Tag Heuer F1 Caliber 16 Max Verstappen รุ่นพิเศษเพื่อแฟนนักแข่งดัตช์

0

สำหรับแฟนๆ F1ช่วงนี้มีของใหม่ออกมาให้สัมผัสกันอีกแล้ว เมื่อ แทค ฮอยเออร์ (Tag Heuer)เปิดตัว Special Edition รุ่นใหม่เอาใจแฟน Max Verstappen โดยผลิตบนพื้นฐานของ Tag Heuer F1 Caliber 16

- Advertisement -

Tag Heuer F1 Caliber 16 Max Verstappen

Tag Heuer F1 Caliber 16 Max Verstappen รุ่นพิเศษเพื่อแฟนนักแข่งดัตช์

  • รุ่นพิเศษของ Max Verstappen นักแข่ง F1 ชาวดัตช์

  • ผลิตบนพื้นฐานของรุ่นF1 Caliber 16

  • มีเพียง 333 เรือนเท่านั้น

ถือเป็นอีกหนึ่งดาวรุ่งที่มาแรงตั้งแต่ปีที่แล้วสำหรับ Max Verstappenนักแข่ง F1ชาวดัตช์ที่เป็นลูกชายของ Jos Verstappen อดีตเพื่อนร่วมทีมของ Michael Schumacher สมัยที่อยู่ในทีม Benetton โดยทางTag Heuer ที่เป็นพาร์ทเนอร์ให้กับทีม Red Bull Racing เปิดตัวเวอร์ชันพิเศษโดยใช้พื้นฐานของรุ่นF1 Chronograph Caliber 16โดยจะมีการผลิตออกมาเพียง 333 เรือนซึ่งอ้างอิงจากตัวเลข 33 ที่เป็นหมายเลขประจำตัวของ Max ในซีซั่นนี้

Tag Heuer F1 Caliber 16
Max Verstappen of Netherlands and Red Bull Racing prepares to drive F1 car during the F1 Show Run in Graz, Austria on June 26, 2019

Tag Heuer F1 Caliber 16

ความแตกต่างเมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นธรรมดาแล้ว มีให้เห็นอย่างชัดเจนจากรูปลักษณ์ภายนอก เช่นขอบ Bezel ที่เป็นสเกลของ Tachymeter มีการพิมพ์คำว่า Max Verstappenเอาไว้ตรงพื้นที่ 0-3 น. เข็มชั่วโมงนาที และหลักชั่วโมงจะถูกแทรกกลางด้วยแถบสีแดง ฝาหลังมีการสลักลายสัญลักษณ์ของทีม Red Bull Racing และในขณะที่ข่าวบอกมาว่าจะมีการผลิต 333 เรือน ส่วนอีกจุดที่เพิ่มความพิเศษคือ ข้อกลางเป็นแบบเซรามิก

Tag Heuer F1 Caliber 16Tag Heuer F1 Caliber 16Tag Heuer F1 Caliber 16Tag Heuer F1 Caliber 16

ในแง่ของรายละเอียดทางเทคนิคนั้นไม่ได้แตกต่างอะไรจากF1 Chronograph Caliber 16 ซึ่งเป็นกลไกที่ถูกนำมาใช้ตั้งแต่ปี 2015 และมีพื้นฐานมาจากกลไก Valjoux 7750 โดยใน Caliber 16 จะเดินด้วยความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง หรือ 4 Hz สามารถสำรองพลังงานได้ 42 ชั่วโมง และมีฟังก์ชั่นจับเวลา โดยวงย่อยจับเวลา 30 นาทีจะอยู่ในตำแหน่ง 12 นาฬิกา และจับเวลา 12 ชั่วโมงในตำแหน่ง 6 นาฬิกา ส่วนตำแหน่ง 9 นาฬิกาเป็นเข็มวินาทีของระบบเวลาหลัก โดยตัวเรือนของนาฬิกาผลิตจาก Stainless Steel มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 44 มิลลิเมตร และขอบ Bezelผลิตจากเซรามิก พร้อมฝาหลังแบบขันเกลียว และกระจก Sapphire

จำนวนผลิต 333 เรือนและมีราคาอยู่ที่ 3,100 ยูโร หรือราวๆ 100,000 บาท แต่เห็นแล้วก็น่าเสียดาย น่าจะเวอร์ชัน Alex Albon ผลิตออกมาเอาใจแฟนๆ ชาวไทยบ้าง เพราะช่วงนี้ผลงานของ AA23 ฮ็อตเอาเรื่อง