การสร้างพื้นที่ของคนรัก Oris บนช่องทางออนไลน์ของแบรนด์ภายใต้ชื่อ OSC-Oris Social Club ได้นำไปสู่การผลิตนาฬิกากลุ่มของพวกเขาขึ้นมาภายใต้ชื่อ Oris Social Club Edition ซึ่งทุกเรือนจะใช้พื้นฐานของDivers Sixty-Five ไซส์ 40 มิลลิเมตร แต่แตกต่างกันที่ฝาหลังที่มาพร้อมโลโก้ซึ่งแตกต่างกันไปตามเมืองของกลุ่ม OSC และในเมืองไทยมีการผลิตออกมาแค่ 49 เรือนเท่านั้น
Oris Social Club Edition จะใช่หรือไม่ใช่แฟน Oris นี่คือนาฬิกาที่ไม่ควรพลาด
-
นาฬิกาที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อกลุ่ม OSC หรือ Oris Social Club
-
ใช้พื้นฐานของรุ่น Divers Sixty-Five ไซส์ 40 มิลลิเมตรพร้อมฝาหลังที่มาพร้อมโลโก้ซึ่งแตกต่างกันไปตามเมืองของกลุ่ม OSC
-
ในประเทศไทยซึ่งเป็น OSC Bangkok มีการสั่งทำและจำหน่ายเพียงแค่ 49 เรือนเท่านั้น
การผลิตนาฬิการุ่นพิเศษ นอกเหนือจากตัวนาฬิกาที่นำมาผลิตแล้ว แน่นอนว่ายังจะต้องมีปัจจัยสำคัญอีกอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง นั่นคือ ที่มาหรือเรื่องราวที่สามารถเชื่อมโยงและบิลด์อารมณ์ของแฟนๆ เพื่อให้เกิดอาการกระเป๋าเบาขึ้นมาให้ได้
ซึ่ง Oris Social Club Edition คือ นาฬิกาสุดพิเศษอีกรุ่นที่เรากำลังจะนิยามว่าเป็น ‘นาฬิกาประจำกลุ่มของ Oris Friend’ ก็คงไม่ผิด และบรรดาสมาชิกที่กระจายตัวอยู่ทั่วโลกซึ่งมีมากกว่า 12,000 คนก็คงไม่อยากที่จะพลาดเรือนเวลาที่สามารถเชื่อมโยงพวกเขาเข้ากับแบรนด์อย่างแน่นอน
ก่อนไปถึงตัวนาฬิกา ขอเล่าคร่าวๆ เกี่ยวกับ Oris Social Club หรือ OSC กันก่อน ซึ่งจุดเริ่มต้นของกลุ่มคนรัก Oris นี้เกิดขึ้นประมาณปลายปี 2019 และมีการจัดตั้งขึ้นมาโดยทาง Oris ที่สวิตเซอร์แลนด์เป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการ โดยใช้ Facebook เป็นสื่อกลางในการเชื่อมต่อสมาชิกแต่ละคนที่รักหรือชอบนาฬิกา Oris เข้าด้วยกัน ก่อนที่จะมีการเพิ่มอีกช่องทางคือ Instagram ในเวลาต่อมา
นี่คือกลุ่มคนรัก Oris ที่เป็นทางการเพราะเป็นการสร้างกลุ่มและมีการสนับสนุนจากทางแบรนด์ ส่วนเรื่องบริหารจัดการสมาชิกและคอนเทนต์ ประธานแต่ละกลุ่มจะจัดการกันเอง โดยชื่อของกลุ่มไม่ได้ใช้ประเทศเป็นตัวแทนของกลุ่ม แต่ใช้ชื่อเมืองแทน ซึ่งในตอนแรกจำนวนของกลุ่มมีอยู่ไม่มาก
แต่ในปัจจุบันมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วและมีจำนวนทั้งหมด 36 กลุ่มทั่วโลก โดยกรุงเทพ หรือ OSC Bangkok คือ หนึ่งในนั้นและก่อตั้งขึ้นเมื่อต้นปี 2021 ซึ่งในปัจจุบันคือ กลุ่มที่ใหญ่ที่สุดด้วยจำนวนสมาชิกที่มีมากกว่า 3,000 คน
