TAG Heuer เข้าร่วมการแข่งขัน F1 ในฐานะผู้จับเวลาอย่างเป็นทางการในปี 2025 พร้อมกับเปิดตัวนาฬิกา F1 Chronograph รุ่นใหม่ ที่สื่อให้เห็นถึงความสำเร็จของคอลเล็กชั่น F1 ในโลกมอเตอร์สปอร์ต ด้วยตัวเรือนขนาด 44 มิลลิเมตรผลิตจากไทเทเนียม เกรด 2 พร้อมขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติ Calibre 16 ซึ่งจะมีจำหน่ายด้วยกัน 4 รุ่น และหนึ่งในนั้นเป็นรุ่นพิเศษ Red Bull Racing
TAG Heuer F1 Chronograph 2025 เปลี่ยนโฉมใหม่บนตัวเรือนไทเทเนียม
-
นาฬิการุ่นใหม่ที่สื่อถึงความสำเร็จของคอลเล็กชั่น F1 ในโลกมอเตอร์สปอร์ต โดยเฉพาะ F1
-
ตัวเรือนขนาด 44 มิลลิเมตรผลิตจากไทเทเนียม เกรด 2 พร้อมขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติ Calibre 16
-
มีจำหน่ายด้วยกัน 4 รุ่น และหนึ่งในนั้นเป็นรุ่นพิเศษ Red Bull Racing
F1 ถือเป็นอีกคอลเล็กชั่นที่สร้างชื่อให้กับ TAG Heuer มาตั้งแต่ทศวรรษที่ 1980 อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงการเชื่อมโยงกันระหว่างแบรนด์กับโลกแห่งความเร็ว และในปี 2025 นี้ นอกจากการที่ TAG Heuer จะกลับมาเป็นผู้จับเวลาหลักของการแข่งขัน Formula 1 แล้ว นาฬิกา F1 Chronograph รุ่นใหม่ยังได้ถูกเปิดตัวออกมาแล้ว พร้อมกับความเปลี่ยนแปลงในเชิงดีไซน์ แต่ยังคงความสวยสปอร์ตเอาไว้เช่นเดิม โดยจะมีจำหน่ายทั้งรุ่นปกติ และรุ่นพิเศษที่เป็นการทำงานร่วมกันของ TAG Heuer กับทีมแข่ง F1 อย่าง Red Bull Racing
TAG Heuer เปิดตัวคอลเลกชั่น Formula 1 หรือ F1 ครั้งแรกในปี 1986 ถือเป็นนาฬิกาควอตซ์หลากสีสันซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากโลกของมอเตอร์สปอร์ต ถือเป็นคอลเลกชั่นใหม่ทั้งหมดชุดแรกหลังจากที่ Technique d’Avant-Garde ซึ่งปัจจุบันคือ TAG เข้าซื้อกิจการบริษัทนาฬิกา Heuer และเนื่องจากการแข่งรถถือเป็นส่วนหนึ่งของ DNA ของทั้งสองบริษัทมาช้านาน จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่คอลเลกชั่นใหม่ชุดแรกจะสะท้อนถึงความหลงใหลที่เหมือนกัน
และในช่วงปลายทศวรรษนั้น เวอร์ชัน Chronograph รุ่นแรกของ F1 ก็ได้รับการเปิดตัว ทำให้นาฬิการุ่นนี้ได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง แถมในช่วงนั้น TAG Heuer ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์กับ McLaren-Honda ยังได้ Ayrton Senna มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ก็ยิ่งทำให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม F1 ได้หยุดการผลิตไปช่วงใหญ่ๆ ระหว่างปี 2000 ถึง 2004 ก่อนที่จะกลับมาอีกครั้งในปี 2015 พร้อมการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของรูปลักษณ์ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากนาฬิกาคอลเล็กชั่น Autavia ของ TAG Heuer
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
