Squale Master x Marina Militare ความพิเศษบนตัวเรือนสุดคลาสสิค

0

Squale ฉลองความร่วมมือกับกองทัพเรืออิตาลีที่ Squlae เคยเป็นนาฬิกาประจำหน่วยในช่วงต้นทศวรรษที่ 1980 ด้วยการผลิตนาฬิการุ่นพิเศษที่เรียกว่า Squale Master x Marina Militare มาพร้อมตัวเรือนทรง Master ที่ถือเป็นตัวเรือนทรงเอกลักษณ์ของแบรนด์ พร้อมความสามารถในการกันน้ำ 1,200 เมตร

- Advertisement -

Squale Master x Marina Militare ความพิเศษบนตัวเรือนสุดคลาสสิค

  • ฉลอง 40 ปีของการเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพเรืออิตาลีที่ Squlae เคยเป็นนาฬิกาประจำหน่วย

  • สร้างขึ้นบนรูปทรงของตัวเรือน Master ซึ่งถือเป็นตัวเรือนนาฬิกาที่สร้างชื่อและเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์

  • ผลิตเพียง 300 เรือนพร้อมความสามารถในการกันน้ำ 1,200 เมตร

Squale แบรนด์นาฬิกาที่มีจุดกำเนิดในเรื่องของการเป็นผู้ผลิตตัวเรือนและชิ้นส่วนให้กับผู้ผลิตนาฬิกาในสวิตเซอร์แลนด์ นำเสนอความน่าสนใจของนาฬิกาดำน้ำรุ่นใหม่ที่มีการผลิตออกมาเพียง 300 เรือน เพื่อระลึกถึงการทำงานร่วมกับกองทัพเรืออิตาลี หรือ Marina Militare ที่พวกเขาเคยทำงานร่วมกันเมื่อ 40 ปีที่แล้ว ซึ่งในครั้งนี้เป็นการเปิดตัวนาฬิการุ่นพิเศษที่มีชื่อว่า Squale Master x Marina Militare

ในช่วงเริ่มต้นของนาฬิกาดำน้ำต้องบอกว่า Squale อยู่เบื้องหลังและความสำเร็จของแบรนด์ดังๆ ในช่วงทศวรรษที่ 1950-1960 เพราะพวกเขารับหน้าที่ในการผลิตตัวเรือนและชิ้นส่วนสำหรับนาฬิกาดำน้ำในยุคนั้น จนกระทั่งเมื่อถึงปี 1959 Charles Von Buren จึงพาชื่อนี้มายืนอยู่ข้างหน้าบ้างด้วยการผลิตนาฬิกาภายใต้แบรนด์ Squale ออกมา โดยมีสัญลักษณ์ของแบรนด์เป็นรูปปลาฉลาม ซึ่งชื่อนี้เป็นภาษาอิตาลีและมีความหมายถึงปลาฉลาม

Squale Master x Marina Militare ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ของแบรนด์กับกองทัพเรืออิตาลี หรือ Marina Militare ซึ่งเริ่มต้นขึ้นในช่วงต้นทศวรรษที่ 1980 ซึ่งนาฬิกาของ Squale ได้รับเลือกให้เป็นนาฬิกาคู่กายของทีมงานในหน่วยงาน La Spezia Scuba Diving Group ของกองทัพเรืออิตาลี ซึ่งทางแบรนด์ได้มีการออกแบบและปรับปรุงสเป็กที่มีรูปแบบเฉพาะเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการ

สิ่งที่น่าสนใจคือ นาฬิการุ่นนี้ถูกสร้างขึ้นบนรูปทรงของตัวเรือนที่เรียกว่า Master ซึ่งถือเป็นตัวเรือนนาฬิกาที่สร้างชื่อและเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ด้วยรูปทรงที่สวยและสะดุดตารวมถึงความสามารถในการใช้งานได้อย่างลงตัวภายใต้ทุกสภาพแวดล้อม ที่สำคัญถือเป็นตัวเรือนแบบแรกๆ ที่ Von Buren ออกแบบด้วยตัวเองในช่วงทศวรรษที่ 1960 จนทำให้ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักดำน้ำชื่อดังทั่วโลก เช่น Enzo Maiorca และ Jacques Mayol ที่สำคัญตัวนาฬิกาเองมีสเป็กที่เหนือจากนาฬิกาทั่วไป ด้วยตัวเลขการกันน้ำที่ลึกมากกว่า 1,000 เมตร

