ใครๆ ที่ชอบความแรงและความเร้าใจของรถสปอร์ตสัญชาติอเมริกัน ตอนนี้มีของใหม่เปิดตัวออกมาแล้ว นั่นคือ Chevrolet Corvette C8 Stingray ที่จะเปลี่ยนจากเครื่องยนต์วางด้านหน้ามาเป็นแบบวางกลาง พร้อมขุมพลังวี8 บล็อกใหม่

Chevrolet Corvette C8 Stingray โฉมใหม่เครื่องวางกลาง

อย่างแรกเราขอแสดงความเสียใจกับแฟนๆ American Muscle Car ก่อน

เพราะว่า Chevrolet Corvette C8 Stingrayที่เพิ่งมีการเปิดตัวเมื่อไม่นานนี้

มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ส่วนเรื่องที่ 2 คือ

รถสปอร์ตรุ่นนี้จะไม่มีเกียร์ธรรมดาวางขายอีกแล้ว

แต่อย่างน้อยในความโชคร้ายยังมีข่าวดีคือ Chevrolet

วางแผนที่จะผลิตรุ่นพวงมาลัยขวาขายด้วย

Chevrolet Corvette ถือเป็นรถสปอร์ตพลังแรงในสไตล์อเมริกันที่แฟนๆ ส่วนใหญ่ตั้งชื่อรถสปอร์ตกลุ่มนี้ว่า American Muscle Car เพราะเรี่ยวแรงและเสียงที่ดุดันของเครื่องยนต์วี8 ที่วางอยู่ด้านหน้า โดย Chevrolet เปิดตัว Corvette รุ่นแรกออกมาเมื่อปี 1953 บนตัวถังแบบเปิดประทุนก่อนที่จะเปลี่ยนป็น Coupe และ Convertible ตลอดมาทั้งรุ่น C2-C7 โดยทุกรุ่นจะวางเครื่องยนต์ด้านหน้า

สำหรับ C8 Stingray ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นคือ การใช้เลย์เอาท์ตัวถังแบบเครื่องยนต์วางกลางลำ และถือเป็นครั้งแรกของสปอร์ตสายพันธุ์นี้ ช่วงแรกของการเปิดตัวจะเป็นแบบ Coupe ที่สามารถถอดแผ่นหลังคาออกมาเก็บที่ด้านท้ายของตัวรถตรงห้องเครื่องยนต์ได้ ซึ่งตัวรถจะมีความยาว 4.63 เมตร พร้อมน้ำหนักในระดับ 1,530 กิโลกรัมซึ่งชิ้นส่วนตัวถังของรถจะผลิตจากอะลูมิเนียมผสมผสานกับคาร์บอนไฟเบอร์

เครื่องยนต์ที่ใช้อยู่ใน C8 Stingray เป็นรหัส LT2 บล็อกวี8 ที่มีความจุ 6,000 ซีซี ซึ่งเครื่องยนต์บล็อกนี้เป็นการพัฒนาต่อยอดมาจากรหัส LT1 ที่ประจำการอยู่ใน C7 โดยในรุ่นแรกที่ทำตลาดจะมากับแบบ NA ไม่มีระบบอัดอากาศ รีดกำลังออกมาได้ 490 แรงม้า ที่ 6,450 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 63.6 กก.-ม. ที่ 5,150 รอบ/นาที เพิ่มขึ้นจากรหัส LT1 อยู่ราวๆ 40 แรงม้า และ15.2 กก.-ม. โดยมีแพ็คเกจความแรงในรหัส Z51 เป็นออพชั่น โดยใครที่ซื้อออพชั่นนี้จะมีการติดตั้งชุดท่อร่วมและท่อไอเสียทั้งชุดแบบใหม่ ทำให้มีกำลังขยับขึ้นเป็น 495 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 64.2 กก.-ม. ทำให้ตัวรถมีอัตราเร่งดีขึ้น โดยใช้เวลาจาก 0-97 กิโลเมตร/ชั่วโมงไม่เกิน 3 วินาที

สำหรับราคาของ C8 Stingray ยังไม่มีการเปิดเผยออกมาในตอนนี้ แต่ทาง Chevrolet ยืนยันว่าจะมีราคาเริ่มต้นไม่เกิน 60,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือไม่เกิน 1.9 ล้านบาท (ในสหรัฐอเมริกา) และเริ่มต้นทำตลาดช้วงต้นปี 2020 ส่วนรุ่นพวงมาลัยขวาจะผลิตตามมาในช่วงกลางปี 2020

Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/