Seiko Prospex SRPE37K ‘King Samurai’ อัพสเป็ก ราคาเพิ่มขึ้น แต่ก็คุ้ม

0

หนึ่งใน Wish List แบบ Must Have ของผมในปีนี้เดินทางมาถึงมือแล้ว และ The King Samurai กับการอัพเกรดสเป็กให้กับนาฬิกาสปอร์ตรุ่นดังอย่าง Seiko Samurai ก็ไม่ทำให้ผิดหวังกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

Seiko Prospex SRPE37K ‘King Samurai’
Seiko Prospex SRPE37K ‘King Samurai’

Seiko Prospex SRPE37K ‘King Samurai’ อัพสเป็ก ราคาเพิ่มขึ้น แต่ก็คุ้ม

  • การเพิ่มทางเลือกใหม่ด้วยการอัพเกรดสเป็กของ Samurai และเป็นที่รู้จักในชื่อ The King Samurai

  • ขอบตัวเรือนผลิตจากเซรามิก กระจกแซฟไฟร์ และหน้าปัดใหม่คือ สิ่งที่เปลี่ยนแปลงหลักๆ

  • เมืองไทยมีจำหน่ายแล้ว 2 รุ่น SRPE35K ราคา 22,900 บาท และ SRPE37K ราคา 21,800 บาท

- Advertisement -

ตามปกติทุกต้นปีมักจะมีคนถามผมเสมอว่าในปีนั้นๆ Wish List ของผมมีอะไรบ้าง แน่นอนว่าต้นปี 2020 เป็นเรื่องหนึ่ง แต่หลังจากที่เกิดเหตุการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 และสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมยังน่าหวั่นวิตก ตรงนี้มีผลต่อ Wish List ของตัวเองอย่างแน่นอน และจากที่เล็งๆ อะไรใหญ่ๆ ไว้ ช่วงนี้ก็ต้องทำเมินๆ ไปบ้าง เอาไว้ปีหน้าฟ้าใหม่แล้วค่อยเจอกัน

แต่ก็จะมียกเว้นบางเรือนเท่านั้นที่ยังไงก็ต้องไปให้ถึง ด้วยราคาที่จับต้องได้ และหน้าตาที่ถูกโฉลก ซึ่งในนั้นก็คือ Prospex SRPE37K หรือที่มีชื่อเล่นว่า King Samurai ซึ่งแม้ว่า ไซโก จะเผยภาพพร้อมรายละเอียดให้เห็นในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แต่กว่าจะเริ่มขายกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราวก็ต้องรอจนถึงปลายเดือนสิงหาคมกันเลยทีเดียวสำหรับบ้านเรา

ไซโก ไทยแลนด์ นำนาฬิกาเรือนนี้มาเปิดตัวที่งาน Central Watch Fair 2020 ที่เริ่มขึ้นในวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา แต่ก่อนหน้านี้พวกเขาก็โหมโปรโมทเชิญชวนผ่านทางหน้า facebook มาตลอดเช่นเดียวกับการไขข้อสงสัยในเรื่องราคาว่าจะไปจบกันที่เท่าไร ?

Seiko Prospex SRPE37K ‘King Samurai’
Seiko Prospex SRPE37K ‘King Samurai’

สารภาพก่อนเลยว่าก่อนหน้านั้นผมคาดเดาว่ามันน่าจะอยู่ที่ราวๆ 22,000-23,000 บาทสำหรับราคาป้าย เพราะมีตัวอย่างจากเจ้า King Turtle ที่เปิดตัวออกมาก่อนหน้านี้ ก็อยู่ในช่วงราคานี้ ซึ่งทั้ง King Samurai และ King Turtle ต่างก็ใช้คอนเซ็ปต์เดียวกัน

และก็เป็นไปตามคาด เพราะเจ้า SRPE37K ที่ผมเล็งเอาไว้นั้นเปิดตัวออกมาที่ 21,800 บาท ขณะที่ SRPE35K ที่เป็นหน้าดำสายเหล็กเปิดตัวที่ 22,900 บาท ซึ่งก็แพงกว่า Samurai ที่เป็นรุ่นธรรมดาอยู่ราวๆ 24% หรือ 4,000 กว่าบาท เมื่อเปรียบเทียบระหว่างรุ่น SRPE35K กับ SRPB51K1 ที่เป็นรุ่นพื้นฐานสายเหล็ก ส่วนอีกตัวยังไม่เห็นคือ การเป็นส่วนหนึ่งในอยู่ในคอลเล็กชั่น Save the ocean ของ ไซโก ร่วมกับ The King Turtle โดยจะมีชื่อเล่นว่า Manta Ray พร้อมรหัส SRPE33K1

หลายคนอาจจะสงสัยว่าส่วนต่างราวๆ 4,000 บาทกับสิ่งที่แตกต่างจากรุ่นธรรมดามีอะไรบ้าง ?

