Mido Ocean Star ฉลอง 75 ปีแห่งความสำเร็จ
-
Midoฉลองโอกาสพิเศษของการครบรอบ 75 ปีคอลเล็กชั่น Ocean Starจัดงานเฉลิมฉลองที่เมืองบิลเบา (ประเทศสเปน)
-
ความเที่ยงตรงอย่างถึงที่สุด สมรรถนะและประสิทธิภาพ และความงดงามที่อยู่เหนือกาลเวลา : 3 คุณค่าหลักที่สำคัญซึ่งถูกหยิบขึ้นมาเป็นตัวบ่งบอกถึงตัวตนของ Midoสำหรับการจัดงานฉลองที่ไม่เหมือนใครในครั้งนี้
-
เปิดตัวรุ่นพิเศษ Ocean Star Tribute
มิโด้ (Mido)เลือกเมืองบิลเบา ประเทศสเปนเพื่อเป็นส่วนหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์ของแบรนด์ในการจัดงานเฉลิมฉลองครบรอบ 75 ปีของ Ocean Star คอลเล็กชั่นที่มีความโดดเด่นและคลาสสิค
โดยเมืองแห่งนี้ได้ถูกเลือกขึ้นมาเป็นสถานที่จัดงานที่สำคัญของแบรนด์ด้วยเหตุผล 2 ประการด้วยกันคือ เรื่องเกี่ยวกับมหาสมุทร และการเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกที่หลงใหลในเรื่องของสถาปัตยกรรม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างพิพิธภัณฑ์ Guggenheim โดยเมืองแห่งนี้จะเป็นเจ้าภาพในการจัดแข่งขันรอบชิงชนะเลิศของการกระโดดน้ำบนหน้าผารายการยิ่งใหญ่อย่าง 2019 Red Bull Cliff Diving World Series ซึ่งทาง Midoได้เป็นผู้สนับสนุนหลักของการแข่งขันรายการนี้
ในวันที่ 13 และ 14 กันยายนนี้ บรรดาแขกของแบรนด์จะได้รับการต้อนรับด้วยประสบการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ และน่าประทับใจผ่านทางโลกแห่ง Ocean Star
โดยการจัดงานในครั้งนี้จะรวมไปถึงการเปิดตัวคอลเล็กชั่นใหม่ล่าสุดอย่าง Ocean Star Tribute ซึ่งจะถูกจัดขึ้นที่ Real Club Marítimo del Abra in Getxo บนบรรยากาศริมทะเลท่ามกลางความหรูหราที่จะเป็นค่ำคืนที่น่าจดจำ
นอกจากนั้น จะยังได้สัมผัสกับการแข่งขันกระโดดน้ำบนหน้าผาซึ่งเป็นการแข่งขันที่สุดเร้าใจและต้องอาศัยความแม่นยำและเที่ยงตรงของผู้เข้าร่วมแข่งขันที่มีความกล้าหาญอย่างสุดพิเศษในการกระโดดจากแพล็ตฟอร์มที่มีความสูง 27 เมตร! รวมถึงนาฬิกาที่ถือว่ามีส่วนร่วมและเป็นตัวแทนของการแข่งขันอย่างMido Ocean Star Diver 600 อีกด้วย
สำหรับแขกที่ได้รับเชิญในการเข้าร่วมงานครั้งนี้ยังจะได้มีโอกาสร่วมสัมผัสกับความงดงามของเมืองดังแห่งแคว้นบาสก์ และการเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงทั่วโลกอย่าง Guggenheim Museum ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่มีความโดดเด่นในด้านสถาปัตยกรรมแห่งหนึ่งของโลก
Franz Linder ประธานของ Midoกล่าวเพิ่มเติมว่า : ‘ตลอด 75 ปีที่ผ่านมา คอลเล็กชั่น Ocean Star ถือเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกในเรื่องความสามารถในการกันน้ำ จากการไม่หยุดนิ่งในการค้นคว้าเพื่อพัฒนานวัตกรรม