และในช่วงเวลาพิเศษนี้ทาง Squale ได้นำตัวเรือนทรง Master กลับมาอีกครั้งสำหรับการผลิตรุ่นพิเศษนี้ โดยถือเป็นนาฬิกาเรือนกะทัดรัดแต่บึกบึน เพราะตัวเรือนมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางในระดับ 40 มิลลิเมตร แต่มีความหนาถึง 16.5 มิลลิเมตร  ที่สำคัญคือเป็นการสืบทอดตัวเรือนที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์คือ ทรงกลมแบบขายาวและมีเม็ดมะยมอยู่ในตำแหน่ง 4 นาฬิกา

ส่วนอีกฝั่งในตำแหน่ง 9 นาฬิกาจะเป็นที่ตั้งของ HEV-Helium Escapement Valve พร้อมกระจก Sapphire ที่มีความหนาถึง 4 มิลลิเมตรเพื่อให้ตัวนาฬิกาสามารถกันน้ำได้ในระดับถึง 1,200 เมตร และผ่านการรับรองในด้านความทนทานต่อการใช้งานจาก Drass Galeazzi ซึ่งเป็นบริษัทผลิตยานใช้งานใต้น้ำชั้นนำของโลก

หน้าปัดเป็นอีกสิ่งที่โดดเด่น โดยมาในแบบ Sandwich ซึ่งเป็นการนำชิ้นส่วน 2 มาประกบกันและมีเบ้าพรายน้ำทรงกลมกับทรงเหลี่ยมสลับกัน พร้อมทรงสามเหลี่ยมคว่ำในตำแหน่ง 12 นาฬิกา ส่วนบนของหน้าปัดเป็นสีดำด้าน และใช้สารเรืองแสง Super-LumiNova BWG9 และชุดเข็มเป็นทรงแท่งในสไตล์ดาบ หรือ Sword ซึ่งเข็มนาทีจะถูกเน้นให้เด่นเพื่อใช้ร่วมกับขอบตัวเรือนในการจับเวลา (แต่ในรุ่นนี้ไม่มีสเกลจับเวลามาให้บนขอบตัวเรือน) ด้วยการเคลือบสีส้ม โดยขอบตัวเรือนของนาฬิการุ่นนี้จะมาพร้อมอินเสิร์ตแบบสีดำ หรือ Black Bund Insert

กลไกซึ่งทำหน้าที่ในการขับเคลื่อนนาฬิกาจะเป็นอัตโนมัติของ Sellita ในรหัส SW-200 ซึ่งอยู่ในเกรด Elabore มีกำลังสำรองอยู่ในระดับ 38 ชั่วโมง

การทำตลาดจะเริ่มขึ้นในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ โดยมีราคาอยู่ที่ 1,350 ฟรังก์สวิสส์ และมีการผลิตออกสู่ตลาดเพียง 300 เรือนเท่านั้น

รายละเอียดทางเทคนิค : Squale Master x Marina Militare

  • เส้นผ่านศูนย์กลาง : 42 มิลลิเมตร
  • ความหนา : 17 มิลลิเมตร
  • Luf to Lug : 49 มิลลิเมตร
  • ความกว้างขาสาย : 20 มิลลิเมตร
  • วัสดุตัวเรือน : สแตนเลสสตีล 316L
  • กระจก : Sapphire ทรงโดม
  • กลไก : อัตโนมัติ SW-200 Elabore Grade
  • ความถี่ : 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง
  • กำลังสำรอง : 38 ชั่วโมง
  • การกันน้ำ : 1,200 เมตร