เรื่องราวการผจญภัยของผู้ยิ่งใหญ่ในอดีตที่ถูกส่งผ่านมาเพื่อสร้างสรรค์คอลเล็กชั่น Spirit ของ Longines ซึ่งจะมีจำหน่ายทั้งรุ่น 3 เข็ม และรุ่นจับเวลา Chronograph ที่มาพร้อมกับกลไกที่มีความเที่ยงตรงระดับ Chronometer
Longines Spirit Chronograph สืบสานตำนานนักผจญภัย
-
เป็นรุ่นที่สะท้อนถึงความคลาสสิคของนาฬิกาที่มีส่วนอยู่ในเรื่องราวของนักผจญภัยชื่อดังในอดีต
-
สำหรับรุ่นจับเวลา Chronograph มากับตัวเรือน 42 มิลลิเมตรพร้อมกลไก 4
-
ราคาจำหน่าย 113,100 บาท
Spirit เป็นคอลเล็กชั่นใหม่ล่าสุดของ ลองจิ้นส์ ที่พวกเขาเปิดตัวออกสู่ตลาดเมืองไทยมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว และถือเป็นนาฬิกาในกลุ่ม Heritage ที่สวย น่าสนใจ และสามารถสะท้อนถึงความคลาสสิคของนาฬิกาในยุคเริ่มต้นที่มีหน้าที่เป็นเครื่องมือในการบอกเวลาของนักผจญภัยหรือนักบุกเบิกในยุคเริ่มต้น โดยรุ่นที่จำหน่ายในตลาดมีทั้งแบบ 3 เข็ม และรุ่นที่ผมกำลังจะรีวิว นั่นคือ จับเวลา Chronograph
Amelia Earhart, Paul-Emile Victor, Elinor Smith และ Howard Hughes นี่คือชื่อของนักบุกเบิกผู้ยิ่งใหญ่ในยุคศตวรรษที่ 20 และเบื้องหลังของพวกเขาจะมีนาฬิกาของ ลองจิ้นส์ รวมอยู่ เพราะได้รับความเชื่อมั่นจากนักบุกเบิกเหล่านี้อันเนื่องมาจากประสิทธิภาพความแม่นยำ ความแข็งแรงทนทาน และเทคโนโลยีฉบับดั้งเดิมของ ลองจิ้นส์ อีกทั้งยังทำหน้าเป็นเพื่อนคู่ใจในภารกิจสำรวจดินแดนแปลกใหม่ที่ไม่เคยมีใครรู้จัก บุกป่าฝ่าดงผ่านสภาพอากาศที่โหดร้าย ล่องเรือกลางมหาสมุทรอันเกรี้ยวกราด และมีบทบาทในการเปิดเส้นทางเดินอากาศใหม่ๆ รวมถึงการบันทึกสถิติการเดินทางอากาศอีกด้วย
และนี่คือแรงบันดาลใจที่ทำให้เกิดคอลเล็กชั่น Spirit ขึ้นมา
คอลเลกชั่น Longines Spirit ได้สืบสานมรดกตกทอดนี้ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง นาฬิการุ่นใหม่ได้เชื่อมโยงประวัติศาสตร์เข้ากับนวัตกรรมได้อย่างแยบยล โดยผสมผสานองค์ประกอบดั้งเดิมของนาฬิกานักบินเข้ากับเส้นสายงานดีไซน์แบบร่วมสมัย
ตรงนี้คุณจะสังเกตได้จากรายละเอียดต่างๆ ที่เป็นส่วนประกอบอยู่บนตัวนาฬิกาไม่ว่าจะเป็นเม็ดมะยมขนาดโอเวอร์ไซส์ ซึ่งออกแบบให้นักบินสามารถหมุนได้อย่างถนัดแม้ว่าจะสวมถุงมืออยู่ ขอบรอบกระจกหน้าปัด, ตัวอักษรของหน้าปัดนาฬิกา, รูปทรงของอินเด็กซ์หรือหลักชั่วโมง และเข็มนาฬิกาทรง Baton สะท้อนแสงขนาดใหญ่
