Rolex เปิดปี 2022 ด้วยเวอร์ชันใหม่ของนาฬิการุ่น GMT-Master II ซึ่งมีการเปลี่ยนสีบนขอบตัวเรือน ย้ายเม็ดมะยมและช่องหน้าต่างวันที่มาอยู่ทางฝั่งซ้าย พร้อมกลไกอัตโนมัติแบบ GMT ที่มีความเที่ยงตรงสูง
Rolex GMT-Master II ขอบเขียวพร้อมเม็ดมะยม Left-Hand
-
เวอร์ชันปี 2022 เพิ่มสีใหม่พร้อมย้ายเม็ดมะยมมาอยู่ฝั่งซ้าย
-
ตัวเรือนขนาด 40 มิลลิเมตร และมีสายให้เลือก 2 แบบ คือ Oyster และ Jubilee
-
ราคาจำหน่ายในบ้านเราอยู่ระหว่าง 391,600-399,100 บาท
การเปลี่ยนแปลงแค่สีของขอบตัวเรือนหรือว่าเข็มอาจจะยังไม่เพียงพอในการสร้างความแตกต่าง ดังนั้น เราจึงได้เห็นอะไรที่แปลกตาและใหม่ล่าสุดจาก Rolex เมื่อพวกเขาเลือกนำรุ่น GMT-Master II มาผลิตเป็นเวอร์ชัน 2022 ด้วยการเพิ่มทั้งสีสันใหม่อย่างสีเขียว และย้ายฝั่งเม็ดมะยมจากด้านขวามาอยู่ทางด้านซ้ายหรือ Left-Hand Version
แน่นอนว่าที่ผ่านมาเรารู้จักกับนาฬิการุ่นนี้นับจากปี 1955 ในเวอร์ชันที่เรียกว่า ‘Pepsi’ กับขอบตัวเรือนสีแดง-น้ำเงิน หรือ ‘Coke’ สำหรับรุ่นที่มีขอบตัวเรือนสีแดงและดำ หรือน้ำตาล-ดำในชื่อ ‘Root Beer’ รวมถึงเวอร์ชันอย่าง ‘Batman’ ที่มีขอบตัวเรือนเป็นสีดำ-น้ำเงิน แต่สำหรับรุ่นใหม่นี้มีขอบตัวเรือนสีเขียวจับคู่กับสีดำ และจึงไม่น่าแปลกใจที่บรรดาแฟนๆ จะตั้งฉายาของนาฬิกาเรือนนี้เอาไว้ว่า ‘Sprite’ ตามยี่ห้อน้ำอัดลมที่เราคุ้นเคยกัน
โดยอินเสิร์ตบนขอบตัวเรือนแบบเขียว-ดำของนาฬิกาเรือนนี้ผลิตจากวัสดุอย่าง Cerachrom และมีขอบสเกลในแบบ 24 ชั่วโมงเพื่อทำงานร่วมกับเข็ม GMT ที่มากับสีเขียว ซึ่งครึ่งแรกของวัน หรือ Daytime จะถูกใช้สีเขียวเพื่อแสดงถึงช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้น ส่วนครึ่งหลังของวันหรือ Nighttime จะเป็นสีดำ โดยขอบตัวเรือนสามารถหมุนได้ 2 ทิศทาง
สิ่งที่เกิดขึ้นกับ Rolex GMT-Master II Left-hand ที่มากับรหัส Ref.126720VTNR นอกเหนือจากเรื่องของสีสันบนขอบตัวเรือนที่เปลี่ยนไปแล้ว ก็คือ การย้ายเม็ดมะยมที่ปกติมักจะอยู่ที่ฝั่งขวามือมาอยู่ที่ฝั่งซ้ายขณะที่ตัวเรือนซึ่งผลิตจากสแตนเลสสตีลยังมีขนาดเท่าเดิม คือ เส้นผ่านศูนย์กลาง 40 มิลลิเมตร ขณะที่ช่อง Date ในการแสดงวันที่นั้นก็ย้ายจากตำแหน่ง 3 มาอยู่ที่ 9 นาฬิกาด้วยเช่นกัน นอกจากนั้น เพื่อความชัดเจนในการมองเห็นเวลาอยู่ในที่มืด บนหลักชั่วโมง และชุดเข็มต่างๆ จะมีการแต้มสารเรืองแสงที่เรียกว่า Chromalight ซึ่งมีประสิทธิภาพในการส่องสว่างที่ยอดเยี่ยมแม้อยู่ในที่ซึ่งมีแสงน้อย
