Seiko Prospex SBDX045/SLA049 ฉลองอายุ 80 ปี Naomi Uemura

0

เรื่องราวความยิ่งใหญ่ของนักผจญภัยที่ชื่อ Naomi Uemura ยังคงถูกพูดถึง และครั้งนี้เป็นเรื่องราวของการพิชิตยอดเขาทั้ง 5 ทวีปที่ถูกส่งผ่านมายังนาฬิการุ่นพิเศษที่ชื่อว่า Seiko Prospex SBDX045/SLA049

- Advertisement -

Seiko Prospex

Seiko Prospex SBDX045/SLA049 ฉลองอายุ 80 ปี Naomi Uemura

  • นาฬิการุ่นพิเศษเพื่อฉลองปีเกิดให้กับนักผจญผู้ยิ่งใหญ่

  • มาพร้อมตัวเรือนขนาด 44 มิลลิเมตร พร้อมกลไก 8L35

  • ผลิตจำกัดเพียง 1,200 เรือนเท่านั้น

เรื่องราวของนักผจญภัยที่เป็นตำนานของญี่ปุ่นอย่าง Naomi Uemura กับนาฬิการุ่น Captain Willard หรือ Seiko 6105 ยังคงถูกเล่าขานอย่างต่อเนื่อง และในวาระของการฉลองวันเกิดครบรอบ 80 ปีของ Uemura ทาง Seiko ได้เปิดตัวนาฬิการุ่นพิเศษที่เป็น Limited Edition กับ Seiko Prospex SBDX045 สำหรับเวอร์ชันญี่ปุ่น หรือ SLA049 สำหรับเวอร์ชันตลาดโลก โดยจะมีการผลิตออกสู่ตลาดจำนวน 1,200 เรือน

Seiko Prospex

แน่นอนว่านาฬิกาเรือนนี้ถูกสร้างสรรค์จากงาน Re-Creation ของนาฬิกาดำน้ำรุ่นดังของ Seiko อย่าง 6105 ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อปี 2019 เคยมีการเปิดตัวรุ่นหน้าปัดสีดำและผลิต 2,500 เรือนมาแล้วในรหัส SLA033 ส่วนในรุ่น SBDX045 หรือ SLA049 นั้นจะแตกต่างออกไปในหลายจุดอย่างชัดเจนโดยเฉพาะสีและรายละเอียดบนหน้าปัด

Seiko Prospex

เพราะมีการเปลี่ยนใหม่ทั้งการวางตำแหน่งช่อง Date จากเดิมอยู่ในตำแหน่ง 3 นาฬิกามาอยู่ที่ 4.30 น.ชุดเข็มชั่วโมง-นาทีแบบปลายแหลมและเป็นแบบนูนกลาง ขณะที่ของ SLA033 จะเป็นแบบปลายตัดเสมอและแบนเรียบ ส่วนในเรื่องของสีหน้าปัดและขอบตัวเรือนที่ผลิตจากเซรามิก ซึ่งมากับสีน้ำเงินนั้น ได้รับแรงบันดาลใจมาจากท้องฟ้าในมุมมองของ Uemura ที่มองไปยังบรรดาเทือกเขาต่างๆ ซึ่งตัวเขาเองชื่นชอบการปีนภูเขามาก และสามารถพิชิตยอดเขาต่างๆ มากมาย ซึ่งก็รวมถึงเอเวอเรสต์ และมองบลังค์

ขณะที่ตัวเรือนนั้นยังมีจุดที่น่าสงสัยคือ SLA049 จะใช้ตัวเรือนเดียวกับ SLA033 หรือไม่ ? เพราะขณะที่สเป็กซึ่งมีการเปิดเผยออกมานั้น SLA049 จะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางตัวเรือนอยู่ที่ 44 มิลลิเมตร แต่ของ SLA033 จะอยู่ที่ 45 มิลลิเมตร ซึ่งตามหลักการแล้วทั้ง 2 รุ่นไม่ควรจะมีตัวเลขที่ต่างกัน

Seiko Prospex

SBDX031 / SLA033 SBDX045 / SLA049
เส้นผ่านศูนย์กลาง (มม.) 45 44
ความหนา (มม.) 13 13
Lug to Lug (มม.) 49.7 49.3

อย่างไรก็ตาม SBDX045/SLA049 จะมาพร้อมกับตัวเรือนที่ผ่านการขัดแต่งอย่างสวยงาม พร้อมกับมีการเคลือบสาร Super Hard Coating ทั้งตัวเรือนและสายสแตนเลสสตีลที่เป็นแบบ 5 แถวพร้อมบานพับล็อกสายแบบ 3 ทบเพื่อความปลอดภัยในระหว่างใช้งาน โดยในรุ่นนี้จะมีสายยางซิลิโคนสีน้ำที่ถูกออกแบบลวดลายให้ดูเหมือนกับสายยางของนาฬิการุ่นดั้งเดิม

