สานต่อความคลาสสิคของนาฬิการุ่นใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Memovox Polaris ที่เปิดตัวในปี 1968 และในครั้งนี้ทาง Jaeger-LeCoultre เปิดตัวรุ่น Polaris Date ที่มาพร้อมกับหน้าปัดสีใหม่
Jaeger-LeCoultre Polaris Date เพิ่มสีใหม่ด้วยหน้าปัด Deep Green
-
เพิ่มทางเลือกใหม่ด้วยสีสันใหม่ของหน้าปัด
-
ใช้กลไกรุ่นใหม่ที่มีกำลังสำรองมากถึง 70 ชั่วโมง
-
เป็นรุ่น Boutique Edition ไม่ได้ผลิตจำกัด
หลังจากที่เปิดตัวออกสู่ตลาดเมื่อปี 2018 ในการทำนาฬิการุ่นดังในอดีตกลับมาสร้างสรรค์ใหม่ ถึงตอนนี้ รุ่น Polaris Date กลับมาอีกครั้งกับความสวยงามและลงตัวของหน้าปัดสีใหม่ในแบบสีเขียวเข้ม (Deep Green Dial) พร้อมรูปทรงที่สวยและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวบนตัวเรือนขนาด 42 มิลลิเมตร
Jaeger-LeCoultre เปิดตัว Polaris Date รุ่นใหม่เป็นครั้งแรกเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นวาระครบรอบ 50 ปีของนาฬิการุ่น Memovox Polaris ที่เปิดตัวในปี 1968 และถือเป็นนาฬิการุ่นยอดนิยมของคอลเล็กชั่น Polaris โดยในรุ่นใหม่ทางแบรนด์ได้ยึดนาฬิการุ่นนี้มาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ใหม่ขึ้นมาพร้อมกับเติมและปรับให้มีความสวยสอดคล้องกับยุคสมัยใหม่ และก่อนหน้านั้นในปี 2019 ทางแบรนด์ก็เคยมีการเปิดตัวรุ่นหน้าปัดสีน้ำเงินที่มีการผลิตออกมาเพียง 800 เรือน
ส่วนเวอร์ชันปี 2022 ที่เห็นอยู่นี้คือ การเพิ่มอีกทางเลือกของสีสันด้วยหน้าปัดแบบ Double-Gradient ที่เล่นแสงอย่างสวยงามและมากับโทนสีเขียวเข้ม ตัดกับหลักชั่วโมงที่มีการเคลือบสารเรืองแสงเป็นสีออกโทนเหลืองอ่อนในแบบ Vanilla Color ทำให้ดูสวยและมีความโดดเด่น
บนตัวเรือนขนาด 42 มิลลิเมตร ตัวนาฬิกายังคงเอกลักษณ์ของรูปแบบนาฬิกาดำน้ำในยุคทศวรรษที่ 1960 กับรูปแบบ 2 เม็ดมะยม ซึ่งในตำแหน่ง 2 นาฬิกาจะเป็นตัวหมุนขอบตัวเรือนด้านในที่เป็นสเกลสำหรับใช้ในการจับเวลา ขณะที่เม็ดมะยมในตำแหน่ง 4 นาฬิกาจะใช้ในการปรับเวลาและวันที่ ตัวนาฬิกามาพร้อมฝาหลังแบบใส เติมความสปอร์ตด้วยสายยางโทนสีเดียวกับตัวนาฬิกา พร้อมกระจก Sapphire แบบ Box-Shaped ทรงยกสูง คล้ายกับรุ่นดั้งเดิม แต่ในสมัยนั้นใช้กระจกแบบ Plexiglass
Jaeger-LeCoultre Polaris Date มาพร้อมกลไกอัตโนมัติ Cal.899AB ที่มีกำลังสำรอง 70 ชั่วโมง ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจ เพราะก่อนหน้านั้น นาฬิการุ่นนี้จะใช้กลไก Cal.899 A/1 ที่มีกำลังสำรองเพียง 38 ชั่วโมงเท่านั้น และมีความสามารถในการกันน้ำ 200 เมตรเท่าเดิม
นาฬิกาเรือนนี้เป็น Boutique Edition และไม่ได้มีการผลิตจำกัดแต่อย่างใด ส่วนราคาอยู่ที่ 9,200 เหรียญสหรัฐฯ
รายละเอียดทางเทคนิค :
- เส้นผ่านศูนย์กลาง : 42 มิลลิเมตร
- ความหนา : 13.92 มิลลิเมตร
- วัสดุตัวเรือน : สแตนเลสสตีล
- กระจก : Sapphire ทรง Box-Shape เคลือบสารกันการสะท้อนแสง
- กลไก : Cal.899 AB อัตโนมัติ
- ความถี่ : 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง
- กำลังสำรอง : 70 ชั่วโมง
- การกันน้ำ : 200 เมตร
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/
YouTube Channel : https://www.youtube.com/channel/anadigionline