จุดหลักๆ ที่ผมสังเกตได้จากตาเปล่า และคาดว่าน่าจะไม่มีอะไรที่ต่างไปจากนี้คือ

  • กระจก Sapphire พร้อมเลนส์นูนที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา
  • Insert Ring บนขอบตัวเรือนผลิตจากเซรามิก และมีการเซาะร่องบนสเกลจับเวลา
  • หน้าปัดใหม่ที่ทำเป็นลายตาราง หรือ Waffle Pattern และมีสีใหม่ในรุ่น SRPE37K

ฝาหลังมียิงเลเซอร์คำว่า Sapphire Crystal เพิ่มขึ้นมา

Seiko Prospex SRPE37K ‘King Samurai’
Seiko Prospex SRPE37K ‘King Samurai’

ถ้าเมินเจ้า King Samurai แล้วกำเงินส่วนต่างนี้ไปทำศัลยกรรมแบบนี้ได้ไหม ? คำตอบคือ ก็คงได้สำหรับการใช้พาร์ทของ Aftermarket แต่ถ้าเป็นพาร์ทแท้ น่าจะยาก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นนาฬิกาเรือนนั้นก็จะกลายเป็นงาน Modified ที่นักสะสมบางคนอาจจะไม่นิยมมากเท่ากับของเดิมๆ ที่มาจากโรงงานและมีรหัสรุ่นกำกับอย่างเป็นเรื่องเป็นราวว่าอยู่ในสารบบของนาฬิการุ่นนั้นๆ เพราะนี่คืออีกคุณค่าที่จะได้รับจากการซื้อรุ่นปกติที่ไม่ได้ผ่านการดัดแปลง

ก่อนอื่นต้องบอกว่าในแง่การรับรู้นั้นการนำคำว่า King มาใช้กับอะไรนั้นมักจะหมายถึงสิ่งที่ดีขึ้นในแง่มุมต่างๆ เช่น King Size ซึ่งหมายถึงขนาดที่ใหญ่หรือมากขึ้น แต่ในกรณีของ King Samurai และ King Turtle นั้นเป็นเรื่องของการอัพสเป็กไม่ได้เกี่ยวกับการอัพขนาดแต่อย่างใด และที่เขียนมาทั้งหมดคือความแตกต่างในเชิงสเป็ก

แต่ถ้าไม่นับ 4 เรื่องนี้แล้ว SRPE37K ก็คือ Samurai รุ่นหนึ่งนั่นแหละ เพียงแต่มีสเป็กสูงขึ้น การสวมใส่ รูปแบบที่วางอยู่บนข้อมือ ก็เหมือนเดิมนั่นแหละ ยกเว้นเรื่องของอารมณ์และความรู้สึกที่ได้รับตอนที่อยู่บนข้อมือ ผมว่าประมาณเหมือนกับคุณขับรถยนต์สักรุ่นระหว่างรุ่นพื้นฐานกับรุ่นท็อปนั่นแหละครับ รถยนต์ก็รุ่นเดียวกัน หน้าตาเหมือนกัน เครื่องยนต์ดียวกัน แต่สิ่งที่ได้ในชิงอารมณ์ต่างกัน โดยเฉพาะในแง่ของความรู้สึกที่ได้รับเวลานั่งอยู่หลังพวงมาลัย เพราะรายละเอียดที่แตกต่างกันออกไปในบางจุด

Seiko Prospex SRPE37K ‘King Samurai’

ดังนั้น เมื่อ SRPE37K คาดอยู่บนข้อมือ มันก็คือ Samurai รุ่นหนึ่งที่ดูแตกต่างออกมา เพราะมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียด และอัพสเป็กให้สูงขึ้น แต่ก็เป็นการอัพสเป็กที่ถูกใจผมเอามากๆ ซึ่งตอนที่ ไซโก เผยภาพแรกของ King Samurai ออกมา ผมได้แต่ภาวนาว่าให้มาเร็วๆ และ ‘อย่าแพงมากนะเพื่อน’

ผมเลือก SRPE37K (ซึ่งก็เชื่อว่าหลายคนก็คงเลือกรุ่นนี้) ไม่ใช่เพราะว่ามันราคาถูกกว่า แต่เลือกเพราะมันคือรุ่นที่แตกต่างออกมาจากสารบบของ Samurai ที่มีรุ่นย่อยเปิดตัวออกมามากมายตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา จริงอยู่ที่ SRPE35K อาจจะมากับสายเหล็กและมีราคาแพงกว่านิดเดียว ซึ่งดูแล้วคุ้มค่ากว่ามาก (เรียกว่าถ้าซื้อสายเหล็กแยกต่างหากในตอนหลังคุณต้องจ่ายแพงกว่าส่วนต่างตรงนี้แน่ๆ) แต่ผมต้องยอม เพราะความสวยและความโดดเด่นของมันนี่แหละ แม้ว่าบางคนอาจจะบอกว่าไม่คุ้มค่าเมื่อเปรียบเทียบกับส่วนต่างที่เกิดขึ้นกับรุ่น SRPE35K

