Seiko Presage Style ’60 ย้อนยุคพร้อม Power Reserve

โดย

MP4/4

11/05/2022

ทางเลือกใหม่ของ Presage Collection กับนาฬิการุ่น Seiko Presage Style ’60 ที่มีดีไซน์ย้อนกลับไปสู่ความรุ่งเรืองในอดีต และมาพร้อมกับมาตรวัดแสดงกำลังงานสำรอง หรือ Power Reserve Indicator

- Advertisement -

Seiko Presage Style ’60

Seiko Presage Style ’60 ย้อนยุคพร้อม Power Reserve

การเพิ่มทางเลือกใหม่ด้วยรุ่นที่มาพร้อมหน้าปัด Power Reserve Indicator
ตัวเรือนลดลงจากรุ่น 3 เข็มจาก 41.3 มาอยู่ที่ 40.8 มิลลิเมตร
มีจำหน่าย 3 รุ่นย่อยพร้อมกลไก 4R57

ผลผลิตใหม่ของคอลเล็กชั่น Presage จาก Seiko ซึ่งในครั้งนี้คือนาฬิกาในกลุ่ม Style ’60 ที่ถูกออกแบบโดยอ้างอิงจากนาฬิการุ่นดังของ Seiko อย่าง Crown Chronograph รุ่นปี 1964 โดยในตอนนี้มีการเปิดตัว 3 รุ่นใหม่ที่แตกต่าง โดยจะมาพร้อมกับหน้าปัดที่มีมาตรวัดแสดงกำลังงานสำรอง หรือ Power Reserve Indicator

นาฬิการุ่นนี้ถูกเรียกว่า Seiko Presage Style ’60 Center Power Reserve Indicator และจะมีการทำตลาดทั้งหมด 3 รุ่นย่อยทั้งในตลาดต่างประเทศ แต่ตลาดญี่ปุ่นจะมีแค่ 2 รุ่นย่อย

SARY209 (ในตลาดญี่ปุ่น) / SSA447J1 (ตลาดต่างประเทศ) มากับหน้าปัดสีครีม สายสตีล และอินเสิร์ตบนขอบตัวเรือนสีดำ
SARY211 (ในตลาดญี่ปุ่น) / SSA449J1 (ตลาดต่างประเทศ) มากับหน้าปัดสีดำ สายสตีล และอินเสิร์ตบนขอบตัวเรือนสีดำ

ส่วนรุ่นหน้าปัดสีเขียว สายหนัง และอินเสิร์ตบนขอบตัวเรือนสีดำ จะมีขายในตลาดต่างประเทศ และมากับรหัสSSA451J1 ซึ่งในตลาดญี่ปุ่นไม่มีนาฬิการุ่นนี้ในเว็บไซต์ตอนที่เปิดตัว

นาฬิการุ่นนี้ได้รับการออกแบบและมีแรงบันดาลมาจากนาฬิกาจับเวลาเรือนแรกของ Seiko นั่นคือ Crown Chronograph รุ่นปี 1964 และก่อนหน้านี้ในปี 2020 ทาง Seiko ก็ได้มีการเปิดตัวรุ่น 3 เข็มที่ได้รับแรงบันดาลใจจากนาฬิกาคลาสสิครุ่นนี้อย่าง SPB127J1, SPB131J1 and SPB129J1 โดยเฉพาะชุดเข็มชั่วโมงและนาทีที่มาพร้อมกับทรงปลายแหลม ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับขนาดตัวเรือนกันแล้วจะพบว่าในรุ่น Seiko Presage Style ’60 Center Power Reserve Indicator จะมีขนาดเล็กลง เพราะมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 40.8 มิลลิเมตร ขณะที่รุ่น 3 เข็มที่เปิดตัวในปี 2020 มีขนาด 41.3 มิลลิเมตร

ในแง่ของตัวเรือนนั้นยังคงกลิ่นอายและรูปแบบของ Presage Style ’60 ซึ่งในรุ่นใหม่จะมากับตัวเรือนทรงกลมพร้อมขาสายที่ค่อนข้างยาว และบนขอบตัวเรือนจะมากับอินเสิร์ตอะลูมิเนียมที่เป็นสีดำและใช้สีทองบนตัวเลขที่เป็นหลักสำหรับใช้ในการจับเวลา แต่เป็นแบบ Fixed Bezel ไม่สามารถหมุนได้

นอกจากนั้น สิ่งที่เปลี่ยนไปคือรายละเอียดบนหน้าปัด ในรุ่นนี้จะมากับมาตรวัดแสดงระดับกำลังสำรองที่อยู่ในฝั่งซีกขวาของตัวนาฬิกา (เมื่อสวมนาฬิกาข้อมือซ้าย) และตรงกลางจะมาพร้อมกับหน้าปัดย่อยซึ่งทำหน้าที่ในการแสดงวันที่ หรือ Date ผ่านทางเข็ม พร้อมกับฝาหลังแบบใสซึ่งทำให้สามารถมองเห็นกลไกที่อยู่ข้างในได้

แน่นอนว่าในเมื่อมีมาตรวัดแสดงระดับกำลังสำรอง กลไกที่อยู่ข้างในต้องเปลี่ยนตามไปด้วย จากเดิมที่ใช้แบบ 6R35 ซึ่งมีกำลังสำรองระดับ 70 ชั่วโมง ก็ถูกเปลี่ยนมาเป็น 4R57 ที่มีกำลังสำรองอยู่ที่ 41 ชั่วโมง พร้อมคสวามสามารถในการกันน้ำ 50 เมตร

การทำตลาดจะเริ่มในกลางปีนี้ และทุกรุ่นมีราคาอยู่ที่ 670 ยูโร