Audemars Piguet (โอเดอมาร์ ปิเกต์) เปิดตัวนาฬิการุ่นรอยัล โอ๊ค ออฟชอร์ เซลฟ์ไวนด์ดิ้ง โครโนกราฟ (Royal Oak Offshore Selfwinding Chronograph) บนตัวเรือนแบล็กเซรามิกที่มีขนาด 42 มิลลิเมตร พร้อมหน้าปัดลาย Petite Tapisserie (เปอตีต์ ทาพิสเซอรี) และกลไกจับเวลาอัตโนมัติ 4404 กลไกโครโนกราฟอัตโนมัติล่าสุด
Audemars Piguet Royal Oak Offshore Selfwinding Chronograph เข้มดุดันด้วยตัวเรือนเซรามิก
-
มาพร้อมกับความเข้มด้วยตัวเรือน ปุ่มกดที่ตำแหน่ง 2 นาฬิกาและ 4 และเม็ดมะยมแบบสกรูล็อกที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกาที่ผลิตจากเซรามิก
-
เพิ่มความดุดันด้วยหน้าปัดสีดำแบบลวดลาย Petite Tapisserie (เปอตีต์ ทาพิสเซอรี) ที่ให้ลุคแบบโมโนโครมร่วมสมัยโดดเด่น
-
ขับเคลื่อนด้วยคาลิเบอร์ 4404 ซึ่งเป็นกลไกโครโนกราฟที่มาพร้อมฟังก์ชันฟลายแบ็ก มีกำลังสำรอง 60 ชั่วโมง
Audemars Piguet (โอเดอมาร์ ปิเกต์) เปิดตัวเวอร์ชันใหม่ของนาฬิการุ่น Royal Oak Offshore Selfwinding Chronograph ขนาดหน้าปัด 42 มิลลิเมตรที่มาพร้อมตัวเรือนและสายนาฬิกาแบล็กเซรามิกเป็นครั้งแรก และหน้าปัดสีดำลวดลาย Petite Tapisserie (เปอตีต์ ทาพิสเซอรี) ที่ให้ลุคแบบโมโนโครมร่วมสมัยโดดเด่น ขับเคลื่อนด้วยคาลิเบอร์ 4404 ซึ่งเป็นกลไกโครโนกราฟที่มาพร้อมฟังก์ชันฟลายแบ็ก
คอลเลกชัน Royal Oak Offshore เลือกใช้วัสดุหลากหลายประเภทนับตั้งแต่จุดเริ่มต้นการสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นไททาเนียม คาร์บอนหลอม สตีลหรือแม้กระทั่งทองคำ ซึ่งต้องใช้เทคนิคและการออกแบบที่แตกต่างกัน โดยพัฒนานวัตกรรมอย่างไม่หยุดนิ่งจนได้เป็นเรือนเวลาที่ทั้งสง่างามและแข็งแกร่งอันยากที่จะลอกเลียนแบบ และในรุ่นใหม่เรือนนี้เปิดตัวออกมาในวาระครบรอบ 30 ปีของ Royal Oak Offshore โดยรุ่นแรกของคอลเลกชันเปิดตัวในปี 1993 และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในแง่ของกลไก วัสดุที่ใช้ในการสร้างสรรค์ รายละเอียดการตกแต่ง และหน้าปัด
Royal Oak Offshore (Ref. 26238CE) มาพร้อมกับนวัตกรรมในด้านวัสดุศาสตร์ด้วยการผลิตตัวเรือนและสายนาฬิกาด้วยแบล็กเซรามิก ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของคอลเลกชันนี้ รวมถึงรายละเอียดต่างๆ ของตัวนาฬิกา เช่น ปุ่มกดที่ตำแหน่ง 2 นาฬิกาและ 4 นาฬิกา
