Casio G-SHOCK Rangeman GPR-H1000 แมวไฮเทคที่ไม่ควรพลาด

0

เรียกว่าเป็นความเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ Rangeman มีขีดความสามารถมากขึ้น และมาพร้อมกับฟังก์ชันที่รองรับทั้งการใช้งานในเชิงผจญภัย การออกกำลังกาย หรือการใช้ในชีวิตประจำวัน แถมยังมีความบึกและถึกตามสไตล์ G-SHOCK และด้วยค่าตัวในระดับ 16,900 บาท ต้องบอกว่า Casio G-SHOCK Rangeman GPR-H1000 คือ ตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นนักผจญภัยตัวยง หรือพวก Desk Adventurer ก็ตาม

- Advertisement -

Casio G-SHOCK Rangeman GPR-H1000

Casio G-SHOCK Rangeman GPR-H1000 แมวไฮเทคที่ไม่ควรพลาด

  • Rangeman ใหม่เพียบพร้อมด้วยฟังก์ชั่นที่ตอบสนองได้หลากหลายรูปแบบ

  • ตัวเรือนบึกบึนและมีจำหน่ายช่วงแรก 2 สีกับโมดุลที่รองรับการใช้งานทั้งการผจญภัยและการออกกำลังกาย

  • ราคาจำหน่าย 16,900 บาท ถือว่าคุ้มค่ากับนาฬิกาที่ครบเครื่อง

ส่วนตัวแล้วผมค่อนข้างชอบ Rangeman อย่างมาก โดยเฉพาะตัว GW-9400 เพราะนี่คือ นาฬิกาที่ครบเครื่องที่สุดในตระกูล Master of G ในราคาที่คุณเข้าถึงได้ภายใต้งบหมื่นนิดๆ (จากราคาป้าย) และตอนที่พวกเขาเปิดตัวเจ้าแมวใหญ่ในรหัส GPR-B100 ก็แอบชอบเหมือนกันนะ

แต่ด้วยทั้งราคาและขนาดตัวที่ใหญ่โอเวอร์เลยลองแค่แป๊บเดียว แล้วก็ต้องจากลาจากกัน ดังนั้น การเปิดตัว Rangeman ใหม่ของ Casio G-SHOCK ในรหัส GPR-H1000 จึงถือเป็นอะไรที่ถูกใจผมอย่างมาก ด้วยเหตุผลหลักคือ เป็นการรวมเอาข้อดีของทั้ง 2 รุ่นนี้เข้าด้วยกัน พร้อมกับการปรับตัวเพื่อให้อินเทรนด์ และมีราคาที่สามารถจับต้องได้

Rangeman ใหม่มาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง สิ่งแรกที่ถูกพูดถึงคือ สไตล์ของนาฬิกาที่พ่วงคุณสมบัติที่ทนโคลนและความสามารถของ Protrek ในเรื่องของการติดตั้งเซ็นเซอร์สำหรับใช้งานกลางแจ้งเข้าไปด้วย ซึ่งในรุ่นที่แล้วเป็นการแสดงผลผ่านหน้าจอขนาดเล็กและไม่ได้เป็นนาฬิกาแบบสปอร์ตที่เชื่อมต่อกับบลูทูธเพื่อเข้าสู่แอพพลิเคชั่น

ในรุ่นใหม่นี้ Rangeman ยังคงมีคุณสมบัติในด้านการเป็นนาฬิกาพันธุ์ถึก แต่ติดเกราะเพิ่มเพื่อความแข็งแกร่งโดยเปลี่ยนจากนาฬิกาปกติมาเป็น Sport Watch ที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ แถมยังมีเซ็นเซอร์ HR หรือ Heart Rate ซึ่งทำให้นาฬิกาเรือนนี้มีความอเนกประสงค์มากขึ้น คือ เป็นทั่ง Adventure Watch, Daily Watch และ Sport Watch ในเรือนเดียวกัน เรียกว่าเป็นอะไรที่พวกโลภมากและบ้าฟังก์ชั่นอย่างผมชอบมาก

