไรสวมใส่ หรือที่ชาวญี่ปุ่นเรียกกันว่า “โยะโรย” Yoroi ซึ่งเป็นเกราะซามูไรของผู้ยิ่งใหญ่ในตำนานนักรบ มาผสานกับจิตวิญญาณของฉลามวาฬ

ในแง่ของตัวเรือนนั้น  SPB099J ไม่ได้ทำอะไรในแง่ของความเปลี่ยนแปลงรูปทรงโดยรวม ทุกอย่างถอดแบบมาจาก Shogun SBDC029 ทั้งหมด ยกเว้นการตกแต่งรายละเอียดบางจุด เช่น ชุดเข็มที่เป็นแบบขอบทอง Insert ของ Bezel ที่เป็นตัวเลขและสเกลในการจับเวลาสีทองสอดรับกับชุดหน้าปัดพื้นสีแดงและมีการล้อมกรอบเบ้าพรายน้ำด้วยสีท้องในทุกหลังชั่วโมง โดยสิ่งที่เปลี่ยนไปในแง่ของชิ้นส่วนที่ชัดเจนคือ การใช้กระจก Sapphire ที่มาพร้อมกับ Cyclop ในตำแหน่ง 3 นาฬิกาเหนือช่อง Date

และแน่นอนว่าในเรือนที่ผมหยิบติดมือมาเพ่งพิจารณานั้น ปัญหาเรื่อง Scale บน Bezel ในตำแหน่ง 30 ไม่ตรงกับเลข 6 นาฬิกาที่เป็นปัญหาคาใจแฟนๆ ที่สอย Zimbe 5 เข้ามาอยู่ในกรุ ในรุ่นนี้ยังไม่เห็นนะครับ หลังจากที่หยิบมาดูเรือนสองเรือน และคิดว่าทาง Seiko น่าจะจัดการเกี่ยวกับไลน์ผลิตและขบวนการ QC ของพวกเขาแล้วอย่างแน่นอน

ส่วนของสายมีให้ทั้งสายไทเทเนียมติดมากับตัวเรือน และสายยางสำหรับเอาไว้ใช้ในการเปลี่ยนบุคลิกของตัวนาฬิกา โดยทั้งหมดมากับแพ็คเกจสุดอลังเช่นเดียวกับ Zimbe รุ่นอื่นๆ ขณะที่กลไกนั้น ยังคงเป็น 6R15 ที่มีการสำรองกำลังงาน 50 ชั่วโมงเหมือนเดิม

ถ้าเปรียบเทียบกับส่วนต่างของราคาป้ายกับรุ่นธรรมดาแล้ว Zimbe 11 หรือ SPB099J (และน่าจะรวมถึงรุ่น SPB057J ที่เป็น Zimbe 5) ก็ไม่ได้มีอัตราส่วนการเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดเท่าไรนะ เรียกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับนาฬิกาในกลุ่ม Zimbe เหมือนกัน ก็อยู่ในระดับการเพิ่มขึ้นของราคาแบบบวกลบ 20% กลางๆ เหมือนกัน เช่น Zimbe 8 หรือ SRPC96K มีราคาที่ขยับจากรุ่นท็อปของมัน คือ SRP637K1 เพียงแค่ 26.6% โดยประมาณ หรือแม้แต่รุ่นที่ Hi-End กว่าอย่าง Zimbe 7 หรือ SLA027 เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่น SBDX017 ราคาก็ขยับขึ้นแค่ 25.8% เท่านั้นเอง