ผมอาจจะไม่ใช่แฟนของ Samurai โดยตรง แต่อย่างน้อยจากประสบการณ์ที่เคยผ่านมือมามากกว่า 5 เรือนนั้น ถ้าไม่นับเรื่องราคาที่จับต้องได้ ต้องบอกว่า Samurai เป็นนาฬิกาที่ใส่สบายและดูเต็มข้อมากสำหรับคนที่มีข้อมือเกิน 6.5 นิ้วขึ้นไป

อาจจะด้วยเพราะดีไซน์ของตัวเรือนที่ดูแล้วออกแนวทรงเหลี่ยมโดยที่ขอบวงหน้าปัดทรงกลมวางอยู่ข้างใน เลยทำให้พื้นที่ของตัวเนื้อตัวเรือนมีเพิ่มมากขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับนาฬิกาเรือนกลมทั้งที่ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของตัวเรือนและ Lug to Lug ก็ไม่ได้มีตัวเลขที่มากมายอะไร

สัมผัสแรกที่ชอบหลังจากเปิดฝากล่องออกมาเจอ SRPE37K นอนอยู่ข้างในคือ

การเลือกโทนสีที่ตัดกัน และดูลงตัว แม้ว่าจะเป็นคู่สีที่ดูแล้วธรรมดามากก็ตาม แต่ผมคงต้องบอกว่า ยังไงขาว-ดำก็เป็นคู่ที่เมื่อจับกันทีไรแล้ว มีความคลาสสิคอย่างมาก

กระจก Sapphire อาจจะทำให้หลายคนมั่นใจว่ามันจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีสำหรับเรื่องความใสและความทนทานที่มากกว่า Hardlex ของ ไซโก แต่ส่วนตัวผมเฉยๆ นะกับเรื่องนี้ เพราะในเรื่องความใสผมว่ามันก็ไม่ได้ต่างจากอารมณ์ที่ได้รับจาก Hardlex สักเท่าไรเลย

ขณะที่ความแข็งแรง ถ้าเคยอ่านบทความเก่าๆ ของ ana-digi.com ก็จะรู้ว่า Level ในความแข็งของ Hardlex กับ Sapphire นั้นต่างกันแค่ชั้นเดียวเท่านั้นเอง ไม่ได้ห่างชั้นอะไรมากมาย ตรงนี้ก็เลยไม่ได้เป็นประเด็นในการสร้างความประทับใจมากสักเท่าไร

ดังนั้น ผมจึงทุ่มเทความคาดหวังและความสนใจของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในครั้งนี้จนถึงขั้นยอมควักเงินออกมาคือ Insert Ring ที่เป็นเซรามิก และสิ่งที่อยู่บนหน้าปัดนอกเหนือจากคู่สีที่ถูกใจ และก็ต้องบอกว่าไม่ผิดหวังจริงๆ กับความเงาวิ๊งที่ได้รับจากขอบเซรามิกซึ่งให้อารมณ์ที่แตกต่างจากขอบด้านๆ แบบขอบฟิล์มของรุ่นธรรมดา

ขณะที่รายละเอียดบนหน้าปัดเองนั้นต้องบอกว่าไม่ใช่แค่สีและลวดลายที่ต่างจากรุ่นธรรมดา ดีเทลต่างๆ ที่อยู่บนหน้าปัดมีการปรับปรุงให้ดีขึ้น เบ้าพรายน้ำบนหลักชั่วโมงดูมีมิติและนูนหนาขึ้นมา ซึ่งช่วยทำให้หน้าปัดดูสวยขึ้นอย่างมากชุดเข็มแม้ว่าพื้นผิวของเข็มในส่วนที่ไม่ได้มีพรายน้ำจะขัดด้าน แต่เมื่อยามต้องแสงกระทบผมกลับรู้สึกเหมือนกับเป็นเข็มสีดำ และนั่นทำให้มันสามารถตัดกับสีของพื้นหน้าปัดเพื่อทำให้ตัวเองดูเด่นขึ้นมา ไม่ได้ดูกลืนไปกับพื้นผิวสีอ่อน และสอดรับกับปลายเข็มวินาทีที่เป็นสีทอง โดยที่ตัวเลนส์ Cyclop ในตำแหน่งช่อง Date ณ 3 นาฬิกา สามารถทำให้ตัวเลขของวันนี้ดูบิ๊กเบิ้มขึ้นมาและแตกต่างจากอารมณ์ที่เพ่งมองหน้าปัดของ Samurai รุ่นธรรมดาอย่างชัดเจน

