ในที่สุด Seiko ก็เผยโฉมออกมาแล้วสำหรับหมายเลขที่ 14 ของคอลเล็กชั่น Zimbe โดยคราวนี้ใช้รุ่น Monster เป็นพื้นฐานโดยอ้างอิงแรงบันดาลใจมาจากเกาะ KOMODO และมีการผลิตทั้งสิ้น 1,500 เรือน
Seiko Prospex SRPF34K Zimbe No.14 สู่ความงามจากเกาะ KOMODO
-
หมายเลขที่ 14 จากคอลเล็กชั่น Zimbe ซึ่งเปิดตัวและทำตลาดต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2016
-
ถือเป็นครั้งแรกที่ Zimbe ผลิตบนพื้นฐานของนาฬิการุ่น Monster ใหม่
-
จำนวนการผลิตมีเพียง 1,500 เรือนเท่านั้น
ฉลามวาฬ หรือ Zimbe ยังคงเดินทางต่อไปอย่างต่อเนื่อง และล่าสุด Seiko Thailand ได้เปิดตัวรุ่นที่ 14 จากคอลเล็กชั่น Zimbe ออกมาแล้ว โดยเป็นการสร้างสีสันความสวยงามจากนาฬิกาที่เป็น ‘อสูรกายใต้ท้องทะเล’ หรือรุ่น Monster ตัวใหม่ บนพื้นฐานของคอนเซ็ปต์แห่งการเดินทางสู่เกาะ KOMODO ที่ประเทศอินโดนีเซียที่ถือเป็นบ้านเกิดของมังกร KOMODO
Zimbe Collection เปิดตัวครั้งแรกในปี 2016 โดยยึดคอนเซ็ปต์นักเดินทางแห่งท้องทะเลซึ่งก็คือฉลามวาฬ โดยได้รับการดีไซน์ขึ้นเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์“Move your adventurous mind further” ให้ใจไปไกลกว่าเคย ซึ่งคอลเลกชันนี้ได้รับแรงบันดาลใจจาก “ฉลามวาฬ” ที่เป็นนักเดินทางตัวจริง ไม่เคยหยุดว่ายน้ำเลยสักวินาทีเดียว และในช่วงชีวิตหนึ่งของปลาฉลามวาฬมันเดินทางกว่าล้านกิโลเมตรหรือมากกว่า 25 รอบของโลก เช่นเดียวกับคนรุ่นใหม่ที่ชอบการผจญภัย ที่มุ่งมั่นเสาะแสวงหาและเดินทางเพื่อความสำเร็จในชีวิต โดยคำว่า Zimbe มาจากคำว่า Jinbe Zame ที่แปลว่าฉลามวาฬในภาษาญี่ปุ่นนั่นเอง
สำหรับรุ่นใหม่ล่าสุดหรือหมายเลข 14 นั้น ถือเป็นครั้งแรกที่นาฬิการุ่น Monster ได้เข้ามามีส่วนในคอลเล็กชั่นนี้ โดยการให้โทนสีและการสร้างสรรค์รายละเอียดได้รับแรงบันดาลใจมาจากเกาะโคโมโด หนึ่งในเกาะที่เต็มไปด้วยประวัติศาตร์ทางธรรมชาติ และยังเป็นหนึ่งใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติแห่งใหม่ของโลกอีกด้วย
ในแง่รายละเอียดทางเทคนิคนั้นไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงจาก Monster รุ่นล่าสุดที่เปิดตัวในปี 2019 เท่าไร การให้สีเน้นไปที่ 3 สีหลักคือ สีเงิน สีทอง และสีดำ ซึ่งเปรียบเสมือนภาพของพระอาทิตย์ที่กำลังตกดินของเกาะ KOMODO ตัวเรือนมีขนาด 42.4 มิลลิมตรและหนา 13.4 มิลลิเมตร มาพร้อมกับสายเหล็กแบบทูโทนสีทอง-เงิน และขับเคลื่อนด้วยกลไก 4R36 ที่มีการสำรองพลังงาน 41 ชั่วโมง
Seiko เปิดเผยว่าจะส่ง Zimbe No.14 ลงสู่ตลาดอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 ตุลาคมนี้ ส่วนราคาอยู่ที่ 23,800 บาท และมีการผลิตทั้งสิ้น 1,500 เรือน
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/