Casio G-SHOCK Rangeman GPR-H1000Casio G-SHOCK Rangeman GPR-H1000

ในช่วงแรกของการเปิดตัวเมื่อปลายปี 2023 Casio G-SHOCK เปิดตัวออกมา 2 รุ่นคือ สีดำในรหัส GRP-H1000-1 และสีเหลืองในรหัส GRP-H1000-9 ผมเลือกเอาเจ้าสีเหลืองมาเป็นนาฬิกาคู่ใจแม้ว่าจะค่อนข้างกังวลอยู่ 2 เรื่อง คือ ความที่เป็นนาฬิกาสีอ่อนจะสกปรกมากไหม และความง่ายต่อการ Mix & Match กับเครื่องแต่งกายแบบมนุษย์ออฟฟิศอย่างผม ที่เป็นพวก Desk Adventurer … และต้องบอกว่า เป็นการเลือกที่ไม่ผิดหวัง

Casio G-SHOCK Rangeman GPR-H1000 มีความแตกต่างจาก G-SHOCK ในกลุ่ม Master of G ทั่วไป เพราะแม้ว่าทาง Casio G-SHOCK จะเริ่มเอาแอพพลิเคชั่นกับการเชื่อมบลูทูธมาใช้ แต่ส่วนใหญ่จะไปลงที่รุ่น MT-G, MR-G หรือไม่ก็พวกตระกูล 5600 มากกว่า ส่วนนาฬิกาลุยๆ พวกเขาเพิ่งเอาเข้ามาใช้อย่างเป็นเรื่องเป็นราวกับ Frogman เข็ม หรือ GWF-A1000 แต่โดยหลักการแล้วยังก็มีความเป็นนาฬิกามากกว่า เพราะการที่จะต้องดูข้อมูลก็ต้องพึ่งหน้าจอสมาร์ทโฟนเป็นหลัก ไม่ใช่ดูจากหน้าจอของตัวนาฬิกา

Casio G-SHOCK Rangeman GPR-H1000Casio G-SHOCK Rangeman GPR-H1000

สำหรับ Rangeman GPR-H1000 มีความก้ำกึ่งระหว่างการเป็นนาฬิกาปกติกับพวกสมาร์ทวอทช์ เรียกว่าเป็นนาฬิกาที่อยู่ตรงกลาง มีความยืดหยุ่นในการใช้งานมากกว่า โดยเฉพาะเรื่องอายุแบตเตอรี่ ที่ผมค่อนข้างชื่นชอบมาก เพราะคุณสามารถคืนพลังให้กับนาฬิกาได้ทั้งผ่านทางการเปลี่ยนแสงอาทิตย์ของระบบ Tough Solar และการชาร์จผ่านหัวชาร์จ เหมือนกับสมาร์ทวอทช์รุ่นอื่นๆ ตรงนี้ทำให้พวกที่อยากใส่นาฬิกาสไตล์นี้แต่เกลียดการเสียบปลั๊กชาร์จบ่อยๆ อย่างผม ตัดสินใจได้อย่างไม่ลังเลเลยเมื่ออ่าน Spec Sheet ของนาฬิกาเรือนนี้ แถมแบตเตอรี่ก็เข้าขั้นอึดและถึกถ้าไม่ใช้ฟังก์ชั่นอะไรมากมาย

Casio G-SHOCK Rangeman GPR-H1000

Casio G-SHOCK Rangeman GPR-H1000

มาดูที่เรื่องของรูปลักษณ์กันบ้าง นี่คือ นาฬิกาอีกรุ่นที่ส่วนตัวผมมองว่า ออกแบบได้อย่างเยี่ยมมาก ตัวเรือนให้สัมผัสที่บึกบึนตามแบบฉบับ G-SHOCK ด้วยเส้นสายที่เน้นสันเหลี่ยม และแม้ว่านาฬิกาจะเรือนใหญ่ด้วย เส้นผ่านศูนย์กลาง 53.2 มิลลิเมตร และหนา 20.3 มิลลิเมตร แต่เมื่อสวมใส่แล้วไม่ได้รู้สึกว่าหนักหรือเทอะทะแต่อย่างใด โดยน้ำหนักรวมของตัวนาฬิกาอยู่ที่ 92 กรัม และเบากว่านาฬิกา G-SHOCK ตระกูล MOVE บางรุ่นเสียอีก

