Oris Pro Diver GMT นักดำน้ำพันธุ์แกร่งดูได้ 2 เขตเวลา

Pro Diver ถือเป็นนาฬิกาในกลุ่มดำน้ำที่สุดแกร่งของ Oris ซึ่งหลังจากที่ห่างหายจากการเปิดตัวรุ่นใหม่ในการทำตลาดมานาน ในที่สุดพวกเขาก็เปิดตัวเวอร์ชันใหม่ออกมาแล้วกับรุ่น Oris Pro Diver GMT โดยที่ยังคงความสามารถในการกันน้ำระดับ 1,000 เมตรเหมือนเดิม

 Oris Pro Diver GMT นักดำน้ำพันธุ์แกร่งดูได้ 2 เขตเวลา

หลังเงียบหายไปอยู่พักใหญ่ กับนาฬิกาในกลุ่มดำน้ำสุดขั้วอย่าง Pro Diver ในตอนนี้ Oris จัดการเปิดตัวทาวเลือกใหม่ของคอลเล็กชั่นนี้ออกสู่ตลาดแล้ว กับรุ่น Pro Diver GMT ซึ่งสุดแกร่งกับรูปลักษณ์ที่บึกบึนและมีขนาดไซส์ใหญ่สะใจถึง 49 มิลลิเมตร โดยที่ยังคงความสามารถในการดำดิ่งลงสู่ใต้ท้องทะเลด้วยระดับการกันน้ำ 1,000 เมตร

Pro Diver ถือเป็นอีกไลน์อัพที่ได้รับความสนใจและเป็นที่รู้จักของบรรดาแฟนๆ Oris ที่ต้องการนาฬิกาดำน้ำที่มีขนาดใหญ่ และสามารถกันน้ำในระดับเลช 4 หลักได้ ซึ่งในตอนแรกของการทำตลาดพวกเขามีแต่รุ่น Date และ Chronograph ก่อนที่จะเพิ่มทางเลือกอื่นๆ  ออกสู่ตลาด และ Pro Diver GMT คือทางเลือกใหม่ล่าสุด หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีขายอยู่พักหนึ่งแต่เป็นตัว Limited Edition ในชื่อ Force Recon GMT

นาฬิการุ่นนี้มากับรหัสรุ่น ref. 01 748 7748 7154-07 4 26 74TEB สำหรับรุ่นสายยาง และ ref.
01 748 7748 7154-07 8 26 74PEB สำหรับรุ่นสายหนัง พร้อมตัวเรือนขนาดใหญ่ด้วยเส้นผ่านศูนย์กลาง 49 มิลลิเมตร ซึ่งไม่กาง เพราะขาสายถูกออกแบบให้งุ้มลงรับกับข้อมือ

ส่วนน้ำหนักก็ไม่ต้องห่วง เพราะว่าผลิตจากไทเทเนียมทั้งเรือน โดยทาง Oris เองยังคงเอกลักษณ์ของระบบ Rotation Safety System ซึ่งตัวขอบด้านนอกจะสามารถดันขึ้นเพื่อเป็นตัวล็อกไม่ให้ Bezel หมุนเอง ทำให้การจับเวลาในการดำน้ำแต่ละครั้งจึงหมดห่วงเรื่องนี้ไปได้สำหรับกระจกเป็นแบบ Sapphire ทรงโค้งทั้ง 2  ด้าน และเคลือบสารกันสะท้อนด้านใน

Oris วางกลไก Oris 748 ที่พัฒนามาจากพื้นฐาน Sellita SW220-1  เดินด้วยความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง หรือ 4 Hz พร้อมทับทิมจำนวน 28 เม็ด สามารถสำรองพลังงานได้ 38 ชั่วโมง ส่วนโรเตอร์สีแดงสามารถหมุนขึ้นลานได้ 2 ทางและขึ้นลานมือได้ ตัวกลไกมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 32.2 มิลลิเมตร มีเข็มวินาทีแยก หรือ Small Second โดยติดตั้งอยู่ในตำแหน่ง 9  นาฬิกาบนหน้าปัด และมีเข็ม GMT สีเหลือง พร้อมกับช่องแสดงวันที่ Date ในตำแหน่ง 3 นาฬิกา

บ้านเรายังไม่เข้ามา แต่ราคาในสวิสส์ตั้งเอาไว้ที่ 3,300  ฟรังก์ หรือ 105,000 บาทสำหรับสายยาง และ 3,500 ฟรังก์สวิสส์ หรือ 112,000 บาทสำหรับสายไทเทเนียม ใครที่สนใจก็เก็บเงินรอกันได้แล้ว

Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/