Mido Multifort Datometer Limited Edition กับ 5 เรื่องน่ารู้

0

เปิดตัวออกมาแล้วที่ Basel World 2018 และในบ้านเราก็มีเข้ามาขายแน่นอนเพราะทาง Mido ประเทศไทยเผยราคาป้ายออกมาแล้วที่ 43,000 บาท และใครที่สนใจ Multifort Datometer Limited Edition ที่มีการผลิตเพียง 1,918 เรือน วันนี้เรามีข้อมูลที่น่าสนใจมานำเสนอกันครับ

Mido Multifort Datometer Limited Edition กับ 5 เรื่องน่ารู้

Mido Multifort Datometer Limited Edition กับ 5 เรื่องน่ารู้

- Advertisement -

ในงาน Basel World 2018 Multifort Datometer Limited Edition คือนาฬิกาอีก 1 เรือนที่ทาง Mido นำมาเปิดตัวในวาระของการเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีของการก่อตั้งแบรนด์

แน่นอนว่า ด้วยสไตล์และการออกแบบที่มาในแนว Re-Issue ซึ่งระลึกถึงอดีตอันรุ่งเรืองของนาฬิการุ่นนี้ที่มีการย้อนกลับมาทำใหม่

แน่นอนว่าในเรื่องราคาที่หลายๆ คนอยากทราบ ในบ้านเราเปิดมาแล้วที่ 43,000 บาท แต่ Multifort Datometer Limited Edition ยังมีอีกหลายแง่มุมที่น่าสนใจ และเราขอสรุปออกมาเป็น 5 ประเด็นที่คิดว่าเป็นไฮไลท์ของนาฬิกาเรือนนี้

1.Multifort คือ คอลเล็กชั่นที่มีอายุยืนยาวที่สุดของ Mido ซึ่งยังคงทำตลาดจนถึงปัจจุบัน โดยนับจากการเปิดตัวในปี 1934 หรือ 2 ปีหลังจากที่สะพานข้ามอ่าวซิดนีย์เสร็จสิ้นการก่อสร้าง เรือนเวลาในคอลเล็กชั่น Multifort ได้ร่วมแบ่งปันความโดดเด่นของโครงสร้างที่เป็นบุคลิกสำคัญของตัวนาฬิกาให้กับคนทั่วโลก นั่นคือ การผสมผสานกันอย่างสมบูรณ์แบบระหว่างประโยชน์ใช้งานกับความงดงาม และนื่คือนาฬิกาที่อยู่เคียงคู่กับการเปลี่ยนแปลงแห่งกาลเวลาอย่างแท้จริง โดย Mido จัดการเฉลิมฉลองปีที่ 80 ของชื่อ Multifort เมื่อปี 2014  และตรงนี้ยิ่งทำให้เรือนเวลาในคอลเล็กชั่นนี้กลายเป็นชื่อรุ่นที่มีระยะเวลาในการผลิตเพื่อทำตลาดยาวนานที่สุดรุ่นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของวงการผลิตนาฬิกาสวิสส์เลยทีเดียว

2.เวอร์ชันปี 2018 ของ Multifort Datometer Limited Edition นั้นมาพร้อมกับตัวเรือนที่ลงตัวพร้อมเส้นสายที่มีความแข็งแกร่งและถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่โดยมีเวอร์ชันปี 1939 เป็นแรงบันดาลใจ โดยตรงนี้มีการปรับปรุงตัวนาฬิกาให้มีความทันสมัยสอดคล้องกับช่วงเวลาในการทำตลาด โดยที่ยังคงสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมเอาไว้อย่างครบถ้วน

3.1,918  เรือนที่ถูกผลิตออกมาของ Mido Multifort Datometer Limited Edition นั้นคือ ตัวเลขที่สอดคล้องกับปีแห่งการก่อตั้งของ Mido ซึ่งจอร์จ แชเรนได้เลือกวันที่ 11 พฤศจิกายน 1918 ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่สงครามโลกครั้งที่ 1 ได้สิ้นสุดลง ในการก่อตั้งแบรนด์ Mido ขึ้นมาและถือเป็นวันสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่ยาวไกลและเปี่ยมด้วยความกล้าแกร่งของผู้นำในการมองไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ ในปี 2018 Mido มีอายุครบ 100 ปีและยังคงเดินหน้าต่อไปโดยยึดปณิธานและเส้นทางที่ถูกวางเอาไว้โดยจอร์จ แชเรน และด้วยโอกาสที่พิเศษในครั้งนี้ทาง Mido ได้นำเสนอเรือนเวลาที่เป็นคอลเล็กชั่นใหม่ๆ ออกสู่ตลาด ซึ่งแต่ละรุ่นจะยังคงคุณค่าที่มีอยู่ใน DNA ของแบรนด์ Mido ตลอดช่วง 100 ปีที่ผ่านมา ทั้งในเรื่องของการออกแบบที่อยู่เหนือกาลเวลา การเลือกใช้วัสดุที่เปี่ยมด้วยคุณภาพ และนวัตกรรมทางด้านเทคนิค