ล่าสุด ทาง Midoได้มีการพัฒนาสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ และนำเสนอกับเทคโนโลยีที่ยอดเยี่ยมที่นำมาสร้างสรรค์นาฬิกากันน้ำที่มีประสิทธิภาพและไว้ใจได้ในความทนทาน
จะมีอะไรดีไปกว่าเมืองบิลเบา สถานที่ซึ่งมีชื่อเสียงเกี่ยวกับเรื่องของมหาสมุทรและเป็นสถานที่ตั้งของสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นของโลกอย่างพิพิธภัณฑ์ Guggenheim ซึ่งถือเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความเป็น Midoทั้ง 2 อย่างได้อย่างลงตัว นั่นคือ คอลเล็กชั่นของนาฬิกาที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานในน้ำ และความสอดคล้องกับปรัญชาของแบรนด์อย่าง ‘Inspired by architecture’”
การจัดงานครั้งนี้จะนำเสนอเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมแห่งเทคโนโลยีในด้านการกันน้ำของ Mido ที่มีจุดเริ่มต้นในทศวรรษที่ 1930 โดยในตอนนั้น Midoได้พัฒนาเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยในยุคนั้นอย่างระบบ Aquadura ขึ้นมา และมรดกชิ้นนี้ได้ถูกพัฒนาและถ่ายทอดมาสู่เทคโนโลยีที่ถูกใช้งานอยู่ใน Ocean Star Diver 600
ซึ่งมีความสามารถในการกันน้ำในระดับ 60 บาร์ (600 เมตร/1,968 ฟุต) และมาพร้อมกับระบบระบายก๊าซฮีเลี่ยม หรือ Helium Valve และฝาหลังที่มีการสลักรูปปลาดาวที่ถือเป็นสัญลักษณ์ที่เป็นตัวแทนของคอลเล็กชั่น Ocean Star มาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน
1944 – 2019 : 75 ปี แห่งเรือนเวลาที่เกิดมาเพื่อการใช้งานในโลกใต้น้ำ
นับจากปี 1944 ซึ่งเป็นปีเริ่มต้นที่ชื่อของ Ocean Star ได้ถูกจดทะเบียน Ocean Star ถือเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกในเรื่องความสามารถในการกันน้ำ โดยในทศวรรษที่ 1930 Mido ได้ประสบความสำเร็จในการพัฒนาระบบการกันน้ำที่ชื่อว่า Aquadura ซึ่งเป็นการออกแบบระบบประเก็นของเม็ดมะยมบนตัวเรือนนาฬิกาเพื่อให้มีความสามารถในการกันน้ำ นับจากการคิดค้นนวัตกรรมชิ้นนั้น
ซึ่งถือเป็นการเปิดอีกโลกแห่งการพัฒนานาฬิกาเพื่อการใช้งานที่สมบูรณ์แบบ Midoได้สร้างสรรค์นวัตกรรมในด้านนี้อย่างต่อเนื่องและยังคงความเป็นผู้นำที่โดดเด่นในด้านการพัฒนานาฬิกาที่มีความสามารถในการกันน้ำ
ในทศวรรษที่ 1950 Midoได้สร้างสรรค์ Superwatertest ขึ้นมาซึ่งเป็นเครื่องมือที่ถูกออกแบบมาเพื่อตรวจสอบความสามารถในการกันน้ำของนาฬิกา
ผลจากการที่ได้รับการยอมรับและมีชื่อเสียงเกี่ยวกับเรื่องเทคโนโลยีในการกันน้ำ ทำให้ Midoเริ่มพุ่งเป้าในการสื่อสารความสามารถของตัวเองในด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับนาฬิกาสำหรับการใช้งานในน้ำ
เมื่อช่วงทศวรรษที่ 1980 และด้วยแนวคิดนี้ทำให้เกิดสโลกแกนที่โดดเด่นและเป็นที่กล่าวถึงในยุคนั้นคือ ‘King of waterproof’ และ ‘The watch of the captain’ ขึ้นมา