Longines Spirit มีด้วยกันหลากหลายโมเดล ทั้งแบบสามเข็มนาฬิกาบอกวันที่ รวมถึงตัวเรือนหลายขนาด เช่น 40 มม. และ 42 มม.สำหรับรุ่น 3 เข็ม และ 42 มม.สำหรับ Chronograph ส่วนหน้าปัดนาฬิกา สามารถเลือกได้ทั้งหน้าปัดสีดำแมตต์, หน้าปัดเกรนซิลเวอร์ หรือหน้าปัดสีน้ำเงินซันเรย์ โดยที่ทั้งหมดจะสลักรูปดาว 5 ดวง ซึ่งการสลักดาวนี้คือธรรมเนียมของ ลองจิ้นส์ ในการบ่งบอกถึงคุณภาพและความแม่นยำของกลไกนาฬิกาว่ามีระดับคุณภาพสูงสุด เสริมความสง่างามด้วยสายรัดข้อมือสตีลหรือสายหนังในสีน้ำตาลเข้ม, สีน้ำตาลอ่อน หรือสีน้ำเงิน
นอกจากนี้โมเดลสามเข็มนาฬิกาบอกวันที่ยังมีให้เลือกในเวอร์ชั่น “Prestige” ที่มาพร้อมสายรัดข้อมือ 3 สาย ได้แก่ สายสตีล, สายหนัง และสายหนังนาโตสีน้ำตาล พร้อมอุปกรณ์ให้คุณสามารถเปลี่ยนได้ด้วยตัวเองกับขนาดตัวเรือน 42 มิลลิเมตรของรุ่น 3 เข็มนั้นถือว่าลงตัวกับขนาดข้อมือและเมื่อจับคู่กับสายหนังสวยๆ ด้วยแล้วผมว่าดูสวยและเด่นขึ้นมาเลย
รุ่น Chronograph มากับตัวเรือนขนาด 42 มิลลิเมตร และค่อนข้างหนาตามสไตล์นาฬิกาจับเวลา ด้วยตัวเลข 16.30 มิลลิเมตร ตกแต่งด้วยกระจกหน้าปัดคริสตัลแซปไฟร์พร้อมเคลือบสารกันสะท้อนหลายชั้นทั้งด้านในและด้านนอก เม็ดมะยมแบบ Screw–in และประกอบฝาหลังตัวเรือนด้วยสกรู 6 ตัวเพื่อความปลอดภัย
อีกสิ่งที่ผมค่อนข้างชอบสำหรับนาฬิการุ่นใหม่ๆ คือ พวกเขาแสดงให้เห็นถึงความเข้าใจของคนเล่นนาฬิกาบางกลุ่มที่ชอบคัสตอมนาฬิกาตัวเอง โดยเฉพาะพวกสาย ก็เลยเอาระบบสปริงบาร์แบบควิกเชนจ์มาใช้ซึ่งช่วยทำให้เปลี่ยนสายได้อย่างสะดวกโดยไม่ต้องพึ่งเครื่องมือ และด้วยความกว้างของขาสายที่เป็นมาตรฐานคือ 22 มิลลิเมตร การหาสายสวยๆ มาเปลี่ยนเพื่อปรับลุ๊คให้กับนาฬิกาถือว่าไม่ใช่เรื่องยากอะไร
สำหรับตัวกลไกนั้น ถ้าเป็นรุ่น 3 เข็มจะมาพร้อมกับรหัส L888.4 ที่สำรองพลังงาน 72 ชั่วโมง แต่ถ้าเป็นรุ่น Chronograph จะเป็นรหัส L688.4 พร้อม Silicon Hairspring ที่มาช่วยการันตีในเรื่องของความแม่นยำ ทนทานต่อสนามแม่เหล้ก และยังช่วยเพิ่มอายุการใช้งาน มีกำลังลานสำรองทั้ง 66 ชั่วโมง พร้อมระบบ Column Wheel ที่ให้ความนุ่มนวลและแม่นยำในการกดจับเวลา
นอกจากนั้นยังได้รับมาตรฐานความเที่ยงตรงระดับ “โครโนมิเตอร์” โดยสถาบันทดสอบความเที่ยงตรงของนาฬิกาแห่งสวิตเซอร์แลนด์ (Official Swiss Chronometer Testing Institute หรือ COSC) ซึ่งตรงนี้สะท้อนผ่านดาว 5 ดวงบนหน้าปัด