Casio G-SHOCK Rangeman GPR-H1000 Casio G-SHOCK Rangeman GPR-H1000

วัสดุในการผลิตตัวเรือนและสายเป็น Biomass Plastic ซึ่งเป็นส่วนผสมของวัสดุที่เป็นอินทรีย์และสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติเมื่อมีการถูกทิ้ง ซึ่งนาฬิกาหลายรุ่นของ Casio G-SHOCK เริ่มใช้วัสดุประเภทนี้มากขึ้น และต้องยอมรับว่านับตั้งแต่สัมผัสวัสดุประเภทนี้มา การสวมใส่ใน Rangeman ใหม่ถือว่ามีความนุ่มและสวมใส่ได้อย่างสบายขึ้นกว่านาฬิการุ่นแรกๆ ที่ใช้วัสดุประเภทนี้

Casio G-SHOCK Rangeman GPR-H1000

ตัวสายถูกออกแบบให้มีร่องละเอียดและค่อนข้างเยอะ ซึ่งถือเป็นการปรับการรัดข้อมือแบบละเอียด และช่วยให้สามารถใส่นาฬิกาได้แบบกระชับกับข้อมือมากขึ้น ซึ่งตรงนี้เป็นอีกจุดดีที่ Casio G-SHOCK นำแนวคิดของสายนาฬิกาพวก Sport Watch มาใช้กับนาฬิกาเรือนนี้

Casio G-SHOCK Rangeman GPR-H1000

Casio G-SHOCK Rangeman GPR-H1000 Casio G-SHOCK Rangeman GPR-H1000

ความบึกบึนและถึกในเชิงภาพลักษณ์ของตัวนาฬิกา ส่วนหนึ่งมาจากเส้นสายบนตัวเรือน การใช้สีบนตัวเรือน และชิ้นส่วนด้านข้างที่ถูกจัดว่างอยู่ในตำแหน่ง 3 และ 9 นาฬิกา ซึ่งเป็นโลหะเคลือบสีดำสำหรับรุ่นนี้ และจะเป็นสีเงินสำหรับรุ่นตัวเรือนดำ โดยเป็นกรอบโลหะประกบเพื่อป้องกันโมดุล เซ็นเซอร์ต่างๆ ที่มีทั้งหมด 6 ตัว และเสาสัญญาณ GPS จากการกระแทกในระหว่างใช้งาน ซึ่งวัสดุชิ้นนี้ผลิตจากกระบวนการที่เรียกว่า MIM หรือ metal injection molding

Casio G-SHOCK Rangeman GPR-H1000

ข้อดีคือ ดูเท่ดี แต่สำหรับตัวเรือนสีเหลืองที่ชิ้นส่วนนี้เป็นสีดำ ผมต้องพิถีพิถันกับมันหน่อยเวลาที่จะต้องวางนาฬิกาบนหัวเตียง ด้วยการเอากระดาษทิชชู่ทบหลายๆ ชั้นวางเอาไว้ก่อนนำนาฬิกาวางลงไป เพราะกลัวจะเกิดรอยจากการกระแทกหรือครูดกับพื้นผิวของหัวเตียง

ตัวนาฬิกามากับหน้าจอแบบใหม่ที่มีความทันสมัย ซึ่งเรียกว่า MIP หรือ Memory In Pixel มีความ Contrast สูง ทำให้สามารถมองได้อย่างชัดเจน แต่ขณะเดียวกันก็มีการกินพลังงานต่ำมาก และถ้ามองไม่เห็นตัวระบบก็ยังมีไฟแบบ LED เป็นตัวช่วยในเวลามองยามค่ำคืน ขณะที่เมื่อพลิกด้านหลังจะเจอกับการเจาะช่องเพื่อติดตั้ง Heart Rate Sensor ที่ถูกเพิ่มเข้ามาในรุ่นนี้ และไม่ต้องตกใจว่าทำไมถึงไม่พบกับภาพของเจ้าแมวที่เป็นสัญลักษณ์ของ Rangeman เพราะมีการย้ายสัญลักษณ์ไปอยู่ที่ด้านหลังของ End Link ของสายแทน

