อีกหนึ่งการเปิดตัวของ Tudor (ทิวดอร์) ที่ถือว่าได้รับความสนใจเมื่อพวกเขาจับเอานาฬิกาดำน้ำอย่าง Black bay มาเปลี่ยนวัสดุตัวเรือนจากสแตนเลส สตีลมาสู่เงิน 925
Tudor Black bay Fifty-Eight 925 มากับตัวเรือนเงิน 925
-
เป็นครั้งแรกสำหรับ Tudor Black bay ที่มากับเงินในรหัส 925 หรือที่รู้จักกันในชื่อ Sterling Silver
-
การพัฒนาอยู่บนพื้นฐานของตัวเรือน 5 มิลลิเมตร
-
มาพร้อมกลไกรหัส MT5400 สำรองพลังงาน 70 ชั่วโมง
Tudor พร้อมเปิดตัวนาฬิการุ่นยอดนิยม Black Bay Fifty-Eight ในเวอร์ชันใหม่ที่โดดเด่นยิ่งขึ้น โดยรังสรรค์ขึ้นจากเงิน 925 และฝาหลังตัวเรือนแบบเปิด ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของสองคุณสมบัตินี้สำหรับนาฬิกานักดำน้ำของ Tudor ที่มีความงดงามแวววาวอย่างน่าอัศจรรย์
แน่นอนว่าชื่อของ Tudor BlackBay Fifty-Eight 925 ที่เปล่งประกายนั้นสื่อถึงโลหะมีค่าที่นำมาใช้ทำตัวเรือน และยังหมายถึง 1958 ซึ่งเป็นปีที่มีการเปิดตัวนาฬิกานักดำน้ำของ Tudor ที่สามารถกันน้ำได้ลึกถึง 200 เมตร (660 ฟุต) รุ่นหมายเลขอ้างอิง 7924 หรือ “Big Crown” เป็นครั้งแรก
นอกเหนือไปจากสุนทรียภาพด้านอื่นๆ ที่นาฬิการุ่นประวัติศาสตร์นี้ได้รับการยกย่องแล้ว นาฬิการุ่นนี้ยังมาพร้อมตัวเรือนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 39 มม. ซึ่งเป็นสัดส่วนอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของนาฬิกาในช่วงปีทศวรรษ 1950 เหมาะอย่างยิ่งสำหรับข้อมือขนาดเล็ก ผู้ที่หลงใหลเสน่ห์ของสไตล์วินเทจ และผู้ที่ชื่นชอบวัตถุที่มีความแตกต่าง BlackBay Fifty-Eight 925 ยังเป็นนาฬิกานักดำน้ำของ Tudor รุ่นแรกที่รังสรรค์ขึ้นจากเงินและมีฝาหลังตัวเรือนแบบเปิด
สีเงินที่แวววาว
นับเป็นครั้งแรกที่นาฬิกานักดำน้ำของ Tudor เลือกใช้เงิน 925 หรือ Sterling Silver และส่วนประกอบของโลหะผสมที่เลือกสรรมาใช้นั้นเป็นความลับที่ทางแบรนด์ไม่ยอมเปิดเผยให้ใครทราบ คุณสมบัติของโลหะผสมนี้โดดเด่นที่การใช้งานนั้นจะไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อรูปลักษณ์ของตัวเรือน Black Bay Fifty-Eight 925 ผิวสัมผัสซาตินทั้งหมดที่ให้ลุคแบบด้าน เปล่งประกายแวววาวได้อย่างคาดไม่ถึงดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะสวมใส่บนข้อมือ ผิวสัมผัสที่มีความพิเศษนี้ทำให้นาฬิการุ่นนี้ยิ่งเปล่งประกายเลอค่า พร้อมขับเน้นด้วยฝาหลังตัวเรือนแบบเปิด ซึ่งทำให้สามารถชื่นชมความงดงามของคาลิเบอร์ MT5400 ที่พัฒนาขึ้นภายในโรงงานของตนเอง ได้อย่างชัดเจน นาฬิการุ่นนี้ตอกย้ำถึงความงดงามในทั้งสองแง่มุม ว่าจะเป็นมรดกตกทอดจากนาฬิกาประเภทเครื่องมือที่ทนทานสมดังเจตนารมณ์ของ Tudor หรือเป็นวัตถุอันเลอค่า
