Tudor เปิดตัวผลผลิตใหม่ก่อนที่การแข่งขัน F1 รายการ Miami Grand Prix จะเริ่มขึ้นเพื่อสะท้อนถึงภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่อยู่ในโลกของมอเตอร์สปอร์ตมาตั้งแต่ทศวรรษที่ 1950 โดย Tudor Black Bay Chrono Carbon 25 มีตัวเรือนที่ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ และมีการผลิตออกมาเพียง 2,025 เรือนเท่านั้น
Tudor Black Bay Chrono Carbon 25 ตัวเรือนคาร์บอนสะท้อนความเร้าใจจากสนามแข่ง
-
นาฬิการุ่นพิเศษที่เปิดตัวในช่วงก่อนแข่ง F1 รายการ Miami Grand Prix
-
ตัวเรือนผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์มีขนาดเพิ่มขึ้นจากรุ่นสตีลอีกเล็กน้อยเป็น 42 มิลลิเมตร
-
ขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติ MT5813 มีกำลังสำรองสูงสุด 70 ชั่วโมง
เท่าที่สังเกตในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ก่อนการแข่งขัน F1 ในแต่ละสนามจะเริ่มขึ้นนั้น ถ้าสนามไหนสำคัญในแง่ของการรับรู้และเป็นที่สนใจของคนในวงกว้าง เรามักจะเห็นทั้งแบรนด์สปอนเซอร์และทีมแข่งเองจะมีอะไรใหม่ๆ ออกมากระตุ้นความสนใจอยู่เสมอ
และอย่างรายการ Miami Grand Prix ถือเป็นตัวอย่างที่ดีที่เราได้เห็นอะไรใหม่ๆ ออกมาเสมอ เช่น รถแข่งสีใหม่ รวมถึงนาฬิกาเรือนใหม่ๆ ซึ่ง Tudor เอง ในฐานะสปอนเซอร์ของทีม Visa Cash App Racing Bulls Formula One Team พวกเขามักจะชอบเปิดตัวนาฬิการุ่นใหม่ออกมาในสนามนี้เสมอ
ปีที่แล้วเราได้เห็นหน้าปัดสี Flamengo Blue ของ Black Bay Chrono ส่วนในปีนี้เป็นคิวของตัวเรือนคาร์บอนในชื่อ Tudor Black Bay Chrono Carbon 25
![]() |
![]() |
![]() |
หลังจากที่เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขัน F1 เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน Tudor เปิดตัวนาฬิกาที่อ้างอิงจากอีเวนท์นี้ออกมาอย่างต่อเนื่อง Black Bay Ceramic Blue คือ จุดเริ่มต้น ตามด้วย Flamengo Blue และนี่คือเรือนล่าสุด
![]() |
![]() |
คอนเซ็ปต์ในการนำเสนอเพื่อเชื่อมโยงเข้ากับวัสดุที่ใช้ในตัวนาฬิกาถือว่าไม่มีอะไรน่าแปลกใจ เพราะคาร์บอน โดยเฉพาะคาร์บอนไฟเบอร์ที่ผ่านกระบวนการแบบคอมโพสิตมักจะถูกนำมาใช้ในทั้งแวดวงอากาศยานและมอเตอร์สปอร์ตอยู่แล้ว ด้วยคุณสมบัติในเรื่องของความเบาและความแข็งแกร่งในการช่วยปกป้องนักแข่งที่อยู่ในค็อกพิทหากเกิดอุบัติเหตุ ซึ่ง Tudor ได้นำคาร์บอนใช้ในการผลิตตัวเรือนของ Black Bay Chrono ซึ่งถือเป็นครั้งแรก โดยก่อนหน้านี้ Tudor เคยนำวัสดุนี้มาใช้กับรุ่น Pelagos FXD Chrono
![]() |
![]() |
![]() |