สำหรับปี 2025 TAG Heuer นำ F1 Chronograph กลับมาอีกครั้งพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงของรูปลักษณ์ด้วยตัวเรือนทรงสปอร์ตที่มีขาสายสั้น และผลิตจากไทเทเนียม เกรด 2 โดยตัวเรือนมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 44 มิลลิเมตร พร้อมกับปุ่มกดจับเวลา หรือ Pusher ที่มีรูปทรงกลมกลืนไปกับตัวเรือน โดยจะมีขอบตัวเรือนแบบยึดตายตัว หรือ Fixed Bezel ที่อินเสิร์ตผลิตจากอะลูมิเนียมในรุ่นธรรมดา หรือคาร์บอนไฟเบอร์สำหรับรุ่นพิเศษ โดยรุ่นที่จำหน่ายในช่วงแรกจะประกอบด้วย
- CBZ2082.FT8096 – ตัวเรือนไทเทเนียม หน้าปัดดำตัดด้วยขอบและเข็มวินาทีสีแดง สายยางสี
- CBZ2085.FT8093 – ตัวเรือนไทเทเนียมเคลือบ DLC หน้าปัดดำตัดด้วยขอบและเข็มวินาทีสีแดง สายยางสีแดง
- CBZ2084.FT8097 – ตัวเรือนไทเทเนียมเคลือบ DLC หน้าปัดดำตัดด้วยขอบและเข็มวินาทีสีน้ำเงิน สายยางสีดำ
- CBZ2080.FT8091 – รุ่นพิเศษ Oracle Red Bull Racing Edition ซึ่งจะมีการใช้สีเหลือง แดง และน้ำเงินซึ่งเป็นสีประจำทีมในการตกแต่งตามรายละเอียดบนตัวนาฬิกา และฝาหลังจะมีการสลักชื่อทีมเพื่อสื่อถึงความพิเศษ โดยเป็นนาฬิการุ่นพิเศษ ไม่ได้มีการผลิตจำกัด
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
ทุกรุ่นขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชั่นจับเวลาในรหัส Calibre 16 ซึ่งเป็นการต่อยอดมาจาก Sellita SW-510 เดินด้วยความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง และมีกำลังสำรอง 42 ชั่วโมง โดยสามารถจับเวลาได้สูงสุด 12 ชั่วโมง ซึ่งจะมีหน้าปัดย่อยจับเวลา 30 นาทีอยู่ในตำแหน่ง 12 นาฬิกา และจับเวลา 12 ชั่วโมงอยู่ในตำแหน่ง 6 นาฬิกา
![]() |
![]() |
![]() |
สำหรับราคาของ TAG Heuer F1 Chronograph 2025 ถ้าเป็นรุ่นพื้นฐานจะอยู่ที่ 4,600 ยูโร รุ่นไทเทเนียมเคลือบ DLC อยู่ที่ 4,800 ยูโร และรุ่นพิเศษอยู่ที่ 5,300 ยูโร ส่วนการทำตลาดจะเริ่มในเดือนมิถุนายนนี้
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
สำหรับราคาของ TAG Heuer F1 Chronograph 2025 ถ้าเป็นรุ่นพื้นฐานจะอยู่ที่ 4,600 ยูโร รุ่นไทเทเนียมเคลือบ DLC อยู่ที่ 4,800 ยูโร และรุ่นพิเศษอยู่ที่ 5,300 ยูโร ส่วนการทำตลาดจะเริ่มในเดือนมิถุนายนนี้
รายละเอียดทางเทคนิค : TAG Heuer F1 Chronograph 2025
- เส้นผ่านศูนย์กลาง : 44 มิลลิเมตร
- Lug to Lug : 47.3 มิลลิเมตร
- ความหนา : 14.1 มิลลิเมตร
- วัสดุตัวเรือน : ไทเทเนียม เกรด 2
- กระจก : Sapphire
- กลไก : Calibre 16 อัตโนมัติ พร้อมฟังก์ชั่นจับเวลาสูงสุด 12 ชั่วโมง
- ความถี่ : 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง
- กำลังสำรอง : 48 ชั่วโมง
- การกันน้ำ : 200 เมตร
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/
YouTube Channel : https://www.youtube.com/channel/anadigionline