Mido Multifort Patrimony Chronograph ผสานความย้อนยุคกับนวัตกรรมทันสมัย

0
- Advertisement -

Mido ปรับทัพให้กับรุ่น Multifort Patrimony อีกครั้ง กับการเพิ่มรุ่น Chronograph ที่มาพร้อมกับกลไก Calibre 60 พร้อมหน้าตาย้อนยุคที่ระลึกถึงนาฬิกาจับเวลารุ่นแรกของแบรนด์ที่เปิดตัวในปี 1937

Mido Multifort Patrimony Chronograph

Mido Multifort Patrimony Chronograph ผสานความย้อนยุคกับนวัตกรรมทันสมัย

  • การเพิ่มทางเลือกใหม่ให้กับคอลเล็กชั่น Multifort ด้วยรุ่น Patrimony Chronograph

  • ตัวเรือนขนาด 42 มิลลิเมตรมีหน้าปัดให้เลือก 3 สีด้วยกันคือ ดำ น้ำเงิน และขาว

  • ราคาจำหน่ายในเมืองไทยอยู่ที่ 68,500-72,300 บาท

หลังจากเปิดตัวรุ่น 3 เข็มที่มาพร้อมกับหน้าที่มีขอบสเกลสำหรับใช้ในการวัดชีพจร หรือที่เรียกว่า Pulsation โดยเป็นส่วนหนึ่งในคอลเล็กชั่น Multifort Patrimony ในตอนนี้ทาง Mido เสริมทัพด้วยการเพิ่มทางเลือกใหม่ให้กับรุ่น Mido Multifort Patrimony Chronograph เพิ่มความสามารถในการทำงานด้วยกลไกอัตโนมัติแบบจับเวลา แต่คราวนี้เปลี่ยนสเกลจาก Pulsation มาเป็น Tachymeter โดยมีทางเลือกให้สัมผัสถึง 3 รุ่นทั้งตัวเรือนสตีลและเคลือบ PVD สีRose Gold

Mido Multifort Patrimony Chronograph

สำหรับ Multifort Patrimony ถือเป็นการถ่ายทอดองค์ประกอบแห่งความหรูและความคลาสสิคของนาฬิกาในคอลเล็กชั่น Multifiort ที่ได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์มาจากเส้นสายบนสะพานข้ามอ่าวซิดนีย์ หรือ Habour Bridge โดยในรุ่นนี้มีความพิเศษตรงที่การออกแบบรูปลักษณ์ให้ย้อนยุคในสไตล์วินเทจ พร้อมกับการใช้สเกล Pulsation ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการวัดอัตราการเต้นของชีพจรสำหรับในรุ่น 3 เข็ม

Mido Multifort Patrimony Chronograph

ส่วนรุ่น Chronograph ที่เพิ่งเปิดตัวออกมานั้น จะมีความแตกต่างออกไป เพราะทาง Mido สร้างสรรค์เรือนเวลาสุดพิเศษนี้เพื่อรำลึกถึงนาฬิกา Chronograph ที่เก่าแก่ที่สุดของแบรนด์ในปี 1937 นั่นก็คือ Multifort หน้าปัดโค้งทรงโดมพร้อมมาตรวัด Tachymeter ที่ถูกครอบไว้ด้วยกระจกแซฟไฟร์ทรง Glass Box และสิ่งที่เป็นหัวใจของกลไกของเครื่องโครโนกราฟนี้ก็คือกลไก Calibtre  60 ซึ่งสำรองพลังงานสูงสุด 60 ชั่วโมง

Mido Multifort Patrimony ChronographMido Multifort Patrimony Chronograph

Multifort Patrimony Chronograph มาพร้อมกับตัวเรือนที่ผลิตจากสตีล และมีด้วยกัน 3 ทางเลือกจาก 3 สีของหน้าปัด คือ ดำตัวเรือนสตีลสีเงินในรหัส M040.427.16.052.00 น้ำเงินและขาวที่มาพร้อมกับตัวเรือนสตีลเคลือบ PVD ในรหัส M040.427.36.042.00 และ M040.427.36.262.00 ตามลำดับ

กระบวนการทางเทคนิคชั้นสูงของการเคลือบฟิล์ม PVD อันบริสุทธิ์ ปราศจากการปลอมปนบนชิ้นส่วนนาฬิกา เพื่อให้มั่นใจว่ามีความทนทานต่อการกัดกร่อนแผ่นฟิล์มบางเบาของ PVD ช่วยเสริมความทนทานให้แก่นาฬิกา และเพิ่มความสง่างามให้เฉดสีดำ สีทองชมพู หรือสีเหลืองทอง ด้วยคุณสมบัติที่ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ ช่วยเพิ่มความน่าสนใจและ แนวทางในการนำมาใช้งานที่หลากหลายขึ้น โดยตัวเรือนของทุกรุ่นจะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 42 มิลลิเมตร และทุกรุ่นมาพร้อมกับฝาหลังแบบใส

Mido Multifort Patrimony Chronograph Mido Multifort Patrimony Chronograph

ส่วนกลไกอัตโนมัติ Calibre 60 นั้นมาพร้อมกับฟังก์ชั่นจับเวลา โดยจะมีหน้าปัดย่อย 2 วง ซึ่งในตำแหน่ง 9 นาฬิกาจะเป็น Small Second หรือเข็มวินาทีแยกของระบบเวลาหลัก ส่วนในตำแหน่ง 3 นาฬิกาจะเป็นการจับเวลาสูงสุด 30 นาที โดยกลไกสามารถสำรองพลังงานได้ 60 ชั่วโมง

Mido Multifort Patrimony Chronograph Mido Multifort Patrimony Chronograph

สำหรับราคาในการทำตลาดบ้านเรานั้นจะอยู่ที่ 68,500 บาทสำหรับรุ่นหน้าปัดตัวเรือนสตีล และ 72,300 บาทสำหรับตัวเรือนเคลือบ PVD สี Rose Gold

Mido Multifort Patrimony Chronograph Mido Multifort Patrimony Chronograph Mido Multifort Patrimony Chronograph

ข้อมูลทางเทคนิค : Mido Multifort Patrimony Chronograph

  • เส้นผ่านศูนย์กลาง : 42 มิลลิเมตร
  • หนา : 15.2 มิลลิเมตร
  • ความกว้างขาสาย : 21 มิลลิเมตร
  • กระจก : Sapphire แบบ Glass Box
  • ฝาหลัง : แบบใสขันเกลียว
  • กลไก : Calibre 60 แบบอัตโนมัติจับเวลา Chronograph
  • ความถี่ : 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง
  • จำนวนทับทิม : 27 เม็ด
  • กำลังสำรอง : 60 ชั่วโมง
  • การกันน้ำ : 50 เมตร