จากภาพลักษณ์ของการเป็นนาฬิกาที่มีดีไซน์จากหน้าปัดในคอกพิทเครื่องบิน ตอนนิ้ Bell & Ross ปรับตัวครั้งใหม่กับ BR05 Collection ที่หันมาผลิตนาฬิกาสำหรับใช้ได้ทุกวันบนตัวเรือนขนาดไม่ใหญ่มาก เพียง 40 มิลลิเมตร และมีให้เลือกถึง 5 รุ่นย่อย
Bell & Ross BR05 Collection ความเหลี่ยมที่เปลี่ยนไปเพื่อความหรู
-
คอลเล็กชั่นใหม่ BR05 เน้นการเป็น Daily Watch
-
ตัวเรือนทรงเหลี่ยมมีขนาดเพียง 40 มิลลิเมตร
-
มีด้วยกัน 5 รุ่นย่อย ซึ่งหน้าปัด Skeleton ผลิตจำกัดเพียง 500 เรือน
นาฬิกาแบรนด์หนึ่งที่ถือว่ามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว คือ Bell&Ross เพราะจากการที่นำเสนอจุดเด่นในแง่งานดีไซน์ที่ประยุกต์มาจากมาตรวัดต่างๆ ที่ใช้บนเครื่องบิน ทำให้ทุกคนจดจำเอกลักษณ์ตรงนี้มาโดยตลอด ดังนั้นเมื่อมีอะไรเปลี่ยนไปสักหน่อยในแง่การออกแบบ หลายคนอาจจะตั้งคำถามขึ้นมาเหมือนกับที่เกิดขึ้นกับคอลเล็กชั่นล่าสุดอย่าง BR05 Collection
เอาเข้าจริงๆ Bell & Ross ก็ไม่ได้เปลี่ยนงานดีไซน์ของตัวเองแบบหน้ามือเป็นหลังมือเหมือนกับบางคอลเล็กชั่นของแบรนด์นี้ แต่ประเด็นที่ถูกมองก็เห็นจะเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมที่มีลวดลายและเส้นสายที่เปลี่ยนไป ซึ่งเอาเข้าจริงๆ ตรงนี้ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนะ เพราะ BR05 เน้นตลาดคนละกลุ่มกับรุ่น BR01 (ที่มีขนาดตัวเรือน 46 มิลลิเมตร) และ BR03 (ที่มีขนาดตัวเรือน 42 มิลลิเมตร) เพราะดูจากขนาดทั้งเส้นผ่านศูนย์กลางและความหนาแล้ว น่าจะเกิดมาเพื่อเจาะตลาดที่เน้นการใส่ที่เป็นทางการมากขึ้น เพราะตัวเรือนมีขนาดเส้นผ่านกลางเพียง 40 มิลลิเมตร และหนาเพียง 10.33 มิลลิเมตร โดยที่มี Lug to Lug 47 มิลลิเมตรเท่านั้น
นาฬิกาแบรนด์หนึ่งที่ถือว่ามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว คือ Bell&Ross เพราะจากการที่นำเสนอจุดเด่นในแง่งานดีไซน์ที่ประยุกต์มาจากมาตรวัดต่างๆ ที่ใช้บนเครื่องบิน ทำให้ทุกคนจดจำเอกลักษณ์ตรงนี้มาโดยตลอด ดังนั้นเมื่อมีอะไรเปลี่ยนไปสักหน่อยในแง่การออกแบบ หลายคนอาจจะตั้งคำถามขึ้นมาเหมือนกับที่เกิดขึ้นกับคอลเล็กชั่นล่าสุดอย่าง BR05
