สัมผัสความงดงามของเรือนเวลาหรูระดับโลกจาก ราโด (Rado) แบรนด์นาฬิกาจากสวิตเซอร์แลนด์ ที่ล่าสุด Rico Steiner (ริโค่ สไตเนอร์) รองประธานฝ่ายการตลาดต่างประเทศ ราโด (Rado) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และธีรเนตร ภัทรวุฒิพงศ์ ผู้บริหารแบรนด์ ราโด (Rado) ประเทศไทย ได้จัดงาน Rado Novelties 2025 สุดยิ่งใหญ่ อวดโฉมเรือนเวลาหรูน่าสะสมแห่งปีจากคอลเลกชั่นดัง ไม่ว่าจะเป็น Captain Cook, DiaStar, Centrix, Anatom, True Square และ Lacoupole ให้เหล่าคนรักนาฬิกาได้ยลโฉมพร้อมกันอย่างใกล้ชิด

Rado เผยโฉม Novelties 2025 กับ 6 คอลเล็กชั่น
Rado เปิดตัวนาฬิการุ่นใหม่ที่เป็น Novelties สำหรับปี 2025 ออกมาให้สัมผัสกันแล้ว ซึ่งในกลุ่มนาฬิกาใหม่ของพวกเขามีการเปิดตัวออกมาหลายรุ่นจาก 6 คอลเล็กชั่นหลักของแบรนด์ คือ Captain Cook, DiaStar, Centrix, Anatom, True Square และ Lacoupole โดยทาง Rico Steiner (ริโค่ สไตเนอร์) รองประธานฝ่ายการตลาดต่างประเทศของ Rado ได้เดินทางเข้ามาร่วมพิธีเปิด พร้อมกับสวมเรือนเวลา 2 รุ่นบนข้อมือเพื่อสื่อถึงอดีตและอนาคตที่เชื่อมโยงกัน นั่นคือ นาฬิการุ่น Anaton ปี 1983 ที่เขาได้รับมรดกจากคุณพ่อซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นในการพัฒนาด้านวัสดุอย่างเซรามิกของ Rado และอีกเรือนคือ Captain Cook High-Tech Ceramic Skeleton ซึ่งเป็นเรือนเวลาสปอร์ตที่มาพร้อมกับความสวยงามและนวัตกรรมในด้านวัสดุศาสตร์ตามคอนเซ็ปต์ Master of Materials ของ Rado
- Captain Cook เปิดตัว 3 รุ่น คือ Captain Cook High-Tech Ceramic Skeleton ตามด้วย Captain Cook Over-Pole ที่เป็น Limited Edition ผลิตออกมา 1,962 เรือนตามปีที่คอลเล็กชั่น Captain Cook ถือกำเนิด และปิดท้ายที่ Captain Cook High-Tech Ceramic Chronograph ที่มาพร้อมกับตัวเรือนและสายซึ่งผลิตจาก High-Tech Ceramic มีจำหน่าย 2 สีหน้าปัด พร้อมกลไก R801 ที่เปลี่ยนมาเป็นแบบจับเวลา 3 วงจากเดิมที่เป็นแบบ 2 วง
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
- Anatom จากการเปิดตัวเมื่อปี 1983 การออกแบบที่นับว่าเป็นการปฏิวัติของวงการนาฬิกาและสร้างความฮือฮาไปทั่วโลก ครั้งนี้ Anatom มาพร้อมตัวเรือนและสายที่ผลิตจาก High-Tech Ceramic ที่มีความล้ำสมัย ตัวเรือนมีความโค้งมน สวมใส่สบาย โดยมากับรุ่น R10200152 เป็นการผสมผสานไฮเทคเซรามิกสีดำเข้ากับหน้าปัดเคลือบแล็กเกอร์สีดำสนิท R10203102 รุ่นพลาสม่าไฮเทคเซรามิกหน้าปัดสีเทาเคลือบแล็กเกอร์และข้อต่อตรงกลางตกแต่งด้วยสแตนเลสชุบ PVD สีโรสโกลด์ขัดเงา และรุ่น R10201152 ที่ผสมผสานไฮเทคเซรามิกสีดำเข้ากับหน้าปัดเคลือบแล็กเกอร์สีดำสนิทด้วยเช่นกัน และข้อต่อตรงกลางสแตนเลสขัดเงา