หลังจากที่แต่ละกลุ่มเริ่มทำงานกันมาได้สักระยะ เมื่อต้นปี 2022 ทาง Oris เองได้มีไอเดียในการผลิตนาฬิกาขึ้นมาสักรุ่นเพื่อเชื่อมโยงบรรดา Oris Friend ในแต่ละเมืองเข้าด้วยกันผ่านทางนาฬิการุ่นนี้ ก่อนที่จะมีการผลิตออกขายผ่านทางช่องทางเฉพาะเพื่อให้มีความพิเศษ ตัวนาฬิกาก็ผ่านการประชุมและเก็บข้อมูลจากบรรดาประธานกลุ่ม OSC จากเมืองต่างๆ ทั่วโลก สำหรับ OSC Bangkok
ซึ่งเป็น 1 ใน 36 กลุ่มก็มีส่วนร่วมในการช่วยเก็บข้อมูลและ Feedback สิ่งเหล่านี้กลับไป จนกระทั่งได้บทสรุปออกมาอย่างที่เห็นนี้กับ Oris Social Club Edition เรือนแรก
ตัวนาฬิกาใช้พื้นฐานของ Divers Sixty-Five ที่ถือเป็นคอลเล็กชั่นวินเทจที่ Oris แนะนำออกสู่ตลาดมาตั้งแต่ปี 2015 ในช่วงที่ Oris เริ่มนำความสำเร็จในอดีตของนาฬิกาดำน้ำรุ่นแรกที่เปิดตัวในปี 1965 กลับมาให้แฟนๆ ยุคใหม่ได้สัมผัสเรื่องราวผ่านทางนาฬิการุ่นใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจ และก็ต้องยอมรับว่านาฬิการุ่นนี้ประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับจากแฟนๆ เป็นอย่างดีจนกระทั่งมีการผลิตรุ่นย่อยออกมามากมาย ซึ่ง Oris Social Club Edition คือ หนึ่งในนั้น
ถือเป็นตัวเลือกที่ทำได้ดี และเชิญชวนให้เป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น
สิ่งที่น่าสนใจคือ รายละเอียดที่อยู่บนหน้าปัดนาฬิกา Oris Social Club Edition มีความแตกต่างจากรุ่นปกติที่มีขายอยู่ในตลาด ตัวนาฬิกาถูกคุมโทนให้อยู่ในแนวขาว-ดำ ช่วยทำให้ดูสะอาดตาและมีความเรียบง่าย แต่สวยงามอย่างมาก อีกทั้งเราไม่ค่อยได้เห็นนาฬิกาของ Oris มาพร้อมกับหน้าปัดขาวบ่อยครั้งสักเท่าไร
ในตอนแรกที่เห็นภาพจากอินเตอร์เนต สารภาพเลยว่าแวบหนึ่งในความคิดมีความเห็นออกมาว่าตัวนาฬิกาค่อนข้างดูจืดชืดนิดๆ จากการที่ทีมออกแบบพยายามคุมโทนด้วยสีขาว-ดำ แต่เมื่อตัวจริงเดินทางมาถึง คำว่า ‘ตัวจริงสวยกว่าปก’ คือ นิยามที่ถูกต้องที่สุด
เอาแค่เรื่องของการเลือกใช้สีสันก่อน ต้องยอมรับว่าขาวดำเป็นคู่สีที่ตัดกันอย่างสุดขั้ว ถือเป็นเรื่องยากที่จะทำให้ดูดี แต่ถ้าทำดีและลงตัว ก็จะสวยมาก ซึ่งทีมออกแบบของ Oris ทำตรงนี้ได้ดี ด้วยผลงานที่กำลังจะบอกว่า สีขาวมีหลายเฉดนะ ไม่ใช่แค่ขาวแบบพื้นๆ อย่างที่คุ้นเคย
อย่างบนหน้าปัด ผมมีความรู้สึกว่าเลือกได้แจ่มมาก ถือเป็นสีขาวที่ออกแนวมีประกายมุขในบางมุมเหมือนกับสีบนตัวถังรถยนต์ที่จะมีเกล็ดเมทัลลิกฝังอยู่ในพื้นผิว ซึ่งในบางมุมเมื่อมีการเอียงของข้อมือจะเห็นเป็นโทนขาวที่มีสีเงินเคลือบอยู่ แต่เมื่ออยู่ท่ามกลางแสงแดด ขาวเดียวกันนี้จะมีสีเหลืองอ่อนๆ เคลือบอยู่จนดูเหมือนกับหน้าปัด Enamel เรียกว่าเป็นการทำให้สีขาวมีลูกเล่นและดูสวยงามขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