ตัวเรือนของรุ่น Chrono ได้รับการผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ซึ่งถูกออกแบบให้มีความบางขึ้นจากรุ่นสเตนเลสสตีล ประมาณ 1 มิลลิเมตรโดยอยู่ที่ 14.3 มิลลิเมตร แต่เส้นผ่านศูนย์กลางขยับขึ้นอีก 1 มิลลิเมตรเป็น 42 มิลลิเมตร ฝาหลัง เม็ดมะยม และปุ่มกด เป็นแบบไทเทเนียมเคลือบด้วย PVD และขอบตัวเรือนก็ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์เช่นกัน มาพร้อมกับสเกลของ Tachymeter
![]() |
![]() |
หน้าปัดถูกสะท้อนถึงความสอดคล้องกับการเป็นสปอนเซอร์ของทีม Visa Cash App Racing Bulls Formula One Team ด้วยการเลือกใช้พื้นหน้าปัดสีหลักเป็นสีขาวที่เรียกว่า Racing White ตัดกับสีน้ำเงินแบบโทนสดใสที่จะทำหน้าที่เป็น Minute Rail อยู่รอบนอกของหน้าปัด รวมถึงชื่อแบรนด์และข้อความที่อยู่ในตำแหน่ง 6 นาฬิกาบนหน้าปัด ส่วนพื้นหน้าปัดย่อยและกรอบของช่องวันที่ตรง 6 นาฬิกามีลวดลายของคาร์บอนไฟเบอร์ปรากฏขึ้นมาอย่างชัดเจน
![]() |
![]() |
สายของนาฬิการุ่นนี้ผลิตจากวัสดุผสมหรือ Hybrid Material ซึ่งเป็นแบบผ้าและยาง พร้อมกับลวดลายที่ดูคล้ายกับพื้นผิวของยางรถแข่ง ขณะที่ End Link หรือหัวสายผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์เช่นกัน
![]() |
![]() |
ในส่วนของกลไกไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงอะไร ยังเป็นรหัส MT5813 เหมือนกับ Black Bay Chrono รุ่นอื่นๆ เป็นกลไกแบบ Manufacture Calibre ซึ่งออกแบบ พัฒนาและผลิตภายในโรงงานของ Tudor ใช้ซิลิคอนใยการผลิตบาลานซ์สปริง และมีความเที่ยงตรงที่ผ่านมาตรฐานของ Chronometer โดยสถาบัน COSC มาพร้อมฟังก์ชั่นจับเวลา Chronograph ที่จับเวลาสูงสุด 45 นาที พร้อมระบบคลัตช์แนวตั้ง และ Column Wheel ซึ่งจะช่วยทำงานให้เที่ยงตรงแม่นยำขึ้น และมีกำลังสำรอง 70 ชั่วโมง
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
Tudor Black Bay Chrono Carbon 25 Ref.M79377KN-0001 มีการผลิตจำนวน 2,025 เรือน ซึ่งตรงนี้ดูได้จากฝาหลัง ซึ่งจะมีการสลักรูปรถแข่ง F1 เอาไว้ และฝั่งหนึ่งจะเป็นตัวเลขของเรือนที่ผลิต ส่วนอีกฝังเป็นจำนวนที่ผลิตทั้งหมด ซึ่งก็คือ 2,025 เรือน ส่วนราคาอยู่ที่ 271,400 บาท ถูกกว่ารุ่นตัวเรือนและสายสตีลแบบ 5 แถวเพียงเล็กน้อย
รายละเอียดทางเทคนิค : Tudor Black Bay Chrono Carbon 25
-
เส้นผ่านศูนย์กลาง : 42 มิลลิเมตร
-
ความหนา : 14.3 มิลลิเมตร
-
วัสดุตัวเรือน : คาร์บอนไฟเบอร์
-
วัสดุสาย : แบบไฮบริด ผสมระหว่างหนังกับยาง หัวสาย End-Link ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์
-
กระจก : Sapphire
-
กลไก : Calibre MT5813 มีความเที่ยงตรงระดับ Chronometer พร้อมฟังก์ชั่นจับเวลา
-
ความถี่ : 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง
-
กำลังสำรอง : 70 ชั่วโมง
-
การกันน้ำ : 200 เมตร
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/
YouTube Channel : https://www.youtube.com/channel/anadigionline