Oris Big Crown Calibre 473 กลไกไขลานใหม่บนตัวเรือนนักบิน

โดย

MP4/4

11/01/2023

ถือว่าเป็นการประเดิมปี 2023 ได้อย่างน่าสนใจ ซึ่ง Oris เลือกเปิดตัวนาฬิการุ่นแรกของปีนี้กับรุ่น Big Crown Calibre 473 โดยอ้างอิงตัวเรือนขนาด 38 มิลลิเมตรของรุ่น Big Crown แต่โดดเด่นกว่ากับการใช้กลไกใหม่อย่าง Calibre 473 ซึ่งเป็น In-House แบบไขลานที่มีกำลังสำรอง 5 วันหรือ 120 ชั่วโมง โดยถือเป็นหนึ่งจากผลผลิตของโปรเจ็กต์ Oris Movement Creation Programme ที่เริ่มขึ้นในช่วงปลายทศวรรษที่ 2000

- Advertisement -

Oris Big Crown Calibre 473 กลไกไขลานใหม่บนตัวเรือนนักบิน

เปิดตัวกลไกใหม่ในรหัส Calibre 473 ซึ่งเป็นแบบไขลาน
มาพร้อมตัวเรือนขนาด 38 มิลลิเมตรของรุ่น Big Crown
เริ่มจำหน่ายในเดือนมกราคมนี้กับราคา 4,200 ฟรังก์สวิสส์

ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ของคอลเล็กชั่น Big Crown ที่จะมาพร้อมกับกลไก In-House ใหม่ของ Oris อย่าง Calibre 473 ในรูปแบบของการไขลาน พร้อมมาตรแสดงระดับกำลังสำรองที่อยู่ด้านหลัง พร้อมกับตัวเรือนที่ผลิตจากสแตนเลสสตีล โดยจะจำหน่ายในชื่อ Oris Big Crown Calibre 473 และมีราคาอยู่ที่ 4,200 ฟรังก์สวิสส์

Oris ริเริ่มโครงการ Oris Movement Creation Programme ของตัวเองเมื่อปลายทศวรรษที่ 2000 ด้วยเป้าหมายในการผลิตและพัฒนากลไก In-House ของตัวเองขึ้นมาเพื่อรองรับกับความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยตลอดช่วงทศวรรษที่ 2010

Oris เปิดกลไก In-House ในตระกูล Calibre 100 Series ออกสู่ตลาด โดยมาในรูปแบบของนาฬิการุ่นพิเศษที่ใช้กลไกไขลานที่มีกำลังสำรอง 10 วัน ก่อนที่จะมาเปิดตัว In-House ที่ผลิตในเชิงพาณิชย์อย่าง Calibre 400 เมื่อปี 2020 กับรุ่น Aquis และจากนั้น กลไก In-House ของพวกเขาก็เริ่มทยอยออกสู่ตลาดมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก็รวมถึง Calibre 473 นี้ด้วย

นาฬิการุ่นนี้มากับตัวเรือนขนาด 38 มิลลิเมตรของรุ่น Big Crown พร้อมหน้าปัดสีฟ้าอมเขียว ที่มีรูปแบบคล้ายกับWing of Hope และสายหนังกวางจาก Cervo Volante เพื่อแสดงถึงความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจ

สำหรับ Calibre 473 ได้รับการพัฒนานานถึง 4 ปีเต็ม มีความคล้ายกับ Calibre 403 ที่เปิดตัวออกมาก่อนหน้านี้ คือ เป็นกลไกแบบ 2 เข็มครึ่งโดยมี Small Second หรือเข็มวินาทีแยกออกมา พร้อม Pointer Date

สำหรับบอกวันที่ มีกำลังสำรองเท่ากันที 120 ชั่วโมง หรือ 5 วัน โดยจะต่างกันตรงที่ 473 เป็นแบบไขลานไม่ใช่อัตโนมัติเหมือนกับ 403 และมีมาตรวัดบอกระดับกำลังสำรองอยู่ที่ด้านหลังของกลไก ซึ่งสามารถมองผ่านฝาหลังใสได้ พร้อมความเที่ยงตรง -3 ถึง +5 วินาทีต่อวัน ซึ่งอยู่ในระดับใกล้เคียงกับมาตรฐานของ Chronometer