Seiko King Seiko 2023 ขยายขนาดแต่ลดความหนาพร้อมกลไกใหม่

0

แม้จะเพิ่งเปิดตัวรุ่นใหม่ที่มีการขยายขนาดตัวเรือนเป็น 39 มิลลิเมตรมาได้ไม่นาน ทางด้าน Seiko จัดการปรับปรุงนาฬอการุ่น King Seiko อีกครั้งกับตัวเรือนที่ถูกลดขนาดลงอีกเล็กน้อยในด้านเส้นผ่านศูนย์กลาง แต่ความหนาลดลงมาอยู่ที่ 10.7 มิลลิเมตรเท่านั้น และวางกลไกรหัส 6L35 ที่มีความบาง เดินด้วยความถี่สูงขึ้น

- Advertisement -

Seiko King Seiko 2023

Seiko King Seiko 2023 ขยายขนาดแต่ลดความหนาพร้อมกลไกใหม่

  • การปรับปรุง King Seiko อีกครั้งกับความเพรียวบางของตัวเรือนที่ลดลง

  • ขนาดตัวเรือน 38.6 มิลลิเมตร แต่ความหนาลดลงมาอยู่ที่ 10.7 มิลลิเมตร

  • ขับเคลื่อนด้วยกลไกใหม่แบบ Slime Line ในรหัส 6L35

ในปี 2022 Seiko นำชื่อ King Seiko กลับสู่ตลาดอีกครั้ง โดยคราวนี้มากับตัวเรือนที่มีขนาด 37 มิลลิเมตร แต่หนา 12.1 มิลลิเมตร ส่วนในปีนี้ ทางแบรนด์ขยับตัวครั้งใหม่ให้กับนาฬิกาหรูรุ่นนี้กับ Seiko King Seiko 2023 ที่มีการขยายขนาดตัวเรือนอีกเกือบ 2 มิลลิเมตรแต่ลดความหนาลงในตัวเลขระดับเดียวกัน และใช้กลไกรุ่นใหม่เพื่อรองรับกับความบางของตัวเรือนโดยจะมีจำหน่ายในช่วงแรก 2 รุ่นคือ สีขาวและดำ

Seiko King Seiko 2023

King Seiko รุ่นใหม่เป็นการสร้างสรรค์แบบ Re-Interpretation โดยเป็นการสร้างสรรค์จากรุ่น KSK ที่เปิดตัวในปี 1965 ซึ่งถือแม้ว่าจะเป็น King Seiko รุ่นที่ 2 แต่ก็เป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างมาก และสามารถสร้างนิยามในด้านต่างๆ ของการเป็น King Seiko เอาไว้อย่างครบถ้วน

งานนี้เรียกว่าเป็นการปรับปรุงในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันแบบติดๆ เพราะในปี 2022 King Seiko เปิดตัวมากับรุ่น 37 มิลลิเมตรพร้อมกลไก 6R31 ที่มีกำลังสำรอง 70 ชั่วโมง จากนั้นเมื่อต้นปี Seiko ได้เปิดตัวเวอร์ชันใหม่ที่มากับตัวเรือนขนาด 39 มิลลิเมตร และใช้กลไกใหม่ 6R55 ที่มีกำลังสำรอง 72 ชั่วโมงหรือ 3 วัน ส่วนในรุ่นใหม่นี้แม้ว่าจะเป็นเวอร์ชันปี 2023 เหมือนกันแต่ก็มีสเป็กที่แตกต่างออกไป

Seiko King Seiko 2023

ตัวเรือนและสายผลิตจากสแตนเลสสตีล และมีขนาด 38.6 มิลลิเมตร พร้อมความหนาเพียง 10.7 มิลลิเมตร โดยตรงนี้มีการเปลี่ยนกลไกใหม่มาเป็น 6L35 ซึ่งเป็นกลไกอัตโนมัติแบบ Slim Line ซึ่งมีความหนาลดลง แต่คงประสิทธิภาพในด้านต่างๆ เอาไว้อย่างครบถ้วน

Seiko King Seiko 2023

การออกแบบและผลิตตัวเรือนเต็มไปด้วยความประณีต และในรุ่นใหม่ขาสายมีความเพรียวบางลง ได้รับการขัดแต่งให้มีเหลี่ยมมุมที่สวยและเฉียบคม ขณะที่พื้นที่หน้าตัดด้านบนของตัวขาสายมีความหนาและเป็นแผ่นกว้าง พื้นผิวของตัวเรือนได้รับการขัดเงาและสามารถสะท้อนภาพได้อย่างไม่บิดเบี้ยว มีความเงาแวววาว และช่วยทำให้ตัวนาฬิกาสามารถส่องประกายอย่างเงางามเมื่อมีแสงตกกระทบและช่วยเพิ่มความงามของหน้าปัดได้เป็นอย่างดี

การผสมผสานของตัวเรือนที่มีสันเหลี่ยมพร้อมกับหน้าปัดที่เป็นผิวเรียบ และชุดเข็มที่ได้รับการขัดแต่งจนมีสันเหลี่ยมนูนถือเป็นการสร้างสรรค์ที่ดึงเอาความงามและความประณีตที่ปรากฏอยู่ในนาฬิกา KSK รุ่นดั้งเดิมในปี 1965

การทำตลาดมี 2 รุ่นจาก 2 สีหน้าปัด คือ

  • SDKA005 สำหรับตลาดญี่ปุ่น หรือ SJE089 สำหรับตลาดโลก มากับหน้าปัดสีขาว ใช้เทคนิคการขัดพื้นผิวแบบซันเรย์แบบใหม่ ทำให้มีพื้นผิวที่ดูเรียบง่ายและละเอียดอ่อนกว่าการสร้างสรรค์ที่ใช้ KSK รุ่นก่อน ส่งผลให้ได้รูปลักษณ์ที่ใกล้เคียงกับต้นฉบับมากยิ่งขึ้น
  • SDKA007 สำหรับตลาดญี่ปุ่น หรือ SJE091 สำหรับตลาดโลก มากับหน้าปัดสีดำโทนใหม่ที่ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นมาโดยเฉพาะเพื่อผสมผสานให้เข้ากับการออกแบบตัวเรือนที่มีรูปทรงใหม่ เพื่อความโดดเด่นที่มากขึ้นเมื่อนาฬิกาถูกสวมใส่อยู่บนข้อมือ

การทำตลาดจะเริ่มขึ้นในเดือนกรกฎาคมนี้ โดยราคาจะอยู่ที่ 418,000 เยน วึ่งถือว่าแพงขึ้นจากรุ่นปกติของ King Seiko ร่วมเท่าตัวเลยทีเดียว

Seiko King Seiko 2023 Seiko King Seiko 2023

รายละเอียดทางเทคนิค : Seiko King Seiko 2023

  • เส้นผ่านศูนย์กลาง: 38.6 มิลลิเมตร
  • ความหนา: 10.7 มิลลิเมตร
  • Lug to Lug: 45.5 มิลลิเมตร
  • ตัวเรือน: ผลิตจากสแตนเลสสตีลเคลือบด้วยกรรมวิธี Super-Hard Coating
  • กระจก: แซฟไฟร์แบบยกสูง พร้อมเคลือบสารกันการสะท้อนแสง
  • กลไก: อัตโนมัติ 6L35
  • ความเที่ยงตรง: +15 ถึง -10วินาทีต่อวัน
  • พลังงานสำรอง: 45 ชั่วโมง
  • จำนวนทับทิม: 26 เม็ด
  • การกันน้ำ: 100 เมตร