TAG Heuer Carrera Plasma Diamant d’Avant-Garde 36 มาพร้อมกับความใหม่ในด้านการผลิตนาฬิการะดับหรูหรา เพราะนี่คือครั้งแรกที่ TAG Heuer นำเพชรที่ถูกสังเคราะห์ขึ้นจากห้องแล็บด้วยกรรมวิธี CVD พร้อมกับมีการย้อมสี มาใช้ในการผลิตตามจุดต่างๆ ของนาฬิกา โดยเฉพาะในส่วนของหน้าปัด หลักชั่วโมง แต่ที่เด่นสุดคือ เม็ดมะยม
TAG Heuer Carrera Plasma Diamant d’Avant-Garde 36 อร่ามตาด้วยประกายอัญมณี
-
นาฬิกาสุดพิเศษบนตัวเรือน 36 มิลลิเมตรที่ผลิตจาก White Gold
-
มีการนำเทคนิคการผลิตเพชรแบบ CVD หรือ Chemical Vapor Deposition มาใช้กับนาฬิกาเรือนนี้
-
ขับเคลื่อนผ่านทางกลไกอัตโนมัติ Calibre 7 ส่วนราคายังไม่เปิดเผยในตอนนี้
ที่ผ่านมาเราอาจจะไม่ค่อยคุ้นกับการนำเสนอนาฬิกาของ TAG Heuer กับอารมณ์ Bling Bling ด้วยความแวววาวของประกายเพชรที่ถูกประดับอยู่บนหน้าปัดมากสักเท่าไร แต่ในงาน Watches and Wonders 2023 ที่ผ่านมา ทางแบรนด์ได้สร้างความน่าตื่นตาตื่นใจกับนาฬิกาเรือนใหม่อย่าง
TAG Heuer Carrera Plasma Diamant d’Avant-Garde 36 ที่ไม่ได้เป็นแค่การนำเพชรมาประดับอยู่บนหน้าปัดหรือส่วนใดส่วนหนึ่ง แต่ยังเป็นการนำเสนอในแง่ของเทคนิคการผลิตที่นำเพชรมาเป็นส่วนหนึ่งในการทำงาน เช่นเดียวกับแหล่งที่มาของเพชรสีซึ่งถูกสร้างขึ้นภายในห้องแล็บ หรือ Colored Lab-Grown Diamond
นาฬิกาเรือนนี้ถูกสร้างสรรค์ขึ้นบนตัวเรือนไซส์เล็กสำหรับสุภาพสตรีของ Carrera ซึ่งมีขนาด 36 มิลลิเมตร และเติมความหรูหราอย่างเต็มพิกัดกับการผลิตจาก White Gold แต่นั่นยังไม่น่าตื่นตาตื่นใจเท่ากับการนำเทคนิคการผลิตเพชรที่เรียกว่า CVD หรือ Chemical Vapor Deposition ซึ่งถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกสำหรับนาฬิกาของ TAG Heuer
กระบวนการนี้คือการสังเคราะห์เพชร ซึ่งตามปกติแล้วเพชรที่ปลูกในห้องแล็บถือว่าเป็นเพชรแท้ มีคุณสมบัติ ทางเคมี กายภาพ อะตอม แสง และคุณสมบัติทั้งหมดเหมือนกับเพชรธรรมชาติ ซึ่งเพชรที่ปลูกในห้องแล็บเป็นเพชรที่ผลิตขึ้นโดยการจำลองลักษณะเฉพาะของผลึกเพชรธรรมชาติ สำหรับเพชรที่ปลูกในห้องแล็บจะผลิตโดยวิธีการตกตะกอนไอเคมี CVD เนื่องจากเพชรสังเคราะห์มีโครงสร้างและองค์ประกอบทางเคมีเหมือนเพชรธรรมชาติ ส่งผลให้คุณสมบัติของเพชรสังเคราะห์เหมือนกับเพชรธรรมชาติ
นอกจากนั้น ในระหว่างผลิต TAG Heuer ยังนำกระบวนการสร้างสีสันให้กับเพชรขนาด 1.4 กะรัตให้ออกมาในโทนสีชมพูและขาวอีกด้วย โดยเชื่อว่าในอนาคต อุตสาหกรรมนาฬิกาจะมีการใช้เพชรที่ถูกย้อมสีจากในห้องแล็บ หรือ Colored Lab-Grown Diamond กันมากขึ้น
สิ่งที่น่าสนใจคือการนำเพชรสีขาวที่ถูกสร้างขึ้นจากในห้องแล็บมาใช้ในการเพิ่มความหรูด้วยการตกแต่งทั้งบนหน้าปัดซึ่งจะมีจำนวนทั้งหมด 2.9 กะรัต และหลักชั่วโมงจะผลิตจากเพชรแบบ Baguette-Cut ล้อมรอบด้วยกรอบที่ผลิตจาก White Gold โดยที่สัญลักษณ์ของแบรนด์และเม็ดมะยมจะผลิตจากเพชรสีชมพูที่มีขนาด 1.3 กะรัต
ตัวนาฬิกาขับเคลื่อนผ่านทางกลไกอัตโนมัติ Calibre 7 ที่อ้างอิงพื้นฐานมาจากกลไก ETA-2892 หรือ Sellita SW-300 เดินด้วยความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง และมีกำลังสำรอง 56 ชั่วโมง
สำหรับรายละเอียดและราคาของนาฬิกาเรือนนี้ ยังไม่ได้มีการเปิดเผยออกมาในตอนนี้
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/
YouTube Channel : https://www.youtube.com/channel/anadigionline