- True Square Automatic Skeleton ความสง่างามทางเทคนิคจากการออกแบบทางเรขาคณิตที่ชัดเจนและแม่นยำ ด้วยหน้าปัดที่มีโครงสร้าง 2 ชั้น โดยมีการตัดกรอบที่ถูกจัดวางอย่างชาญฉลาดทำให้ได้มุมมองที่น่าสนใจของกลไกอัตโนมัติ R808 แบบเปลือยพร้อมสปริงนิวาครอง (Nivachron™) และพลังงานสำรองกว่า 80 ชั่วโมง โดดเด่นด้วยสะพานสองตัวที่วางขนานกันบนหน้าปัดช่วยเน้นย้ำถึงความสวยงามของเทคนิคการทำงาน พร้อมเครื่องหมายบอกเวลาที่มีการเดินของเข็มอย่างพิถีพิถัน และการเคลือบสารเรืองแสงซูเปอร์-ลูมิโนวา (Super-LumiNova®) สีขาว บนเครื่องตำแหน่งบอกเวลาหลักชั่วโมง โดยมี 2 รุ่นด้วยกัน คือ R27196152 ตัวเรือนและเม็ดมะยมพลาสม่าไฮเทคเซรามิกเนื้อแมตต์ และรุ่น R27197152 ตัวเรือนและเม็ดมะยมไฮเทคเซรามิกเนื้อแมตต์
![]() |
![]() |
- DiaStar Original Automatic เปิดตัวใหม่ 3 รุ่น ในขนาดใหม่ที่เล็กลงพร้อมเฉดสีใหม่ คือ R12170343 หนัาปัดขัดเงาสีฟ้าทะเลสาบธารน้ำแข็ง, R12170333 หนัาปัดขัดเงาสีม่วงดอกรักเร่ และ R12170323 หนัาปัดขัดเงาสีเขียวเทอร์ควอยซ์ พร้อมเข็มนาฬิกาชุบโรเดียมเคลือบสารเรืองแสง Super-LumiNova® สีขาว ตัวเรือนทรงรีมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเพียง 30 มม. และมาพร้อมกับกลไก Rado R586 ที่พลังงานสำรองกว่า 48 ชั่วโมง
- อีกรุ่นที่พิเศษ คือ DiaStar Original X Tej Chauhan Special Edition มาในดีไซน์ที่เสมือนหลุดออกมาจากโลกแห่งนิยายวิทยาศาสตร์ ซึ่งนับเป็นผลงานผ่านการร่วมมือกันครั้งที่ 2 ระหว่าง Rado และนักออกแบบชาวอังกฤษ ผู้ซึ่งนำอัตลักษณ์อันโด่งดังของไดสตาร์ (DiaStar) มาออกแบบใหม่ได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ โดดเด่นด้วยขอบตัวเรือนที่ทำจาก Ceramos™ พร้อมเคลือบ PVD สีเหลืองทอง
- Centrix Automatic Diamonds Open Heart โดดเด่นด้วยดีไซน์สไตล์เฟมินีนที่ดึงดูดทุกสายตา ด้วยรายละเอียดอันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมช่องที่เปิดโชว์บนหน้าปัดเพื่อเผยให้เห็นกลไกอันพลิ้วไหวอย่างน่าหลงใหลภายในเรือนเวลา โดย Centrix สื่อถึงการมาจากจักรวาลของนาฬิกา Swiss made ที่เวลาคือการเคลื่อนไหวและเพชรคือดวงดาวที่กำลังส่องแสงอยู่บนท้องฟ้านับเป็นการผสมผสานระหว่างสองวัสดุอันอย่างสแตนเลสสตีลและไฮเทคเซรามิกที่สะท้อนให้เห็นถึงความคลาสสิกและความทันสมัยได้อย่างลงตัว โดยเรือนเวลาจากตระกูลนี้แบ่งเป็นรุ่น ‘Super Jubilé’ จำนวน 2 รุ่น ตัวเรือนสีน้ำตาลรุ่นยอดนิยมสุดหรู R30029942 และตัวเรือนสีขาว R30029932 ที่ตกแต่งหน้าปัดด้วยเพชรแท้จำนวน 86 เม็ด บริเวณส่วนโค้งด้านล่างของสะพานที่ตกแต่งอยู่บนหน้าปัดลวดลายเปลือกหอยมุก และยังมีรุ่น ‘Jubilé’ ที่ประดับเพชรแท้จำนวน 12 เม็ด ได้แก่ เรือนสีขาว R30029922, เรือนสีพลาสม่า R30029912, เรือนสีน้ำตาล R30029902 บนหน้าปัดขนาด 35 มม.