เอาเข้าจริงๆ Bell & Ross ก็ไม่ได้เปลี่ยนงานดีไซน์ของตัวเองแบบหน้ามือเป็นหลังมือเหมือนกับบางคอลเล็กชั่นของแบรนด์นี้ แต่ประเด็นที่ถูกมองก็เห็นจะเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมที่มีลวดลายและเส้นสายที่เปลี่ยนไป ซึ่งเอาเข้าจริงๆ ตรงนี้ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนะ เพราะ BR05 เน้นตลาดคนละกลุ่มกับรุ่น BR01 (ที่มีขนาดตัวเรือน 46 มิลลิเมตร) และ BR03 (ที่มีขนาดตัวเรือน 42 มิลลิเมตร) เพราะดูจากขนาดทั้งเส้นผ่านศูนย์กลางและความหนาแล้ว น่าจะเกิดมาเพื่อเจาะตลาดที่เน้นการใส่ที่เป็นทางการมากขึ้น เพราะตัวเรือนมีขนาดเส้นผ่านกลางเพียง 40 มิลลิเมตร และหนาเพียง 10.33 มิลลิเมตร โดยที่มี Lug to Lug 47 มิลลิเมตรเท่านั้น
แต่ที่มีคำถามเกิดขึ้นแน่ๆ คือ รูปทรงและสไตล์ของนาฬิกาดูคล้ายกับนาฬิการุ่นดังอย่าง Nautilus ของ Patek Phillippe ทั้งในแง่ของรูปทรงตัวเรือน รูปทรงสายและข้อต่อสายในสไตล์ H-Link สำหรับรุ่นที่เป็นโลหะ จะต่างออกไปตรงที่กรอบของหน้าปัดซึ่งเปลี่ยนมาเป็นทรงกลม และการใช้หมุนยึดตรงที่ 4 มุมของขอบตัวเรือน (ตรงนี้ก็โดนโยงเข้าไปกับความเหมือนในสไตล์ของ Audemars Piquet Royal Oak อีกเช่นกัน) โดยแนวคิดในการออกแบบของ BR05 คือ A round in the square
ไม่ว่าจะเป็นทางไหน ทาง Bell&Ross ผลิต BR05 ออกมาด้วยกัน 5 ทางเลือกซึ่งถือว่าค่อนข้างเยอะมาก โดยรุ่นที่ใช้สายโลหะและยางจะมีด้วยกัน 3 รุ่นย่อยคือ หน้าปัดเทา ดำ และน้ำเงิน ซึ่งทั้งหมดเป็นแบบ Sunray เหลื่อมและเล่นไปตามแสงที่ตกกระทบ ตามด้วยตัวเรือนสีทองหน้าปัดดำ หรือ BR05A-BL-PG/SPG มากับตัวเรือนที่ผลิตจาก Rose Gold 18K มีให้เลือกทั้งสายโลหะและสายยาง โดยปิดท้ายกับรุ่นหน้าปัดเปลือยหรือ Skeleton
สำหรับกลไกที่ใช้ในทุกรุ่นนั้นจะเป็นรหัส BR-CAL.321 ยกเว้นรุ่น Skeleton ที่จะใช้กลไก BR-Cal.322 ที่อ้างอิงพื้นฐานมาจาก Sellita ซึ่งผลิตให้กับ Bell&Ross โดยเฉพาะ เดินด้วยความถี่ระดับ 4Hz หรือ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง โดยที่ตัวเลขของกำลังสำรองยังไม่มีการเปิดเผยออกมา พร้อมการกันน้ำระดับ 100 เมตร
ราคาที่เปิดตัวออกมาถ้าเป็นรุ่นธรรมดาสายยางอยู่ที่ 4,400 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 140,000 บาท และ 4,900 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 156,000 บาทสำหรับสายเหล็ก ส่วนรุ่น Skeleton มีผลิตเพียง 500 เรือนตั้งราคาเอาไว้ที่ 5,900 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 189,000 บาท และรุ่น Rose Gold 18K แรงสุด 21,500 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 688,000 บาทสำหรับสายยาง และ 32,500 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 1.04 ล้านบาทสำหรับรุ่นสายโลหะ
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/