แต่สิ่งที่ชื่นชมอีกอย่างคือ ทุกอย่างที่อยู่บนหน้าปัดมีแค่ขาวกับดำเท่านั้น แต่กลับทำให้มีการตัดกันและไม่กลมกลืนไปจนหมด บนหลักชั่วโมงที่เป็นแบบ 3 มิตินูนขึ้นมา มีการเดินด้วยขอบดำตัดกับพื้นหน้าปัด เช่นเดียวกับพวกสเกลบนพื้นที่ระหว่างหลักชั่วโมงและฟอนต์ที่เป็นข้อมูลนาฬิกาก็ใช้สีดำเป็นหลัก แต่สีของพรายน้ำบนหลักชั่วโมงซึ่งเป็นการแต้มด้วยสารเรืองแสง SuperLuminova BW9 ซึ่งสีของพรายน้ำจะออกโทนขาวจั๊วะๆ ก็เลยทำให้ดูแตกต่างและไม่กลืนไปกับพื้นของหน้าปัด
องค์ประกอบโดยรวมตามที่บอกบวกกับอินเสิร์ตขอบตัวเรือนที่เป็นอะลูมิเนียมก็เลยทำให้นาฬิกาเรือนนี้มีความเรียบง่ายแต่กลับโดดเด่นขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ โดยไม่จำเป็นต้องเน้นสีสันที่ฉูดฉาดแต่อย่างใด
ที่สำคัญคือ นาฬิกาเรือนนี้เป็นแบบ No Date ที่ถูกใจผมมากๆ เพราะตามปกติแล้ว Divers Sixty-Five มักจะมาพร้อมกับช่องวันที่ซึ่งต่างตำแหน่งกันออกไป เช่น รุ่น 42 มิลลิเมตรจะอยู่ที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา และ 6 นาฬิกาสำหรับรุ่น 40 มิลลิเมตร ยกเว้นรุ่นพิเศษบางรุ่นของไซส์ก็จะไม่มีช่องวันที่มาด้วย เช่น Divers Sixty-Five Glow
การที่จะบอกว่านาฬิกาเรือนนี้เกิดมาเพื่อคลับเมืองไหนนั้น เราไม่สามารถแยกจากการมองผ่านทางด้านหน้าได้ ต้องถอดนาฬิกาออกจากข้อมือและพลิกดูด้านหลัง ซึ่งแต่ละเมืองแต่ละคลับจะมีสัญลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไป อย่างของกรุงเทพก็จะเป็นภาพลายเส้นของวัดอรุณราชวราราม หรือวัดอรุณ และถูกสลักเอาไว้บนฝาหลังแทนที่สัญลักษณ์ Oris แบบดั้งเดิมที่พบเห็นได้จากรุ่นปกติของ Divers Sixty-Five ซึ่ง Oris Social Club แต่ละเมืองก็จะมีการสลักแตกต่างกันออกไป
อย่างไรก็ตาม นาฬิกาเรือนนี้ไม่ได้เป็น Limited Edition แต่มีความจำกัดในเชิงปริมาณการผลิตอยู่ เพราะก่อนที่จะมีการจำหน่าย ประธานของ OSC แต่ละเมืองจะต้องคำนวณความต้องการของสมาชิกในกลุ่มและประเมินยอดสั่งจองเอาไว้ พร้อมกับส่งไปให้กับ Oris ที่สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งในเมืองไทยมีทั้งหมด 49 เรือน ซึ่งแต่ละกลุ่มก็จะมีตัวเลขที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับการออร์เดอร์
ในแง่ของการสวมใส่นั้น จากตัวเลข 40 มิลลิเมตรบวกกับประสบการณ์ที่สวมนาฬิกาแบบตัวเลขเกิน 42 มิลลิเมตรมาทั้งชีวิต ดังนั้น การตั้งแง่ขึ้นมาในใจของตัวเองอย่างแน่นอน แต่ทุกอย่างก็จบลงตรงที่ต้องลองของจริง ก็ไม่รู้ว่าด้วยวัยที่เพิ่มมากขึ้น และการสวมนาฬิกาหนาๆ ใหญ่ๆ เป็นอะไรที่เริ่มทำให้ผมรู้สึกเทอะทะ ตรงนี้ก็เลยทำให้ผมเริ่มไม่ขีดเส้นหรือตัดสินใจนาฬิกาที่ถูกใจตัวเองโดยดูแค่ตัวเลขของเส้นผ่านศูนย์กลางอีกต่อไป จนกว่าจะได้ลอง เพราะนาฬิกาต่างรูปแบบและรูปทรง แม้ว่าจะมีตัวเลขในส่วนนี้เท่ากันก็ไม่ได้หมายความว่าจะใส่ได้หรือใส่ดีเสมอไป
