H. Moser & Cie. เปิดประสบการณ์ใหม่เชื่อมต่อสู่โลกเสมือนจริง

0

            การเชื่อมต่อระหว่างโลกออนไลน์และออฟไลน์ถือเป็นสิ่งที่หลายต่อหลายแบรนด์ให้ความสนใจ แต่สำหรับกลุ่มนาฬิการะดับหรูหรา บางแบรนด์ยังเชื่อมั่นการสัมผัสจริงในเชิงกายภาพของโลกออฟไลน์มากกว่า ขณะที่บางแบรนด์เริ่มเดินหน้าและพาธุรกิจนาฬิการะดับหรูให้ก้าวข้ามไปสู่ดินแดนแห่งใหม่อย่างที่ H. Moser & Cie กำลังทำอยู่

- Advertisement -

H. Moser & Cie.

H. Moser & Cie. เปิดประสบการณ์ใหม่เชื่อมต่อสู่โลกเสมือนจริง

นอกจากการเปิดโลกใหม่ให้กับนาฬิการะดับหรูด้วยการดึงผู้คนให้เข้าสู่โลกเสมือนจริงเพื่อสร้างประสบการณ์ที่เชื่อมต่อกันระหว่างออนไลน์กับออฟไลน์ด้วยการเปิดพื้นที่ซึ่งเรียกว่า Moser Lounge บนโลกออนไลน์แล้ว ทาง H. Moser & Cie ยังได้เปิดตัวนาฬิการุ่นใหม่ที่เปรียบเสมือนกับเป็นตัวแทนของเรื่องนี้กับรุ่น Endeavour Centre Seconds Genesis ที่จะมีการผลิตออกขายในตลาดจำนวน 50 เรือน

H. Moser & Cie.

นาฬิกาเรือนนี้อยู่ในโปรเจ็กต์ Genesis ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงความกล้าในการฉีกกรอบเดิมๆ ของการสร้างประสบการณ์ในการสัมผัสนาฬิการะดับหรูด้วยการดึงลูกค้าและผู้สื่อข่าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโลกออนไลน์บนพื้นที่จำลองที่เป็นโลกเสมือนจริงหรือ Moser Lounge in Metaverse (สามารถเข้าชมได้ ที่นี่) ซึ่ง H. Moser & Cie ได้แถลงข่าวออกมาเมื่อวันที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมานี้

H. Moser & Cie.

ย้อนกลับไปในปี 2020 H. Moser & Cie ถือเป็นหนึ่งในแบรนด์นาฬิกาอิสระรายแรกที่เปิดตัวอีคอมเมิร์ซและ CPO แพลตฟอร์ม โดยมุ่งมั่นที่จะพิชิต Web 3.0 และเป็นการไล่ตามความท้าทายใหม่ๆ ตามคอนเซ็ปต์ของแบรนด์ ทางด้านEdouard Meylan ซีอีโอของ H. Moser & Cie กล่าวว่า “เราอยู่ในช่วงเริ่มต้นของยุคเทคโนโลยีใหม่ ซึ่งในมุมมองของเรา ดูเหมือนเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องพัฒนาไปตามยุคสมัยและต้องมีจุดยืนที่ชัดเจน แน่นอนว่านี่คือโลกใหม่ ดังนั้น กฎเกณฑ์จึงไม่ได้กำหนดขึ้นมาในแบบตายตัว แต่ด้วยความเป็นแบรนด์ที่มีเรื่องของการมองถึงการเป็นนักลงทุนและผู้ประกอบการที่อยู่ใน DNA ของเรา นี่คือ พื้นที่ใหม่ที่น่าสนใจและท้าทายเราอย่างมากในการเข้าไปสำรวจ’