แต่ผมก็พอจะเข้าใจประเด็นของบางคนที่คิดว่านาฬิการุ่นนี้ไม่ค่อยคุ้มค่าเท่าไร ซึ่งก็น่าจะมี 2 ประเด็นที่เข้ามาเกี่ยวข้อง อย่างแรกคือ สิ่งที่เปลี่ยนไม่ได้มีเยอะอย่างที่จะควรทำให้ราคามันทะยานขึ้นระดับนี้ และอีกเรื่องคือ ภาพที่ฝังใจในด้านราคาของนาฬิกาที่ใช้กลไก  6R15 นั้นถูกยึดติดกับราคาของ Sumo มาโดยตลอด ตรงนี้ก็เลยไม่ทำให้เกิดความได้เปรียบ เพราะส่วนใหญ่จะคิดว่าแล้วทำไมต้องจ่ายเงินในระดับครึ่งแสนเพื่อแลกกับนาฬิกาที่ใช้กลไกเดียวกับนาฬิกาที่มีค่าตัวเพียงหลักหมื่นสองหมื่นกันละ

ผมว่าไอ้ตรงนี้แหละที่ทำให้คำว่า Passion และการเป็น Limited Edition จะต้องทำงานอย่างหนักในการบิลด์อารมณ์อยากเสียเงินของลูกค้า ซึ่งถ้าเป็นแฟน Zimbe ที่ตามเก็บกันอยู่แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่ถ้าเป็นขาจรละ ตรงนี้น่าจะสำคัญอย่างมาก

ถ้าถามผม ส่วนตัวแล้วผมว่าใจเองเอนเอียงไปทางไหน แน่นอนว่า คำว่า Limited Edition ไม่ได้มีผลอะไรกับอารมณ์อยากเสียเงินของผมเท่ากับรูปร่างและหน้าตาของนาฬิกาเรือนนั้นๆ ซึ่งอย่างที่บอกว่าผมค่อนข้างถูกใจกับตัวภาพรวมของนาฬิกาอย่างมาก ซึ่งมันช่วยบิลด์อารมณ์ในการหยิบขึ้นมาเป็นเจ้าของอย่างมาก เพียงแต่เมื่อหันไปมองเงินในกระเป๋าตังค์ บวกกับวงเงินคงเหลือในบัตรเครดิตแล้ว อารมณ์ในการอยากซื้อของผมมันก็ยังคาอยู่ที่ 50% อยู่เหมือนเดิม เพราะมีกำแพงมากั้นให้อีก 50% ที่เหลือของอารมณ์อยากซื้อมันไม่แล่นเข้ามาสมทบสักที

ขอบคุณภาพจากร้าน Excel-Watch : www.excel-watch.com

Seiko Prospex Zimbe 11 SPB099J Seiko Prospex Zimbe 11 SPB099J Seiko Prospex Zimbe 11 SPB099J Seiko Prospex Zimbe 11 SPB099J
Seiko Prospex Zimbe 11 SPB099J Seiko Prospex Zimbe 11 SPB099J Seiko Prospex Zimbe 11 SPB099J Seiko Prospex Zimbe 11 SPB099J
Seiko Prospex Zimbe 11 SPB099J Seiko Prospex Zimbe 11 SPB099J Seiko Prospex Zimbe 11 SPB099J Seiko Prospex Zimbe 11 SPB099J
Seiko Prospex Zimbe 11 SPB099J
Seiko Prospex Zimbe 11 SPB099J

รายละเอียดทางเทคนิค : Seiko Prospex Zimbe 11 SPB099J

  • ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง : 44 มิลลิเมตร
  • ความหนา : 13 มิลลิเมตร
  • ความกว้างขาสาย : 22 มิลลิเมตร
  • วัสดุตัวเรือน-สาย : ไทเทเนียม
  • กระจก : Sapphire พร้อม Cyclop
  • ระดับการกันน้ำ : 200 เมตร
  • กลไก : 6R15 ขึ้นลานมือและแฮคเข็มวินาทีได้
  • จำนวนทับทิม : 23 เม็ด
  • ความถี่ : 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง
  • สำรองพลังงาน : 50 ชั่วโมง
  • ประทับใจ : การเลือกสีบนตัวเรือน วัสดุในการผลิต
  • ไม่ประทับใจ : ชุดเข็ม และกลไก