ในกรณีของ Oris Social Club Edition นั้น พอดีผมมี Divers Sixty-Five ไซส์ 42 อยู่แล้ว ก็เลยใช้ตรงนี้เป็นบรรทัดฐานในการวัดและตัดสินใจได้ ซึ่งก็คิดว่าไซส์ 40 มิลลิเมตรกับข้อมือขนาด 7 นิ้วของผมไม่น่าจะมีปัญหาอะไรในด้านความรู้สึกว่านาฬิกาเรือนนี้เล็กเกินไปเมื่อถูกคาดอยู่บนข้อมือ แต่เอาเข้าจริงๆ แม้จะมีตัวเลขเส้นผ่านศูนย์กลางอยู่ที่ 40 มิลลิเมตร
แต่ Oris Social Club Edition ก็เป็นนาฬิกาที่มีขาสายและค่อนข้างยาวนิดๆ ซึ่ง Lug to Lug ของนาฬิกาเรือนนี้อยู่ที่ 47 มิลลิเมตร ซึ่งโดยรวมแล้วถือว่าจบและลงตัว เรียกว่าใครที่มีข้อมืออยู่ระหว่าง 6-7 นิ้ว ผมว่าใส่แล้วสวย และพอดีเลย
บทสรุปของนาฬิกาเรือนนี้ในมุมมองของผม กับค่าตัว 77,900 บาท ถือว่าลงตัวอย่างมาก ถ้าคุณเป็นแฟน Oris ตัวยง ซึ่งแรงสนับสนุนอย่างแรกคือ สตอรี่ในการพัฒนาและผลิตนาฬิกาที่อ้างอิงมาจากการก่อกำเนิดเพื่อเป็นนาฬิกากลุ่มของ OSC อย่างที่ 2 จำนวนที่มีอยู่ในตลาดเมืองไทยไม่มากนัก แค่ 49 เรือนเท่านั้น ดังนั้น ตรงนี้มีความพิเศษอย่างแน่นอน
ตามด้วยความเรียบง่ายแต่ดูโดดเด่นของการใช้สีสันบนหน้าปัดและทุกรายละเอียดที่อยู่บนตัวนาฬิกา ซึ่งมีการผสมได้อย่างกลมกลืน และฝาหลังที่มีการสลักสัญลักษณ์ของ OSC ซึ่งส่วนตัวผมคิดว่าเป็นโลโก้กลุ่มที่สะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นไทยออกมาอย่างชัดเจน และที่สำคัญสวยที่สุดในบรรดากลุ่ม Community ของแบรนด์
แต่ถ้าไม่ใช่และแค่เป็นใครก็ไม่รู้ซึ่งต้องการนาฬิกาสวิสส์เมดสักเรือนเข้ามาอยู่ในกรุ ผมถือว่าเป็นทางเลือกที่ควรจับใส่เอาไว้ใน List สำหรับพิจารณา เพราะถ้าตัดเรื่องการเป็นนาฬิกากลุ่มออกไป
ในแง่ความสวย ถือว่าสอบผ่าน ขนาดที่เรียกว่าเป็น Unisex หญิงก็ได้ขายก็ดี ใส่ได้อย่างลงตัว ชื่อเสียงของแบรนด์และจำนวนการผลิตที่ไม่มาก จะติดก็แค่สเป็กของกลไกอัตโนมัติ Oris 733 ที่ผมคิดว่า 38 ชั่วโมงถือว่าน้อยไปหน่อยสำหรับกำลังสำรองของนาฬิกาในระดับนี้เท่านั้นเอง
รายละเอียดทางเทคนิค : Oris Social Club Edition
- เส้นผ่านศูนย์กลาง : 40 มิลลิเมตร
- Lug to Lug : 48 มิลลิเมตร
- ความหนา : 13 มิลลิเมตร
- วัสดุตัวเรือน : สแตนเลสสตีล 316L
- กระจก : Sapphire ทรงโดมพร้อมเคลือบสารกันการสะท้อนแสง
- กลไก : รหัส Oris 733 อัตโนมัติ
- ความถี่ : 28,000 ครั้งต่อชั่วโมง
- กำลังสำรอง : 38 ชั่วโมง
- การกันน้ำ : 100 เมตร
- จำนวนในไทย : 49 เรือน
- ประทับใจ : การเลือกจับคู่ดี ตัวเรือนไซส์ 40 มิลลิเมตรที่ใส่ง่ายและลงตัว จำนวนผลิตที่ไม่เยอะ
- ไม่ประทับใจ : กลไกอัตโนมัติที่มีกำลังสำรองพลังงานน้อยไปหน่อย
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/
YouTube Channel : https://www.youtube.com/channel/anadigionline