นับจากปี ในปี 1982 Rolex ได้เปิดตัว GMT-Master II ที่มาพร้อมกลไกการทำงานที่ทำให้เข็มแสดงชั่วโมงถูกปรับตั้งได้อย่างเป็นอิสระจากเข็มนาฬิกาอื่น ด้วยเข็มแสดงชั่วโมง นาที และวินาทีแบบดั้งเดิมที่ปลายเข็มนาฬิกาเป็นรูปสามเหลี่ยม 24 ชั่วโมง ทำงานร่วมกับสเกลแสดงเวลา 24 ชั่วโมงบนขอบตัวเรือนแบบหมุนได้สองทิศทาง GMT-Master II สามารถแสดงเวลาตามเวลาท้องถิ่นและเวลาอ้างอิง หรือเวลาท้องถิ่นและเขตเวลาอื่นได้ตามต้องการ วันที่ยังสอดคล้องกับเวลาในท้องถิ่น
Rolex GMT-Master II Left-hand มีความสามารถในการกันน้ำที่ 100 เมตร (330 ฟุต) ตัวเรือนตรงกลางรังสรรค์ขึ้นจากแท่ง Oystersteel อัลลอยที่ทนทานต่อการผุกร่อนเป็นพิเศษ ด้านหลังตัวเรือนที่เซาะเป็นร่องเจาะยึดด้วยเครื่องมือพิเศษ มีเพียงช่างทำนาฬิกาของ Rolex เท่านั้นที่สามารถเปิดดูกลไกภายใน เม็ดมะยม Triplock ที่ติดตั้งระบบกันน้ำสามชั้นเจาะยึดด้วยสกรูเข้ากับตัวเรือนไว้อย่างแน่นหนาพร้อมการ์ดป้องกันเม็ดมะยมภายใน โดยในรุ่นนี้จะมีให้เลือกทั้งสายแบบ Jubilee และแบบ Oyster ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้า
สาย Oyster ถูกพัฒนาขึ้นมาอย่างต่อเนื่องนับจากปี 1930 และในรุ่นใหม่มาพร้อมชุดตัวล็อกนิรภัยแบบพับ Oysterlock ที่ออกแบบและได้รับการจดสิทธิบัตรโดย Rolex เพื่อป้องกันสายนาฬิกาเลื่อนเปิดออกโดยไม่ได้ตั้งใจ และยังประกอบด้วยระบบขยายสาย Easylink ที่พัฒนาโดยแบรนด์ ซึ่งช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถปรับเพิ่มความยาวของสายประมาณ 5 มม. ได้โดยง่าย นอกจากนี้ระบบยึดติดแบบซ่อนยังทำให้สายนาฬิกาและตัวเรือนเชื่อมต่อกันอย่างแนบสนิทไร้รอยต่อ
ตัวกลไกที่ขับเคลื่อนเป็นอัตโนมัติที่ผ่านมาตรฐานความเที่ยงตรงในระดับ Chronometer ของสถาบัน COSC เป็นกลไกแบบ Perpetual มีฟังก์ชั่น GMT ในรหัส 3285 ใช้ใยนาฬิกาที่ผลิตจาก Parachrom สีฟ้าต้านสนามแม่เหล็ก ตัวดูดซับแรงกระแทก Paraflex สมรรถนะสูง ชุดเข็มสามารถปรับตั้งเข็มแสดงชั่วโมงได้อย่างรวดเร็วแยกต่างหาก วันที่จะปรากฎทันที การหยุดวินาทีเพื่อการตั้งเวลาได้อย่างแม่นยำ และสามารถสำรองพลังงานได้นานถึง 70 ชั่วโมง
สำหรับราคาจำหน่ายของ Rolex GMT-Master II Left-hand จะมีจำหน่ายทั้ง 2 แบบคือ สาย Jublilee ราคา 399,100 บาท และสาย Oyster มีราคาอยู่ที่ 391,600 บาท
รายละเอียดทางเทคนิค : Rolex GMT-Master II Left-hand
- รหัส :126720VTNR
- เส้นผ่านศูนย์กลาง : 40 มิลลิเมตร
- ตัวเรือน : สตีล ตัวเรือนตรงกลาง Monobloc, ด้านหลังตัวเรือนและเม็ดมะยมที่ยึดด้วยสกรู
- กระจก : Sapphire
- กลไก : 3285 อัตโนมัติ Perpetual พร้อมฟังก์ชั่น GMT
- ความเที่ยงตรง : -2/+2 วินาที/วัน หลังจากงานประกอบตัวเรือน
- กำลังสำรอง : 70 ชั่วโมง
- การกันน้ำ : 100 เมตร
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/
YouTube Channel : https://www.youtube.com/channel/anadigionline