Seiko Prospex SRPE37K ‘King Samurai’

สายยางของ ไซโก ก็เหมือนกับรุ่นทั่วไปที่เป็นรุ่นใหม่ ซึ่งมีการใช้สายยางซิลิโคนแบบใหม่ที่มีความนุ่ม แต่มีข้อเสียนิดหน่อยตรงที่ไม่ค่อยรัดกระชับกับข้อมือและทำให้ต้องรัดนัดแน่นกว่าปกติสัก 1 ช่องเพื่อให้ตัวนาฬิกากระชับเข้ากับข้อมือ ซึ่งตรงนี้จะส่งผลต่อเนื่องไปยังเรื่องปลายสายที่อาจจะโผล่ออกมามากจนเกินงามสำหรับคนที่ข้อมือเล็ก

Seiko Prospex SRPE37K ‘King Samurai’

ทางออกมีอยู่ 2 อย่างคือ เปลี่ยนสายใหม่ตามใจชอบ และอีกอย่างที่ช่วยได้แบบไม่ต้องเสียเงินคือ รูดตัวรัดสายให้มาอยู่ตรงช่วงปลายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อไม่ให้ปลายสายง้างจนชี้ออกมา เพราะสายยางรุ่นใหม่ของ ไซโก ผมว่าเขาออกแบบให้ตัวรัดสายรูดเข้าหาช่วงหัวสายได้มากขึ้นก่อนที่จะถึงข้อย่น ซึ่งวิธีที่ 2 ไม่เสียเงิน แต่ต้องค่อยดูตัวรัดสายบ่อยๆ เพราะเมื่อใส่ไปได้สักระยะและมีการขยับข้อมือบ่อยๆ มันก็จะรูดกองลงไปใกล้กับตัวรัดสายเช่นเดิม

สำหรับกลไกผมคงไม่ต้องพูดอะไรมาก เพราะ 4R35 ที่ใช้อยู่ใน Samurai นั้นถือว่าเป็นกลไกสหกรณ์ของ ไซโก ที่เชื่อถือได้ในแง่ความทนทาน และความเที่ยงตรงในระดับหนึ่งอยู่แล้ว และการสำรองพลังงานถือว่ารับได้กับตัวเลข 41 ชั่วโมงที่แม้ว่าจะวางทิ้งไว้แบบไม่ข้ามเสาร์-อาทิตย์ก็ตาม

สรุปแล้วนาฬิกาเรือนนี้น่าซื้อไหม ? ผมคงแบ่งเป็นอย่างนี้ ถ้าคุณเป็นแฟน Samurai ที่ต้องตามเก็บอยู่แล้ว ยังไงนี่คือไฟท์บังคับ แต่ถ้าเป็นขาจร คำตอบของผมคือ ขึ้นอยู่กับว่าคุณชอบ Samurai ไหม ? ถ้าชอบ ผมคิดว่านี่คือนาฬิกาที่คุ้มอักเรือนหนึ่งกับสเป็กที่จัดเต็มและจ่ายเพิ่มจากรุ่นธรรมดาในราคาที่รับได้ เพียงแต่อาจจะต้องหาดีลดีๆ มาช่วยแบ่งเบาภาระของการจ่ายสักหน่อย แต่ถ้าไม่ชอบ Samurai เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ผมว่าก็คงบิลด์อารมณ์อยากให้เกิดขึ้นไม่ได้แล้วละ ไม่ว่าจะกล่องยังไง

ข้อมูลทางเทคนิค

  • เส้นผ่านศูนย์กลาง : 43.8 มิลลิเมตร
  • Lug to Lug : 48.7 มิลลิเมตร
  • ความหนา : 12.8 มิลลิเมตร
  • ความกว้างขาสาย : 22 มิลลิเมตร
  • วัสดุตัวเรือน : Stainless Steel
  • วัสดุสาย : ซิลิโคน
  • วัสดุขอบตัวเรือน : เซรามิก
  • กระจก : Sapphire พร้อมเคลือบสารกันการสะท้อนแสงที่ด้านใน
  • กลไก : 4R35 อัตโนมัติ ขึ้นลานมือ Hacking เข็มวินาที
  • ความถี่ในการเดิน : 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง
  • สำรองพลังงาน : 41 ชั่วโมง
  • ความสามารถในการกันน้ำ : 200 เมตร
  • ประทับใจ : การให้สีของหน้าปัด รูปแบบของหน้าปัด และขอบตัวเรือนเซรามิก
  • ไม่ประทับใจ : ความนุ่มสายยาง และปลายสายที่อาจจะโผล่ยาวสำหรับคนข้อมือเล็ก