สำหรับนาฬิการุ่นที่เปิดตัวในช่วงทศวรรษที่ 2000 ถือเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับ Midoนับจากวันนี้เป็นต้นไป นาฬิกาทุกรุ่นที่อยู่ในคอลเล็กชั่น Ocean Star จะต้องมีความสามารถในการกันน้ำไม่น้อยกว่า 20 บาร์ (200 เมตร/660 ฟุต)
สัญลักษณ์ปลาดาวที่มีมายาวนานได้กลายมาเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความเหนือชั้นในเรื่องของการกันน้ำ และความทนทานในระดับสูง โดยได้สัญลักษณ์นี้ได้ถูกนำมาใช้ตกแต่งที่ฝาหลังของนาฬิกาในแต่ละรุ่น
ในตอนนี้ คุณภาพใน 2 เรื่องนี้ได้ถูกรวมอยู่ในนาฬิการุ่น Ocean Star Diver 600 ที่มาพร้อมกับความสามารถในการกันน้ำในระดับที่สูงสุดถึง 60 บาร์ (600 เมตร/1,968 ฟุต)
การสร้างสรรค์ที่เกิดขึ้นผ่านทางเทคโนโลยีการกันน้ำในระดับสูงสุด เรือนเวลารุ่นนี้ได้รับการติดตั้ง Helium Valve ซึ่งจะทำหน้าที่ในการระบายก๊าซฮีเลี่ยมออกจากตัวเรือนนาฬิกา เพื่อป้องกันไม่ให้นาฬิกา
โดยเฉพาะในส่วนของขอบตัวเรือนที่ผลิตจากเซรามิกและกระจกหน้าปัดแบบ Sapphire เกิดการเสียหายอันเป็นผลมาจากแรงดันที่เปลี่ยนไปในขณะที่ขึ้นสู่ผิวน้ำ
หัวใจสำคัญของนาฬิการุ่นนี้คือความโดดเด่นในด้านนวัตกรรมในโลกการผลิตนาฬิกา นั่นคือ กลไก Caliber 80 ซึ่งมีความเที่ยงตรงและได้รับมาตรฐานการรับรองในระดับ Chronometer ที่ผ่านการทดสอบตามาตรฐานของ COSC
และยังใช้ใยลานที่ผลิตจากซิลิคอน ซึ่งนอกจากจะให้กำลังสำรองที่สูงสุดถึง 80 ชั่วโมงแล้วยังมีความโดดเด่นในเรื่องความเที่ยงตรงและความทนทานต่อแรงกระแทก
The Mido Ocean Star Tribute: ผลผลิตใหม่จากประวัติศาสตร์
75 ปีนับจากที่รุ่นแรกของ Ocean Star ถูกเปิดตัวออกมา Mido ได้เปิดตัวเรือนเวลารุ่นพิเศษที่ถูกสร้างสรรค์โดยแผงกลิ่นอายของความคลาสสิคของคอลเล็กชั่นที่เปรียบเสมือนตัวแทนของแบรนด์
โดย Ocean Star Tribute ทั้ง 2 รุ่นได้ถูกสร้างสรรค์ขึ้นโดยอ้างอิงจากงานออกแบบของนาฬิกาดำน้ำของ Mido ที่เปิดตัวในทศวรรษที่ 1960 รุ่นที่ทำตลาดจะมากับหน้าปัดสีฟ้าเมดิเตอร์เรเนียนและสีดำสนิท
ซึ่งได้รับการปกป้องจากกระจกหน้าปัดแบบ Sapphire ที่ถูกยกสูง และเสริมความโดดเด่นด้วยขอบตัวเรือนแบบหมุนได้สีเดียวกับหน้าปัด จากขนาดตัวเรือนซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 40.5 มิลลิเมตร
และลวดลายของสายโลหะในแบบ Multi-Link ที่ให้ความสบายในการสวมใส่ ได้สะท้อนให้เห็นรูปลักษณ์ในสไตล์ย้อนยุคของเรือนเวลารุ่นนี้ เพื่อเป็นการบ่องบอกถึงการให้ความสำคัญกับความสำเร็จของนาฬิการุ่นดั้งเดิม
ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมกับกลไกที่มีความทันสมัยและโดดเด่นอย่างมากในโลกแห่งเวลา นั่นคือกลไก Caliber 80 ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นกลไกอัตโนมัติรุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับการสำรองพลังงานได้สูงสุดถึง 80 ชั่วโมง
สำหรับฝาหลังถือว่าเป็นอีกสิ่งที่โดดเด่น เพราะตกแต่งและมีการปั๊มลายปลาดาว ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์แห่งประวัติศาสตร์ที่อยู่คู่กับคอลเล็กชั่น Ocean Star มาโดยตลอด
นอกจากนั้นอีกความพิเศษสำหรับนาฬิกา Special Edition รุ่นนี้คือ ในแต่ละเรือนจะมาพร้อมกับแพ็คเกจสุดสวยที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อนาฬิการุ่นนี้พร้อมกับสายอีก 1 เส้นอยู่ในเซ็ต
บิลเบา : เมืองแห่งมหาสมุทรและสถาปัตยกรรม
บิลเบาเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ติดกับมหาสมุทรแอตแลนติก และเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกที่หลงใหลในด้านสถาปัตยกรรม ซึ่งต้องขอขอบคุณพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงทั่วโลกอย่าง Guggenheim Museum ซึ่งได้รับการสร้างสรรค์จาก Frank Gehry ผู้ยิ่งใหญ่ในโลกของการออกแบบ
ตรงนี้จึงถือว่ามีความสอดคล้องกันในด้านแนวคิดและทำให้ที่นี่ถูกเลือกเป็นสถานที่สำหรับใช้ในการจัดงานเฉลิมฉลองโอกาสครบ 75 ปีของคอลเล็กชั่น Ocean Star ยิ่งไปกว่านั้น บิลเบา เมืองหลวงของแคว้นบาสก์ ยังเป็นเจ้าภาพในการจัดแข่งขันสนามที่ 7
และเป็นสนามสุดท้ายของการกระโดดน้ำบนหน้าผารายการยิ่งใหญ่อย่าง 2019 Red Bull Cliff Diving World Series ซึ่งทาง Mido ได้เป็นผู้สนับสนุนหลักของการแข่งขันรายการนี้
Red Bull Cliff Diving World Series : ลุ้นจนถึงสนามสุดท้ายของปี
ในวันที่ 14 กันยายนนี้ นักกระโดดน้ำทั้ง 14 คนจะต้องเข้าร่วมการแข่งขันด้วยการกระโดดจาก La Salve Bridge ซึ่งถูกใช้เป็นแพล็ตฟอร์มที่มีความสูง 27 เมตรของการแข่งขันรายการนี้เพื่อลงสู่แม่น้ำที่ไหลผ่านด้านหน้าของพิพิธภัณฑ์ Guggenheim ถือเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมาก!
โดยบนพื้นที่สำหรับแขก VIP ที่ด้านล่างของพิพิธภัณฑ์ Guggenheim ซึ่งอยู่ใกล้กับจุดที่นักกีฬาต้องกระโดดน้ำลงมา แขกผู้มีเกียรติของ
Mido จะได้รับประสบการณ์แห่งความสนุกสนานและความเร้าใจอย่างใกล้ชิดในการแข่งขันรอบสุดท้ายและร่วมเชียร์ 2 นักกีฬาที่เป็น Friend of Brand ของ Mido
นั่นคือ Jonathan Paredes และ Alessandro De Rose หลังจากที่การแข่งขันเสร็จสิ้นลงจะมีการประกาศรายชื่อของผู้ชนะเลิศ 2019 Red Bull Cliff Diving World Series
แขกผู้มีเกียรติทั้งหลายจะมีโอกาสได้ร่วมอีเวนท์พิเศษในช่วง Meet-and-Greet ที่จัดขึ้นโดยล้อมรอบไปด้วยอาหารพื้นเมืองของสเปนที่มากับจานยักษ์อย่าง Paella อีกด้วย
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/