Grand Seiko Masterpiece Collection White Lion SBGD209 ความงามในแบบ Jewelry Watch

โดย

01/04/2022

การนำเสนอความงดงามของนาฬิกาในรูปแบบของเครื่องประดับในสไตล์ Jewelry Watch จาก Grand Seiko ที่มีการผลิตออกสู่ตลาดเพียง 5 เรือนเท่านั้น

- Advertisement -

Grand Seiko Masterpiece Collection White Lion

Grand Seiko Masterpiece Collection White Lion SBGD209 ความงามในแบบ Jewelry Watch

ความงดงามของการผสมผสานระหว่างความงดงามและเทคนิคการผลิตนาฬิกาขั้นสูง
ตัวเรือนผลิตจาก Platinum พร้อมกับการประดับเพชรและอัญมณี
การผลิตมีเพียง 5 เรือนเท่านั้น และมีราคาอยู่ที่ 9,829,000 บาท

นอกจากเป็นเครื่องบอกเวลาที่มีความล้ำสมัยทางด้านเทคนิคในด้านการผลิตเรือนเวลาแล้ว Grand Seiko ยังตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ชื่นชอบความหรูหราในแบบ Jewelry Watch อีกด้วย กับเรือนเวลารหัส SBGD209 ที่เพียบพร้อมด้วยความงดงามของการใช้อัญมณีที่มีค่า และเทคนิคการผลิตชั้นสูง โดยจะมีการผลิตออกมาเพียง 5 เรือนเท่านั้น

ในปี 2020 Grand Seiko (แกรนด์ ไซโก) ได้นำเสนอเรือนเวลาประดับอัญมณีจากคอลเลกชั่น Masterpiece (มาสเตอร์พีซ) เป็นครั้งแรกด้วยเรือนเวลาที่มากับดีไซน์ซึ่งสะท้อนถึงภูมิทัศน์แห่งภูมิภาคของสถานที่กำเนิด มาถึงวันนี้ ผลงานชิ้นใหม่ได้ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาแล้วโดยเป็นเรือนเวลาระบบ Spring Drive (สปริง ไดรฟ์) ประดับอัญมณีซึ่งเป็นงานฝีมือระดับสูงเช่นเดียวกัน หากแต่มีแรงบันดาลใจที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงด้วยการนำสิงโต ราชาแห่งสรรพสัตว์ผู้เป็นสัญลักษณ์แห่งความแข็งแกร่งของ Grand Seiko ตั้งแต่ปี 1960 มาถ่ายทอดในแนวทางใหม่นั่นก็คือ การปรากฎตัวของ White Lion

ความแข็งแกร่งและพละกำลังของสิงโตยังคงเป็นหัวใจของเรือนเวลารุ่นนี้ หากแต่เป็นสิงโตขาวผู้มีความงามที่สะดุดตาและพบเจอได้ยาก ประกายแห่งเพชร นิลสีดำ ทองขาว และแพลทินัม 950 จึงถูกประสานรวมเข้าด้วยกันเพื่อสร้างเรือนเวลาอันน่าทึ่งที่เปี่ยมไปด้วยศิลปะอันวิจิตรงดงามด้วยงานผลิตแบบจำนวนจำกัดเพียงแค่ 5 เรือน และจะปรากฏเรือนร่างเฉพาะในบูติก Grand Seiko ที่ได้รับการเลือกสรรเท่านั้น ในเดือนพฤษภาคม 2022

ขณะที่คมเขี้ยวอันแข็งแรงดั่งพลังของสิงโตและแผงคออันงามสง่าถูกสะท้อนผ่านรูปแบบของหน้าปัด อัญมณีทั้งหลายก็ดึงดูดสายตาเป็นยิ่งนัก เพชรจำนวน 112 เม็ดฝังลงบนพื้นผิวด้านบนและด้านล่างของตัวเรือน และเพชรทรงบาแกตต์อีก 60 เม็ดที่ฝังอยู่บนวงขอบตัวเรือนเปล่งประกายโอบล้อมหน้าปัดที่ประดับด้วยเพชรจำนวนไม่น้อยกว่า 94 เม็ด ตัดด้วยนิลสีดำจำนวน 26 ชิ้นเพื่อสร้างความวิจิตรงดงาม เข็มวินาทีถูกทำให้เป็นสีเทาเพื่อให้เข้ากับโทนสีในภาพรวม และมีเพชรทรงบริลเลียนท์-คัตอีก 1 เม็ดประดับอยู่บนเม็ดมะยม