H. Moser & Cie.

ถ้าได้มีโอกาสเข้าไปสู่บนพื้นที่ของ Moser Lounge in Metaverse เราจะพบกับเรื่องราวต่างๆ มากมายของแบรนด์ ตั้งแต่คอนเทนต์ที่มีความเกี่ยวพันกับยุคสมัยของ Heinrich Moser ผู้ก่อตั้งและผู้บุกเบิกแบรนด์นี้ขึ้นมา ไปจนถึงนาฬิการุ่นต่างๆ โดยพื้นที่ Metaverse นี้ได้นำแรงบันดาลใจจากโลกเสมือนจริงในปัจจุบันมาออกแบบให้เป็นชาเล่ต์แบบสวิสที่เรียบง่ายและทันสมัย ประกอบด้วยทั้งการอ้างอิงแบบคลาสสิกถึงสวิตเซอร์แลนด์รวมถึงการอ้างอิงเฉพาะถึงแบรนด์ เช่น น้ำตก Rheinfall ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของแบรนด์ก่อนที่จะนำเข้าสู่พื้นที่ภายใน

H. Moser & Cie.

ทาง H. Moser & Cie ได้ใช้วิธีการที่รวมมิติทางกายภาพ ดิจิทัล และเสมือนจริงเข้าด้วยกัน พร้อมนำเสนอโซลูชันล้ำสมัยโดยที่มุ่งเน้นลูกค้าเป็นหลัก H. Moser & Cie ได้พัฒนาระบบนิเวศที่สมบูรณ์ซึ่งนำเสนอการพิสูจน์ตัวตนผลิตภัณฑ์ด้วยบล็อกเชนเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความโปร่งใสหลายระดับ เอกสิทธิ์พิเศษที่เปิดใช้งานได้จากการเป็นเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัล และพื้นที่ Metaverse ที่มีไว้เพื่อแสดงผลิตภัณฑ์และให้ประโยชน์แก่ลูกค้า

H. Moser & Cie.

ต้องบอกว่านี่คือ โครงการที่ค่อนข้างใหญ่และมีความซับซ้อนในเรื่องของแพล็ตฟอร์ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับตัวระบบ โดยนอกจากโลกเสมือนจริงแล้ว ทาง H. Moser & Cie ยังได้มีการพัฒนาแอพพลิเคชั่นขึ้นมา เพื่อให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบความถูกต้องของนาฬิกาผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน

ซึ่งจัดทำโดย Aura Blockchain Consortium โดยสามารถเข้าถึงการตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังได้อย่างสมบูรณ์ในทุกประเด็นที่เกี่ยวข้องกับตัวผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่การรับรอง การรับประกัน การประกันภัย และการบริการลูกค้าเพิ่มเติมของนาฬิกาแต่ละรุ่น รวมถึงสินทรัพย์ดิจิทัลที่ถูกสร้างขึ้นในรูปแบบของ NFT รวมถึงงานศิลปะดิจิตอล

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวิดีโอ “ไทม์แคปซูล” สั้นๆ ที่โปรโมตผลิตภัณฑ์และช่างทำนาฬิกาที่อยู่เบื้องหลัง โดยทั้งหมดจะถูกเก็บเอาไว้ในรูปแบบของบล็อกเชนทันทีที่นาฬิกาแต่ละเรือนผลิตเสร็จ

H. Moser & Cie.H. Moser & Cie.H. Moser & Cie.

ทั้งหมดไม่ได้เกิดจากแค่การทำงานของทาง H. Moser & Cie. เพียงฝั่งเดียวเท่านั้เน แต่ยังรวมถึงการมีพันธมิตรในการร่วมทำงานในแต่ละส่วน เช่น Deloitte Consulting Switzerland ได้ระดมผู้นำทางเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมคนสำคัญเพื่อช่วยให้ H. Moser & Cie.

พลิกโฉมอนาคตของนาฬิกาหรู ตามด้วย Aura Blockchain Consortium ซึ่งเป็นผู้นำด้านโซลูชั่นเทคโนโลยีสำหรับสินค้าหรูหรา Crossmint รับหน้าที่ในการดูแลโทเค็นในกระเป๋าเงิน  และ Salesforce ทำหน้าที่ในเรื่องของการจัดการสิ่งที่ H. Moser & Cie จะได้รับประโยชน์จากระบบจัดการ Web 3.0

นี่คืออีกก้าวที่น่าสนใจ และถือเป็นความท้าทายครั้งใหม่ที่ทำให้แบรนด์นาฬิการะดับหรูสามารถก้าวข้ามจากรูปแบบเดิมๆ ในการสร้างสรรค์ประสบการณ์ของลูกค้ามาสู่การผสมผสานรูปแบบทั้งออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน