Oris Calibre 400 กับ 3 จุดเด่นของกลไก In-House มาตรฐานใหม่

0

กลไกใหม่ของ โอริส เปิดตัวออกมาแล้วพร้อมกับสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมนาฬิกา ทั้งในแง่ความทนทาน ความเที่ยงตรง และความสามารถในการสำรองพลังงานที่นานถึง 5 วัน

- Advertisement -

Oris Caliber 400

Oris Calibre 400 กับ 3 จุดเด่นของกลไก In-House มาตรฐานใหม่

  • ทนทานต่อสนามแม่เหล็ก

  • สำรองพลังงาน 5 วัน

  • ยืดอายุในการรับประกันนานถึง 10 ปี

เมื่อวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา โอริส ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับโลกแห่งเรือนเวลากับการเปิดตัวกลไกใหม่ที่ชื่อว่า Calibre 400ซึ่งจะเป็นกลไกแบบ In-House ที่มาพร้อมกับ 3 จุดเด่นซึ่งจะถือเป็นการเปิดมิติใหม่ให้กับคอลเล็กชั่นต่างๆ ของ โอริส ที่จะเปิดตัวออกสู่ตลาดในอนาคต

Oris Caliber 400Oris Caliber 400สำหรับกลไกรุ่นนี้จะได้รับการพัฒนาโดยทีม โอริส เป็นแบบอัตโนมัติแบบ 3 เข็มในการแสดงชั่วโมง นาที และวินาที พร้อมการแสดงวันที่ (Date) ซึ่งจะมีการเปลี่ยนอย่างต่อเนื่องและทันทีเมื่อข้ามวัน โดยจุดเด่นของตัวกลไกนั้นทาง โอริส ระบุว่ามีด้วยกัน 3 อย่างคือ

1.การสำรองพลังงาน ที่มากขึ้นจากกลไกปกติด้วยตัวเลข 120 ชั่วโมง หรือ 5 วัน โดยเป้าประสงค์ในการพัฒนาให้กลไกให้มีกำลังลานมากในระดับนี้เป็นเพราะความต้องการของคนใส่นาฬิกาในยุคปัจจุบันที่ไม่ได้มีนาฬิกาเพียงแค่เรือนเดียว และมีการสลับนาฬิกาในคอลเล็กชั่นไปมา ดังนั้น กลไกทั่วไปที่มีอยู่ในตลาดซึ่งมีกำลังสำรองอยู่ที่วันครึ่งหรือ 2 วันอาจจะไม่เพียงพอต่อการใช้งานได้ทันทีเมื่อมีการสลับนาฬิกาไปมา และผู้ใช้อาจจะต้องมานั่งตั้งเวลาและวันที่ใหม่อีกครั้งเมื่อต้องหยิบมาสวมใส่ โดยในกลไก Calibre 400 จะมากับกระปุกลานแบบคู่ หรือ Twin Barrels ซึ่งแต่ละกระปุกลานแต่ละชุดจะมีลานสปริงที่มีความสามารถในการสำรองพลังงาน 2.5 วัน

2.ความทนทานกับการรับประกันที่นานถึง 10 ปี อันนี้ถือเป็นสิ่งที่เด่นและ โอริส กล้าที่จะรับประกับในความทนทานและความยอดเยี่ยมของนาฬิกาที่มาพร้อมกับกลไกนี้ โดยเมื่อมีการลงทะเบียนผ่านทาง MyOris แล้ว การรับประกันจะถูกขยายไปเป็น 10 ปีโดยอัตโนมัติซึ่งสำหรับนาฬิกาที่ใช้กลไกนี้ที่เปิดตัวในปี 2020 เรียกว่าไม่ต้องนำเข้ามรับบริการจนถึงปี 2030 เลยทีเดียว ซึ่งตรงนี้ถือเป็นการตั้งมาตรฐานใหม่ที่น่าสนใจให้กับตลาดนาฬิกาจักรกลเลยก็ว่าได้ อย่างไรก็ตาม การรับประกันนี้ยกเว้นในกรณีที่เกิดความเสียหายอันเป็นผลมาจากความผิดพลาดในการใช้งานของ User เช่น การทำตกหรือหล่น ส่วนการตรวจสอบความสามารถในการกันน้ำของนาฬิกานั้นไม่ถือว่าเกี่ยวกับของกับการดูแลและเซอร์วิสของกลไกแต่อย่างใด

3.ความทนทานต่อสนามแม่เหล็ก ซึ่งในตลาดกลไกอัตโนมัติที่มีความทนทานต่อสนามแม่เหล็กนั้นมีทั้งในรูปแบบของการใช้เกราะเพื่อป้องกันสนามแม่เหล็ก หรือไม่ก็เปลี่ยน hairspring ของกลไกไปเป็นวัสดุที่ไม่มีผลต่อสนามแม่เหล็กอย่างซิลิคอน ซึ่งใน Calibre 400 นี้มีการใช้ซิลิคอนในการผลิตชิ้นส่วนอย่างเฟืองเอสเคป และ Anchor ของกลไก เช่นเดียวกับการใช้วัสดุที่ทนทานต่อสนามแม่เหล็กรวมแล้วมากกว่า 30 ชิ้นที่ประกอบอยู่ในกลไก โดยจากการทดสอบนั้น calibre 400 มีความเที่ยงตรงน้อยกว่า 10 วินาทีต่อวันเมื่อต้องเผชิญกับสนามแม่เหล็กในระดับ 2,250 เกาส์ และตัวกลไกเองก็สามารถผ่านมาตรฐาน ISO764 ในเรื่องของนาฬิกาที่มีความทนทานต่อสนามแม่เหล็ก

นอกจากนั้น ในส่วนของโรเตอร์กลไกก็ได้รับการออกแบบตัวที่ควบคุมการหมุนของโรเตอร์จาก Ball-Bearing มาเป็น Slide Bearing System ที่มีความฝืดต่ำ เพื่อให้มีประสิทธิภาพดีขึ้นและลดปัญหาในเรื่องการหมุนฟรีของโรเตอร์ในขณะที่มีการแกว่งหรือหมุนเพื่อเก็บพลังงานเข้าสู่กระปุกลาน โดยชิ้นส่วนตรงนี้ถูกลดความซับซ้อนในแง่ของส่วนประกอบ แต่เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้สูงขึ้น และที่สำคัญคือ มีความทนทาน

โอริส เปิดตัว Calibre 400 ออกมาแล้ว แต่ตอนนี้ต้องรอกันต่อไปว่า โอริส จะเลือกนาฬิการุ่นไหนหรือคอลเล็กชั่นไหน เข้ามาเป็นรุ่นแรกที่วาง Calibre 400

รายละเอียดทางเทคนิค

  • กลไก : อัตโนมัติ ขึ้นลานมือ พัฒนาโดย Oris
  • ขนาด : เส้นผ่านศูนย์กลาง 30 มิลลิเมตร
  • ฟังก์ชั่น : 3 เข็ม – ชั่วโมง นาที และวินาที ช่องแสดงวันที่ (Date) และแฮ็คเข็มวินาที
  • การสำรองพลังงาน : 120 ชั่วโมง / 5 วัน
  • เดินด้วยความถี่ : 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง หรือ 4Hz
  • จำนวนทับทิม : 21 เม็ด