สีเทาอมน้ำตาลและสีเงิน
หน้าปัดสีเทาอมน้ำตาลของนาฬิกายิ่งขับเน้นให้ตัวเรือนสีเงินของ Black Bay Fifty-Eight 925 ดูโดดเด่นมากขึ้น พร้อมวงแหวนขอบตัวเรือนในสีเดียวกัน โดยมีการแต่งเติมรายละเอียดสีเงินลงไปบนหน้าปัดอันหรูหราของรุ่นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเข็มนาฬิกาทรง “เกล็ดหิมะ” อันโด่งดัง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัวของ Tudor มาตั้งแต่ปี 1969 เช่นเดียวกับการเคลือบผิวแสดงเครื่องหมายและข้อความ โดยได้เลือกใช้เฉดสีเดียวกันนี้บนสายผ้าที่มาพร้อมกับนาฬิการุ่นนี้อีกด้วย
สำหรับสายผ้านั้นเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ Tudor ซึ่งในปี 2010 ได้กลายเป็นนาฬิกาแบรนด์แรกที่มอบสายผ้ามาให้พร้อมกับผลิตภัณฑ์ ผ้าดังกล่าวทอขึ้นในฝรั่งเศสด้วยเครื่องทอผ้าแจ็กการ์ดสมัยศตวรรษที่ 19 โดยบริษัท Julien Faure ในแคว้นแซงต์ เอเตียน มีความโดดเด่นด้านคุณภาพและความรู้สึกสบายยามสวมใส่บนข้อมือที่ไม่เหมือนใคร ในปี 2020 Tudor และ Julien Faure ซึ่งเป็นบริษัทที่ก่อตั้งมานานถึง 150 ปี ได้ร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปีของความร่วมมือที่เริ่มต้นขึ้นจากนาฬิการุ่น Heritage Chrono ซึ่งนับเป็นนาฬิการุ่นแรกของแบรนด์ที่มาพร้อมสายผ้าที่ถักทอขึ้นโดยช่างฝีมือผู้ชำนาญ และเปิดตัวเป็นครั้งแรกในงาน Baselworld 2010
คาลิเบอร์ MT5400 ที่พัฒนาขึ้นภายในโรงงานของตนเอง
คาลิเบอร์ MT5400 ที่พัฒนาขึ้นภายในโรงงานของตนเอง เป็นขุมพลังของ Black Bay Fifty-Eight 925 แสดงชั่วโมง นาที และวินาที โดยมีผิวสัมผัสเช่นเดียวกันกับคาลิเบอร์ ที่พัฒนาขึ้นภายในโรงงาน ของ Tudor รุ่นอื่นๆ โรเตอร์ทำจากทังสเตนแบบ โมโนบล็อกที่มีลวดลายฉลุ พร้อมผิวสัมผัสซาตินที่ตกแต่งรายละเอียดแบบพ่นทราย แผ่นเชื่อมและแท่นเครื่องมีพื้นผิวแบบพ่นทรายสลับกับขัดเงาและตกแต่งด้วยเลเซอร์
โครงสร้างถูกออกแบบมาเพื่อรับประกันถึงความทนทาน อายุการใช้งานที่ยืนยาว ความน่าเชื่อถือ และความเที่ยงตรง เช่นเดียวกับเม็ดถ่วงสมดุลในตัวนาฬิกาซึ่งถ่วงด้วยแผ่นเชื่อมอันมั่นคงที่มีจุดยึดสองจุด และด้วยสปริงซิลิคอนแบบไร้แม่เหล็ก คาลิเบอร์ MT5400 ที่พัฒนาขึ้นภายในโรงงานของตนเอง จึงเป็นโครโนมิเตอร์ที่ผ่านการรับรองโดยสถาบันทดสอบความเที่ยงตรงอย่างเป็นทางการของสวิตเซอร์แลนด์ (COSC) ด้วยสมรรถนะที่เหนือชั้นยิ่งกว่ามาตรฐานที่กำหนดโดยสถาบันอิสระแห่งนี้ โดยตามที่ COSC อนุญาตให้กลไกนาฬิกามีความผันแปรเฉลี่ยสำหรับอัตราการทำงานในแต่ละวันอยู่ระหว่าง – 4 ถึง +6 วินาทีตามเวลาสัมบูรณ์ในแต่ละครั้งที่เคลื่อนไหว แต่ Tudor ยังคงยืนยันที่จะกำหนดความคลาดเคลื่อนที่ยอมรับได้ไว้ที่ – 2 ถึง +4 วินาที สำหรับนาฬิกาที่ประกอบสมบูรณ์แล้ว
