Grand Seiko ฉลอง 60 ปีด้วยนาฬิกา 4 รุ่นพิเศษ

Grand Seiko ฉลอง 60 ปี นับจากการเปิดตัวนาฬิกาเรือนแรก เผยคอลเล็กชั่นใหม่ 4 เรือนที่จะทำตลาดตลอดเดือนกุมภาพันธ์จนถึงเมษายน โดยมีราคาอยู่ระหว่าง 4,300-10,925 เหรียญสหรัฐฯ

Grand Seiko ฉลอง 60 ปี ด้วยนาฬิกา 4 รุ่นพิเศษ

• ฉลองวาระพิเศษที่มี Grand Seiko มีอายุครบ 60 ปีนับจากเปิดตัวนาฬิการุ่นแรกในปี 1960

• นาฬิการุ่นพิเศษนี้มีทั้งหมด 4 รุ่นแบ่งเป็นสำหรับผู้ชาย 3 รุ่นและผู้หญิง 1 รุ่น

• ราคาอยู่ระหว่าง 4,300-10,925 เหรียญสหรัฐฯ และจะเริ่มทยอยทำตลาดตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-เมษายน

Grand Seiko แบรนด์ที่เพียบพร้อมด้วยความหรูหรา และความประณีตศิลป์ตามแบบฉบับ grand Seiko Style ที่ยึดมั่นมาเป็นเวลานาน ได้ฤกษ์ของการเฉลิมฉลองด้วยการเปิดตัวนาฬิกา 4 รุ่นใหม่สำหรับคอลเล็กชั่นฉลองแซยิด หรือ 60 ปีของการก่อตั้งแบรนด์ โดยจะมีทั้งนาฬิกาจักรกลและควอตซ์ เพื่อรองรับกับกลุ่มลูกค้าที่มีความหลากหลาย

สำหรับเลข 60 ที่ถูกยึดเป็นคอนเซ็ปต์ในครั้งนี้นอกจากจะมีความสำคัญในเชิงของหลักชัยสำคัญในช่วงเวลาที่พิเศษของบริษัทบังมีความหมายอย่างมากในเรื่องของเวลา ทั้ง 60 วินาที และ 60 นาที ซึ่งทั้งหมดเมื่อครบตามจำนวนแล้วจะมีการเริ่มต้นใหม่ทุกครั้ง และในวัฒนธรรมญี่ปุ่นก็เช่นเดียวกัน  โดยหลังจากที่รวมตัวกันก่อตั้งทีมขึ้นมาในทศวรรษที่ 1950 นาฬิการุ่นแรกของ Grand Seiko ก็ปรากฏตัวขึ้นมาในเดือนธันวาคม 1960 และถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการยกระดับมาตรฐานในด้านต่างๆ ของเรือนเวลาจากญี่ปุ่นให้ทัดเทียมกับแบรนด์ชั้นนำของโลก

ในวาระที่พิเศษนี้มีการเปิดตัวนาฬิกา 4 รุ่นพิเศษโดยจะมีทั้งรุ่นที่ใช้กลไกอัตโนมัติ และควอตซ์ เริ่มกับรุ่น Grand Seiko SBGH281 ที่ได้รับการถ่ายทอดแนวทางการผลิตนาฬิกาตามแบบฉบับของ GS มาอย่างครบถ้วนเหมือนกับรุ่น 44GS ที่เปิดตัวในปี 1967 ตัวเรือนขนาด 40 มิลลิเมตร พร้อมกระจก Sapphire ทรงโค้งแบบ Dual-Curved และเคลือบสารกันการสะท้อนแสงที่ด้านใน โดยกลไกที่ใช้เป็นรหัส 9S85 เดินในแบบ Hi-Beat และสำรองพลังงานได้ 55 ชั่วโมง และมีความคาดเคลื่อน +5 ถึง -3 วินาทีต่อวัน โดยรุ่นนี้จะมีการผลิตออกมาเพียง 1,500 เรือนเท่านั้น มีราคาอยู่ที่ 6,845 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 212,000 บาทโดยจะเริ่มขายเดือนกุมภาพันธ์นี้

รุ่นต่อมาคือ SBGP007 มีขนาด 40 มิลลิเมตรแต่หนาเพียง 10.8 มิลลิเมตร ที่เด่นคือ ฝาหลังมีการฝังสัญลักษณ์สีทองของ Grand Seiko ที่ผลิตจากทองคำ 18K เอาไว้ ส่วนกลไกควอตซ์เป็นรหัส 9F85 มีความเที่ยงตรง +/- 5 วินาทีต่อปี และรุ่นนี้บนหน้าปัดสีน้ำเงินจะมีการพิมพ์สัญลักษณ์ดาวสีทองเอาไว้เพื่อแสดงถึงความเที่ยงตรงของกลไกพร้อมลวดลายบนหน้าปัดที่เป็นเอกลักษณ์สำหรับปี 2020 โดยการผลิตมีเพียง 2,500 เรือนเท่านั้น มีราคา 4,300 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 133,000 บาทและจะเริ่มขายเดือนมีนาคมนี้

รุ่นที่ 3 คือ SBGP015 ตัวเรือนมีขนาด 40 มิลลิเมตร และหนา 12.4 มิลลิเมตร พร้อมกลไกควอตซ์ 9F85 ที่มีความเที่ยงตรงในระดับ +/-10 วินาทีต่อปี มีความทนทานต่อสนามแม่เหล็กระดับ 16,000 A/m และมีการผลิตออกสู่ตลาด 2,000 เรือน มีราคา 4,300 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 133,000 บาทและจะเริ่มขายเดือนเมษายนนี้

สุดท้ายเป็นรุ่น STGK015 สำหรับสุภาพสตรี มากับตัวเรือนขนาด 27.8 มิลลิเมตร และมีความหนาเพียง 11.2 มิลลิเมตรพร้อมกระจก Sapphire แบบ Dual-Curved และเคลือบสารกันการสะท้อนแสงที่ด้านใน พร้อมกับหน้าปัดที่มีการฝังเพชรจำนวน 12 เม็ดเอาไว้ ส่วนบนขอบตัวเรือนจะมีการฝังเพชรทั้งหมด 45 เม็ด สำหรับกลไกเป็นอัตโนมัติในรหัส 9S27 สามารถสำรองพลังงานได้ 50 ชั่วโมง และรุ่นนี้มีการผลิตออกมาเพียง 300 เรือนเท่านั้น  ราคา 10,925 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 338,000 บาทและเริ่มขายในเดือนกุมภาพันธ์

Fanpage : https://www.facebook.com/anadigiwatch/