งานหัตถศิลป์ระดับสูงสุด

นิลสีดำและเพชรทรงบาแกตต์ที่ได้รับการคัดสรรมาอย่างพิถีพิถันทำหน้าที่เป็นหลักชั่วโมงและหลักนาทีบนหน้าปัด อัญมณีทั้งหมดนี้ถูกประดับอย่างประณีตด้วยมือลงในช่องที่อยู่ระหว่างรางทองคำขาว 18 กะรัตที่มีขนาดเส้นบางเฉียบโดยเหล่าช่างประดับอัญมณีที่ชำนาญที่สุดของ Shinshu Watch Studio ในชิโอจิริ เพชรบนวงขอบตัวเรือนส่งประกายสะท้อนที่ต่อเนื่องราวกับว่าเป็นวงขอบตัวเรือนที่มีพื้นผิวเสมอกัน ความเชี่ยวชาญในด้านการประดับอัญมณีระดับสูงเช่นนี้ยังเห็นได้จากส่วนขาของตัวเรือนที่ประดับเพชรเรียงรายเรียบเสมอกันจนดูราวกับเป็นพื้นผิวเดียวกันอีกด้วย

ตัวเรือนที่ถูกสร้างขึ้นจากแพลทินัม 950 มีแนวขอบสันที่คมชัดและโดดเด่นตามแบบฉบับเฉพาะตัวของ Grand Seiko แนวขอบสันเช่นนี้เกิดขึ้นได้จากการสร้างตัวเรือนด้วยการขึ้นรูปเย็นและการขัดเงาแบบซารัตสึ (Zaratsu) ด้วยเทคนิคที่ออกแบบมาสำหรับวัสดุแพลทินัม 950 โดยเฉพาะ

ด้วยรูปลักษณ์ที่ทรงพลังทว่างามสง่าดุจพญาสิงโตสีขาว การผสมผสานระหว่างดีไซน์ตัวเรือนที่แข็งแกร่งและรายละเอียดอันงดงามของอัญมณีช่างเป็นผลงานที่น่าทึ่งยิ่งนัก

เครื่อง Spring Drive พลังงานสำรอง 8 วัน และทิวทัศน์ของภูเขาฟูจิ

เรือนเวลารุ่นนี้ขับเคลื่อนด้วยกลไก Spring Drive พลังงานสำรอง 8 วัน คาลิเบอร์ 9R01 ที่สร้างโดยสตูดิโอ Micro Artist (ไมโคร อาร์ติสต์) คณะทำงานชั้นยอดผู้สร้างเรือนเวลา Spring Drive รุ่นต่าง ๆ ให้กับคอลเลกชั่น Masterpiece ซึ่งมีฐานการสร้างงานอยู่ในแหล่งผลิตที่ชิโอจิริ เช่นเดียวกับสตูดิโอ Shinshu (ชินชู)

กลไกคาลิเบอร์ 9R01 ให้อัตราความเที่ยงตรงถึงระดับ ±10 วินาทีต่อเดือนและสำรองพลังงานได้นานถึง 8 วันหรือ 192 ชั่วโมงเมื่อขึ้นลานจนเต็ม เครื่องคาลิเบอร์นี้มีตลับลาน 3 ชุด จัดการทำงานแบบเรียงลำดับเพื่อส่งพลังงานที่กักเก็บได้อย่างยาวนานไปสู่กลไกควบคุมเวลาและกลไกแสดงค่าโดยสามารถทราบระดับพลังงานที่มีอยู่ได้จากเข็มที่มองเห็นได้จากฝาหลังชนิดกรุกระจกแซพไฟร์คริสตัลเช่นเดียวกับกับสะพานจักรแบบชิ้นเดียวที่ออกแบบและตกแต่งมาอย่างงดงามด้วยลักษณะที่จำลองมาจากภูเขาฟูจิ

นาฬิกาเรือนนี้มีการผลิตออกมาเพียง 5 เรือนเท่านั้น และราคาจำหน่ายในเมืองไทยอยู่ที่ 9,829,000 บาท