- LaCoupole ความงามสง่าดุจเทพปั้นที่ได้แรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมโดมแบบโค้งในยุคเรเนซองส์ได้ถูกถ่ายทอดโดยนำเอกลักษณ์รูปทรงโดมมาออกแบบให้กลมกลืนไปกับรูปแบบสีของแต่ละรุ่น ด้วยลวดลายคลื่นนูนที่อัดแน่นด้วยแล็กเกอร์แวววาวสร้างเอฟเฟกต์ 3 มิติบนหน้าปัด ขณะที่ตำแหน่งบอกเวลาทำจากเพชรจำนวน 11 เม็ด พร้อมช่องวันที่ที่มีขอบขัดเงาสะท้อนถึงความหรูหราและเปี่ยมเสน่ห์ ด้านสายนาฬิกาทำจากไฮเทคเซรามิกประกอบกับสแตนเลสที่ผสมผสานความสง่างามเข้ากับความสบายในการสวมใส่อย่างสูงสุด มาพร้อมฝาปิดหลังเรือนที่มีรายละเอียดอย่างปราณีตในรูปแบบของมงกุฎจับเหลี่ยมมุมที่เข้ากันกับลวดลายคลื่นบนหน้าปัด มีทั้งหมด 3 รุ่นด้วยกัน คือ R22241703 ตัวเรือนพลาสม่าไฮเทคเซรามิกสีดำขัดเงา, R22242703 ตัวเรือนไฮเทคเซรามิกสีน้ำตาลขัดเงา และรุ่น R22240703 ตัวเรือนพลาสม่าไฮเทคเซรามิกสีขาวขัดเงา
“Rado ยึดมั่นในปรัชญาแห่งการหลอมรวมระหว่างนวัตกรรมด้านวัสดุศาสตร์เข้ากับงานดีไซน์ที่ล้ำสมัย ซึ่งสะท้อนถึงตัวตนของแบรนด์ในฐานะ Master of Materials อย่างแท้จริง งาน Rado Novelties 2025 ครั้งนี้ จึงไม่ใช่เพียงการเปิดตัวนาฬิการุ่นใหม่ หากแต่เป็นการแสดงวิสัยทัศน์ของแบรนด์ ในการสร้างสรรค์เรือนเวลาที่ก้าวล้ำเหนือกาลเวลา ผ่านเทคโนโลยีอันล้ำยุค งานฝีมือระดับสูง และแรงบันดาลใจจากศิลปะและวัฒนธรรมจากหลากหลายมุมโลก เรามีความภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้นำเสนอความงดงามและความเชี่ยวชาญเหล่านี้สู่สายตาชาวไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดสำคัญที่ให้การตอบรับอย่างอบอุ่นเสมอมา” Rico Steiner กล่าว
ทางด้านธีรเนตร ภัทรวุฒิพงศ์ กล่าวเสริมว่า “งาน Rado Novelties 2025 ในวันนี้ ถือเป็นการรวมที่สุดของงานออกแบบและนวัตกรรมไว้ในที่เดียว เราภูมิใจที่ได้นำเสนอเรือนเวลาไฮไลท์หลากหลายรุ่น ทั้งรุ่นใหม่ล่าสุดและรุ่นพิเศษที่สะท้อนถึงวิวัฒนาการของราโด (Rado) ในทุกมิติ เรามั่นใจว่าคนไทยจะสัมผัสได้ถึงความพิถีพิถันในทุกองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นความเบาสบาย ความแข็งแกร่งทนทาน หรือความร่วมสมัยของดีไซน์ ที่สามารถสะท้อนตัวตนและไลฟ์สไตล์ของผู้สวมใส่ได้อย่างลงตัว ราโด (Rado) จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญทั้งเรื่องคุณภาพและสไตล์ในทุกช่วงเวลาของชีวิต”
นอกจากนั้น งานนี้ยังได้รับเกียรติจาก 2 นักแสดงชื่อดัง ได้แก่ อาเล็ก-ธีรเดช เมธาวรายุทธ และ มิ้นท์-รัญชน์รวี เอื้อกูลวราวัตร มาร่วมถ่ายทอดสไตล์อันโดดเด่นผ่านเรือนเวลาดีไซน์หรู รวมถึงเหล่าเซเลบริตี้แฟนคลับแบรนด์ อาทิ อภินรา ศรีกาญจนา, พรรษมน พิริยะเมธา, ภิพัชรา แก้วจินดา, ณรงค์ฤทธิ์ ศรีตลานนท์ และอีกมากมาย
![]() |
![]() |
พบกับเรือนเวลาหรูจากแบรนด์ Rado นาฬิกาคุณภาพมาตรฐานตามแบบฉบับ Swiss made ได้ที่ เคาน์เตอร์ Rado ณ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ตัวแทนจำหน่าย และร้านค้าออนไลน์อย่างเป็นทางการใน Lazada สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02-146-8402 และ Line Official Account @radothailand
#RadoNovelties2025 #Feelit #MasterofMaterials
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/
YouTube Channel : https://www.youtube.com/channel/anadigionline