ซึ่งเป็นส่วนที่ควบคุมกลไกโครโนกราฟ รวมไปถึงเม็ดมะยมแบบสกรูล็อกที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกาก็ใช้เซรามิกในการผลิตด้วยเช่นเดียวกัน มีเพียงสกรู 8 ตัวที่ช่วยยึดขอบตัวเรือนให้ติดกับตัวเรือนเท่านั้นที่ดูโดดเด่นและแตกต่างด้วยการเลือกใช้ White Gold รวมถึงเครื่องหมายบอกหลักชั่วโมงเคลือบสารเรืองแสง 8 ชิ้นที่บอกเวลาชั่วโมง ปิดท้ายด้วยฝาหลังซึ่งทำจากไทเทเนียม
หน้าปัดใช้สีดำด้านแบบเดียวกันกับสีของตัวเรือน สายนาฬิกา ปุ่มกด ขอบตัวเรือน และเม็ดมะยม ประดับด้วยลวดลาย Petite Tapisserie ซึ่งเป็นลวดลายซิกเนเจอร์ที่สงวนไว้ก่อนหน้านี้สำหรับรุ่น Ref. 26238 ที่ผลิตขึ้นด้วยทองคำหรือไทเทเนียมเท่านั้น แม้ว่านาฬิการุ่นก่อน ๆ จะมีการเลือกใช้โทนสีที่แตกต่างกัน แต่สำหรับรุ่นใหม่นี้ถือว่าเป็นเรือนแรกที่เลือกใช้สีดำสนิทเพียงสีเดียว ซึ่งต้องใช้นวัตกรรมการผลิตแบบเฉพาะ เนื่องจากความแตกต่างทั้งในเรื่องวัสดุและเท็กซ์เจอร์ที่นำมาใช้ เรือนเวลารุ่นใหม่นี้จึงดูมีรายละเอียดที่ลึกซึ้งอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
นาฬิกาซึ่งรังสรรค์ด้วยเซรามิกรุ่นใหม่นี้ได้ผ่านกระบวนการผลิตอย่างพิถีพิถันเพื่อเผยให้เห็นรายละเอียดที่ซ่อนอยู่ ช่างนาฬิกาของ Audemars Piguet ต้องพบกับความท้าทาย 3 ประการ ประการแรกคือการบรรลุมาตรฐานการผลิตและการตกแต่ง ซึ่งแบรนด์ได้ตั้งมาตรฐานไว้สูง ประการที่สองคือการรังสรรค์เซรามิกให้ออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด ซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทายอย่างมากเพราะเซรามิกเป็นวัสดุที่แข็งมาก และประการสุดท้ายคือการผสมผสานองค์ประกอบอันบซ้อนให้เข้ากับการขัดเงาและการขัดแบบซาตินได้กลมกลืนที่สุด
ส่วนประกอบแต่ละส่วนของตัวเรือนแบล็กเซรามิกจำเป็นต้องผ่านกระบวนการผลิตที่มีความซับซ้อนและการใช้เทคนิคการตกแต่งด้วยมือสุดประณีตหลายขั้นตอน ผงเซอร์โคเนียมออกไซด์ (ZrO2) จะถูกนำมารวมเข้ากับสารยึดเกาะในอัตราส่วนลับเฉพาะของบริษัท หลังผ่านการเผาผนึกที่อุณหภูมิประมาณ 1,000 องศาเซลเซียส
จากนั้นจึงนำองค์ประกอบต่าง ๆ มาขัดเงาและขัดแบบซาตินในเบื้องต้น เส้นสาย มุมต่าง ๆ และขอบตัวเรือนจะต้องผ่านการเก็บรายละเอียดสุดท้ายด้วยมืออย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ได้เท็กซ์เจอร์ที่ผ่านการขัดเงาและการขัดแบบซาตินซึ่งเป็นสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Audemars Piguet
Audemars Piguet ได้พัฒนาเทคนิคการตกแต่งแบบต่างๆ เพื่อนำมาใช้กับนาฬิกาเรือนนี้โดยเฉพาะ สังเกตได้จากหน้าปัดย่อยโครโนกราฟแต่ละหน้าปัดมาพร้อมกับเข็มนาฬิกาและตัวเลขอารบิกสีขาวบนแผ่นดิสก์ ช่วยให้มองเห็นเวลาได้ชัดเจนและดูโดดเด่นยิ่งขึ้นอีก