การจัดเรียงหน้าปัดย่อยของฟังก์ชั่นจับเวลาถือว่าลงตัวและช่วยทำให้หน้าปัดดูสวยและสะดุดตา ขณะที่ช่องหน้าต่าวันที่ หรือ Date ที่อยู่ในตำแหน่ง 4.30 น. ถือว่าจัดวางได้อย่างเหมาะสมและไม่ทำให้ตัวเลขใดตัวเลขหนึ่งบนหน้าปัดหายไป อีกทั้งในตำแหน่ง 10 น.จะมีปุ่มกดอีกปุ่ม ซึ่งนั่นคือ ปุ่มสำหรับเปลี่ยนวันที่โดยเร็ว หรือ Quick Date Change ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับการเปลี่ยนวันที่โดยที่ไม่ต้องมานั่งคลายเกลียวเม็ดมะยมกัน
นาฬิกามักจะมีเรื่องเล่าที่เป็นสตอรี่ในการก่อกำเนิดของมัน ซึ่ง Spirit นั้นถือว่ามีเรื่องราวเหล่านี้อยู่มากมายและสิ่งเหล่านี้ได้ถูกถ่ายทอดและส่งผ่านมายังรายละเอียดต่างๆ ที่อยู่บนตัวนาฬิกา ถ้าถามผมว่านาฬิการุ่นนี้น่าสนใจตรงไหน ถ้าไม่นับเรื่องที่บอกข้างต้น ผมคงต้องบอกว่าในแง่ของตัวมันเองในฐานะที่เป็นนาฬิกา ก็แทบจะเพียงพอแล้วในการมีคุณสมบัติครบถ้วนที่ทำให้ผมตัดสินใจซื้อ
ขนาดตัวเรือนที่พอเหมาะ กลไกที่เที่ยงตรงในระดับ Chronometer พร้อมใยนาฬิกาแบบซิลิคอน แถมกำลังสำรองยังอยู่ในระดับที่สูง การขัดแต่งตัวเรือนที่ประณีต สวยงาม ความเรียบง่ายบนหน้าปัดที่ดูยังไงก็ไม่เบื่อ องค์ประกอบของชุดเข็มที่ช่วยแต่งเติมให้พื้นที่บนหน้าปัดดูสวย ที่สำคัญคือ แบรนด์ที่มีประวัติความเป็นมายาวนานอย่าง ลองจิ้นส์ พวกนี้แหละคือ จุดแข็งที่มีความสำคัญในการช่วยตัดสินใจที่ไม่น้อยกว่าสตอรี่ในการก่อกำเนิดของตัวนาฬิกา
รายละเอียดทางเทคนิค : Longines Spirit Chronograph
- รหัสรุ่น : L3.820.4.93.0 หน้าปัดสีน้ำเงินสายหนัง
- เส้นผ่านศูนย์กลาง : 42 มิลลิเมตร
- ความหนา : 16.30 มิลลิเมตร
- Lug to Lug : 51 มิลลิเมตร
- วัสดุตัวเรือน : สแตนเลส สตีล
- กระจก : Sapphire พร้อมเคลือบป้องกันการสะท้อนแสงหลายเลเยอร์สองด้าน
- กลไก : L688.4 อัตโนมัติ พร้อมฟังก์ชั่นจับเวลา Chronograph และ Quick Date Change ความเที่ยงตรงระดับ Chronometer
- ความถี่ : 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง
- กำลังงานสำรอง : 66 ชั่วโมง
- การกันน้ำ : 100 เมตร
- ราคา : 113,100 บาท
- ประทับใจ : การออกแบบ ขนาดตัวเรือนที่ลงตัว กลไกระดับ Chronometer ในราคาที่จับต้องได้
- ไม่ประทับใจ : ไม่มี
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/