ส่วนฝาหลังแบบทึบนอกจากสัญลักษณ์เกลียวคลื่นที่คุ้นตากันดีแล้ว ยังมีการสลักข้อความเพื่อบ่งบอกถึงความพิเศษในการเป็นนาฬิกา Limited Edition เพื่อระลึกถึงช่วงเวลา 80 ปีของอายุ Uemura เช่นเดียวกับหมายเลขของเรือนที่ผลิตจากจำนวนการผลิตทั้งหมด 1,200 เรือน

Seiko Prospex

ตัวกลไกเป็นรหัส 8L35 ที่ออกแบบโดยช่างนาฬิกาจาก Shizukuishi Watch Studio ทางตอนเหนือของญี่ปุ่น และเป็นกลไกที่ถูกติดตั้งในนาฬิการะดับสูงของ Seiko Prospex หลายรุ่น มีกำลังสำรอง 50 ชั่วโมง พร้อมความสามารถในการกันน้ำ 200 เมตร

Seiko Prospexการเปิดตัวจำหน่ายจะมีขึ้นในเดือนกรกฎาคมที่ญี่ปุ่น โดยราคาป้ายของ SBDX045/SLA049 ที่ญี่ปุ่นจะอยู่ที่ 352,000 เยน และผลิตเพียงแค่ 1,200 เรือนเท่านั้น

รายละเอียดทางเทคนิค : Seiko Prospex SBDX045/SLA049

  • เส้นผ่านศูนย์กลาง : 44 มิลลิเมตร
  • หนา : 13 มิลลิเมตร
  • Lug to Lug : 49.3 มิลลิเมตร
  • ตัวเรือน : Stainless Steel ฝาหลังแบบขันเกลียว
  • กระจก : Sapphire ทรงโค้งพร้อมเคลือบสารกันการสะท้อนแสง
  • กลไก ; 8L35 อัตโนมัติขึ้นลานมือ
  • ความถี่ในการเดิน : 28,800 ครั้งต่อวินาที
  • จำนวนทับทิม : 26 เม็ด
  • กำลังสำรอง : 50 ชั่วโมง
  • ความเที่ยงตรง : +15 ถึง -10 วินาทีต่อวัน
  • ระดับการกันน้ำ : 200 เมตร
  • จำนวนการผลิต : 1,200 เรือน

ใครคือ Naomi Uemura

Seiko Prospex
Naomi Uemura

Uemura เกิดเมื่อปี 1941 และเผชิญกับความท้าทายครั้งแรกในสมัยที่ยังเป็นนักศึกษาด้วยการปีนเขาด้วยวัย 29 ปี โดยเขาได้ปีนเขาทั้งคิลิมันจาโรในแอฟริกา มองบลังค์และแม็ตเตอร์ฮอร์นในยุโรป และในปี 1970 เขาเป็นชาวญี่ปุ่นคนแรกที่พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์  และเพียง 3 เดือนให้หลัง  Uemura ก็สามารถพิชิตยอดเขาเดนาลี หรือแม็กคินเลย์ในสหรัฐอเมริกา และกลายเป็นนักผจญภัยคนแรกที่สามารถพิชิตยอดเขาสูงทั้ง 5 ทวีปได้สำเร็จ

Seiko Prospexนอกจากนั้นในระหว่างปี 1974-1976 Uemura ยังเป็นชาวญี่ปุ่นคนแรกที่ขี่สุนัขลากเลื่อนเพียงคนเดียว (Solo Bobsled) จากกรีนแลนด์ไปยังอลาสก้ารวมระยะทางกว่า 12,500 กิโลเมตรอีกด้วย ซึ่งในครั้งนั้นเขาสวมนาฬิกา Seiko 6105 ร่วมเดินทางจนทำให้นาฬิกาเรือนนี้ถูกพูดถึงกับเรื่องราวความยิ่งใหญ่ของเขาอยู่เสมอ

ในฤดูหนาวปี 1984 เขาประสบความสำเร็จในการปีนเขาเดนาลีในช่วงฤดูหนาว แต่หายตัวไปตลอดกาลอย่างปริศนา โดย Uemura ได้รับรางวัลเกียรติยศแห่งชาติ หรือ National Honor Award หลังการหายตัวไปของเขา และในปีนี้ ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่ Uemura จะมีอายุครบ 80 ปี