4.Mido  ได้นำเอกลักษณ์สำคัญที่ทำให้ Multifort Datomerter รุ่นแรกถูกจดจำมาโดยตลอดมาใช้กับรุ่นใหม่ด้วยเช่นกัน นั่นคือ การแสดงวันที่ของตัวนาฬิกาที่ใช้เข็มพิเศษ ซึ่งในรุ่นใหม่มีการปรับปรุงให้เป็นแบบ 5N สีทองอมชมพูและบนปลายเคลือบด้วยสารขัดเงาสีแดงเป็นตัวในการชี้ตัวเลขบนหน้าปัดเพื่อบ่งบอกวันที่

5.นอกจากรุ่นนี้ที่มากับตัวเรือนที่เคลือบ PVD สี Rosegold แล้ว ทาง Mido  ยังเตรียมอีก 1 เวอร์ชันที่พิเศษกว่าเพื่อขายในตลาดด้วย โดยสำหรับรุ่นพิเศษที่มีการผลิตแยกออกมานั้นจะเปิดตัวในช่วงปลายปี โดยจะเป็นเรือนสีทอง Gold Limited Edition ที่ผลิตออกมาเพียง 100 เรือนเท่านั้น ส่วนรุ่นที่ขายอยู่ในปัจจุบันแบบ PVD Rosegold  นั้นมีราคาอยู่ที่ 43,000 บาท

รายละเอียดทางด้านเทคนิค Mido Multifort Datometer Limited Edition  Ref. M036.407.36.031.00

กลไก : กลไกอัตโนมัติ Mido Caliber 80 (พื้นฐานจาก ETA C07.611) / ขนาด 11½’’’ เส้นผ่าศูนย์กลาง 25.60 มม. หนา 4.74 มม. มี 25 จิวเวล ทำงานที่ความถี่ 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง / เมนสปริง NIVAFLEX NM / บาลานซ์สปริง ELINCHRON II / เครื่องขัดแต่งสวยงามตามเกรดรุ่นย่อย Elabore / โรเตอร์ขึ้นลานขัดลายเจนีวาสไตรปส์และแกะสลักเป็นโลโก้ Mido ฟังก์ชั่นทำงาน : บอกชั่วโมง นาที วินาที และวันที่ / ปรับตั้งเพื่อความเที่ยงตรงสูงใน 3 ตำแหน่ง / กำลังลานสำรอง 80 ชั่วโมง

ตัวเรือน : ตัวเรือนสเตนเลสสตีล 316L ขัดแต่งลายซาติน เคลือบ PVD สีชมพู ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 40 มม. / ประกอบด้วย 3 ชิ้นส่วน / กระจก Sapphire แบบเหลี่ยม และฝาหลังแบบขับเกลียว สามารถมองเห็นชิ้นส่วนกลไกที่ผ่านการขัดแต่งตามเกรด Elaboreผ่านทางฝาหลังใส / สลักหมายเลขเครื่อง และเรือนที่ถูกผลิตจากจำนวน 1,918 เรือน / กันน้ำถึงระดับ 5 บาร์ (50 เมตร / 165 ฟุต)

สาย : สายหนังสีน้ำตาลที่ดูเป็นธรรมชาติ พร้อมตัวรัดสายแบบเข็มขัดเคลือบ PVD สีชมพู

หน้าปัด : หน้าปัดสีเงิน ขัดทรายอย่างประณีต ตัวเลขแสดงเวลาสีดำ พร้อมหลักชั่วโมงเคลือบ PVD  สีชมพู และแต้มจุดด้วยสารเรืองแสง SuperLuminova สีดำบนตัวเลข

เข็ม : เข็มชั่วโมงและนาทีเคลือบ PVD สีชมพูเคลือบสารเรืองแสงซูเปอร์ลูมิโนว่าสีดำ เข็มวินาทีเคลือบเงาสีดำ และเข็มแบบ 5N สำหรับแสดงวันที่มากับสีชมพูและปลายเข็มเคลือบเงาสีแดง