อีกคุณสมบัติที่โดดเด่นก็คือพลังงานสำรองของคาลิเบอร์ MT5400 ที่พัฒนาขึ้นในโรงงานของตนเอง “ไม่หยุดสุดสัปดาห์” หรือประมาณ 70 ชั่วโมง ซึ่งทำให้ผู้สวมใส่สามารถถอดนาฬิกาในคืนวันศุกร์และสวมกลับคืนอีกครั้งตอนเช้าวันจันทร์ได้โดยไม่จำเป็นต้องไขลานหรือตั้งเวลาใหม่
เอกลักษณ์แห่ง Black Bay
เฉกเช่นเดียวกันกับนาฬิกาตระกูล Black Bay รุ่นอื่น Black Bay Fifty-Eight 925 ใช้เข็มนาฬิกามุมเหลี่ยมอันเป็นเอกลักษณ์ของ Tudor ซึ่งรู้จักกันในชื่อ “เกล็ดหิมะ” ดังที่ปรากฏในแคตตาล็อกของแบรนด์เมื่อปี 1969 ผลลัพธ์ก็คือการผสมผสานสุนทรียภาพที่สืบสานมายาวนานเข้ากับการรังสรรค์นาฬิการ่วมสมัยได้อย่างละมุนละไม นาฬิกาในตระกูล Black Bay จึงไม่ใช่เพียงแค่การนำเอารูปแบบคลาสสิกเดิมๆ มาเปิดตัวใหม่เท่านั้น ด้วยความยึดมั่นอย่างเหนียวแน่นในยุคปัจจุบัน นี่คือการหลอมรวมเอานาฬิกานักดำน้ำของ Tudor จากเกือบ 7 ทศวรรษเข้ามาไว้ด้วยกัน แม้จะมีรูปลักษณ์แบบนีโอวินเทจ แต่เทคนิคการผลิต พร้อมความแข็งแกร่ง ความน่าเชื่อถือ ความทนทาน และความเที่ยงตรง รวมถึงคุณภาพของผลงานนั้นล้วนแต่เหนือชั้นกว่ามาตรฐานในปัจจุบันของอุตสาหกรรมนี้ทั้งสิ้น
สำหรับราคาของ Black Bay Fifty-Eight 925 ในเมืองไทยอยู่ที่ 149,800 บาท
รายละเอียดทางเทคนิค : Tudor Black Bay Fifty-Eight 925
หมายเลขอ้างอิง : 79010SG
-
ตัวเรือน : ขนาด 39 มม. ผิวสัมผัสซาติน ทำจากเงิน 925 ฝาหลังตัวเรือนแบบเปิดพร้อมคริสตัลแซฟไฟร์
-
ขอบตัวเรือน : ขอบหน้าปัดหมุนได้ทิศทางเดียวทำจากเงิน 925 พร้อมดิสก์อะลูมิเนียมเคลือบผิวสีเทาอมน้ำตาลด้านและช่องแบ่งเวลา 60 นาที เครื่องหมายตำแหน่งและตัวเลขเคลือบสีเงิน
-
เม็ดมะยม : เม็ดมะยมทำจากเงิน 925 แบบขันเกลียว พร้อมสัญลักษณ์กุหลาบ ทิวดอร์ แบบนูน และท่อเม็ดมะยมเงิน 925 ทรงกลมขัดผิวซาติน
-
หน้าปัด : สีเทาอมน้ำตาล ทรงโดม
-
กระจก : คริสตัลแซฟไฟร์ ทรงโดม
-
สายนาฬิกา : สายหนังลายเกรนสีน้ำตาล หรือสายผ้าสีเทาอมน้ำตาลพร้อมแถบคาดสีเงินและหัวเข็มขัดเงิน 925
-
กลไกลาน : คาลิเบอร์ MT5400 ที่พัฒนาขึ้นภายในโรงงานของตนเอง กลไกลานอัตโนมัติพร้อมระบบโรเตอร์หมุนได้สองทิศทาง
ความเที่ยงตรง : โครโนมิเตอร์ของสวิสที่ผ่านการรับรองอย่างเป็นทางการโดย COSC (สถาบันควบคุมความเที่ยงตรงอย่างเป็นทางการจากสวิตเซอร์แลนด์)
-
กำลังสำรอง : ประมาณ 70 ชั่วโมง
-
ฟังก์ชันการทำงาน : เข็มชั่วโมง นาทีและวินาทีตรงกลาง เข็มวินาทีจะหยุดเมื่อตั้งเวลาเพื่อให้ตั้งเวลาได้อย่างแม่นยำ
-
ความถี่: 28,800 ครั้ง/ชั่วโมง (4Hz)
-
การกันน้ำ : กันน้ำได้ลึกถึง 200 เมตร (660 ฟุต)
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/