ในรุ่นนี้มากับคาลิเบอร์ 4404 กลไกโครโนกราฟอัตโนมัติล่าสุด พร้อมด้วย column wheel และฟังก์ชันฟลายแบ็กซึ่งแตกต่างไปจากกลไกโครโนกราฟทั่วไปตรงที่สามารถรีสตาร์ทได้โดยไม่ต้องหยุดและรีเซ็ตก่อน column wheel จะทำงานร่วมกับระบบคลัตช์แนวตั้งซึ่งออกแบบมาเพื่อให้การกดปุ่มแต่ละปุ่มทำได้อย่างนุ่มนวล เมื่อเริ่มหรือหยุดโครโนกราฟ เข็มนาฬิกาจะตอบสนองตามนั้นโดยไม่มีการหน่วงหรือกระโดดอย่างไม่คาดคิด กลไกการรีเซ็ตเป็นศูนย์ที่ได้รับการจดสิทธิบัตรยังช่วยให้มั่นใจได้ว่า เข็มจับเวลาแต่ละเข็มจะกลับสู่ตำแหน่งเริ่มต้นในแนวตั้งทันที
ฝาหลังประดับแซฟไฟร์และไทเทเนียมเผยให้เห็นทำงานของ column wheel ภายในกลไก เมื่อกดปุ่มเพื่อรีเซ็ต ค้อนซึ่งกำกับด้วยคันโยกจะกระแทกลูกเบี้ยวกลางเพื่อรีเซ็ตล้อโครโนกราฟและตั้งเข็มนาฬิกาเป็นศูนย์ อีกทั้งสามารถเชยชม oscillating weight ซึ่งรังสรรค์จากพิ้งค์โกลด์ 22 กะรัตที่สลักตัวอักษรย่อ AP เป็นดีไซน์เดียวกับ Royal Oak Offshore รุ่นประวัติศาสตร์ ภายในกลไกยังมีการเก็บรายละเอียดสุดท้ายด้วยเทคนิคที่พิถีพิถันมากมาย ทั้งเทคนิคลายวงกลมวน “โกตส์ เดอ เฌอแนฟ” (Côtes de Genève) เทคนิค “เซอร์คิวลาร์ เกรนิง” (Circular Graining) เทคนิคการขัดแบบซาตินเป็นวงกลม และการขัดลบมุม
สำหรับ Audemars Piguet Royal Oak Offshore Selfwinding Chronograph ตัวเรือนเซรามิกจะมีราคาอยู่ที่ 70,000 ฟรังก์สวิสส์
รายละเอียดทางเทคนิค : Audemars Piguet Royal Oak Offshore Selfwinding Chronograph
- รหัสรุ่น : Ref.26238CE.OO.1300CE.01
- เส้นผ่านศูนย์กลาง 42 มิลลิเมตร
- ความหนา : 15.3 มิลลิเมตร
- วัสดุตัวเรือน : ตัวเรือน ปุ่มกด กรอบปุ่มกด และเม็ดมะยมแบบสกรูล็อกใช้แบล็กเซรามิก
- กระจกหน้า/หลัง : แซฟไฟร์และฝาหลังแซฟไฟร์ไทเทเนียม
- หน้าปัด : สีดำพร้อมลวดลาย Petite Tapisserie หน้าปัดเล็กสีดำ เครื่องหมายบอกหลักชั่วโมง เข็มนาฬิกา Royal Oak ไวท์โกลด์เคลือบด้วยสารเรืองแสง และขอบตัวเรือนด้านในสีดำ
- สายนาฬิกา : แบล็กเซรามิก เข็มขัดล็อกสายนาฬิกาไทเทเนียมเอกลักษณ์ของ Audemars Piguet
- กลไก : อัตโนมัติ คาลิเบอร์ 4404 กลไกฟลายแบ็กโครโนกราฟ กลไกการจับเวลาชั่วโมง นาที และเข็มวินาทีบนหน้าปัดเล็ก พร้อมแสดงวันที่
- จำนวนชิ้นส่วน : 433 ชิ้น
- จำนวนอัญมณี : 40 ชิ้น
- ความถี่ : 4Hz (28,800 ครั้ง/ชั่วโมง)
- กำลังสำรอง : 70 ชั่วโมง
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/
YouTube Channel : https://www.youtube.com/channel/anadigionline