Casio G-SHOCK Rangeman GPR-H1000

สิ่งที่น่าสนใจและน่าจะถูกใจสำหรับคนที่ชอบอะไรที่หลากหลาย และเป็นพวกแบบ All-in-One เพราะโมดุลรหัส 3554 มีทั้ง HR หรือ Heart Rate Sensor การเชื่อมต่อกับ Bluetooth ที่สามารถเลือกโหมดของการออกกำลังกายในแบบต่างๆ ทั้งอินดอร์และเอาท์ดอร์ การวัดระดับออกซิเจนในเลือด การนับก้าว การฝึกหายใจ การตรวจและวิเคราะห์รูปแบบการนอน

ในส่วนของ Sport Mode นั้นจะสามารถวัดค่าในการทำกิจกรรมภายใต้รูปแบบต่างๆ ถึง 9 ประเภทด้วยกันและครอบคลุมถึงกิจกรรมต่างๆ เช่น การเดินทางไกล, การวิ่ง/เดิน, การปั่นจักรยาน, การว่ายน้ำในสระหรือบนพื้นที่เปิด เช่น ทะเล และการออกกำลังกายในยิม

รวมถึงการปักหมุดในการเดินทาง การวัดความสูง ความกดอากาศ อุณหภูมิ หรือเข็มทิศอิเล็กทรอนิกส์ การดูตารางน้ำขึ้นน้ำลงที่สามารถดูได้จาก 3,300 จุดทั่วโลก (เมื่อมีการเชื่อมต่อกับ Application อย่าง Casio Watches) การแสดงข้างขึ้นข้างแรม Moonphase และการแสดงพระอาทิตย์ขึ้นและลง เรียกว่าเป็นนาฬิกาที่ผสมผสานระหว่าง Master of G, Sport Watch และ Protrek เข้าด้วยกัน โดยตัวหน้าจอมี Watchface ให้เลือกหลากหลาย ทั้งแบบที่ทาง Casio G-SHOCK มีมาให้ และแบบที่คุณสามารถ Custom ได้เอง

โดยการเลือกโหมดก็กดที่ปุ่ม 10 นาฬิกาก็จะมีโหมดต่างๆ ออกมาให้เลือกใช้งาน เมื่อต้องการใช้ก็กดปุ่มในตำแหน่ง 9 นาฬิกาเพื่อเลือก และถ้าต้องการออก หรือ Back ก็กดปุ่มในตำแหน่ง 4 นาฬิกา

Casio G-SHOCK Rangeman GPR-H1000

ในแง่ของการใช้งานนั้น เมื่อแบตเตอรี่ชาร์จจนเต็ม จะขึ้นคำว่า High บนแถบแบตเตอรี่ และเมื่อใช้งานตามปกติแบบไม่ได้เปิดระบบมากมาย โดยเฉพาะ GPS จะงานได้ต่อเนื่องนานถึง 23 เดือน นี่คือ ข้อดีสำหรับมนุษย์ที่สวมนาฬิกาประเภทนี้ และไม่ได้ใช้ฟังก์ชั่นอะไรมากมายอย่างผม

แต่ถ้าคุณเป็นนักผจญภัยและมีนาฬิกาเรือนนี้ติดตัวเพื่อออกทริปและใช้มันอย่างเต็มที่ ก็ลำบากนิดนึงในเรื่องของการชาร์จ เพราะถ้าเปิดรับ GPS ตลอด ก็จะใช้งานได้แค่ 14-19 ชั่วโมงขึ้นอยู่กับความถี่ในการเชื่อมต่อ ถ้าอยู่ในป่า อาจจะต้องบริหารเรื่องการใช้พลังงานให้ดี แม้ว่าจะมีระบบ Tough Solar เข้ามาช่วยเติม แต่ดูแล้วก็ไม่น่าจะขึ้นได้ทันกับความต้องการใช้งานอย่างแน่นอน

Casio G-SHOCK Rangeman GPR-H1000 มากับค่าตัว 16,900 บาท อาจจะแพงกว่าพวก G-Shock Move บางรุ่น และถูกกว่ากลุ่มนาฬิกาที่ใช้ OS จาก Google แต่ข้อดีของมันคือ การเป็นจุดศูนย์รวมของความหลากหลายการใช้งาน ตอบสนองได้ครบสำหรับคนทั้ง 3 กลุ่มอย่างที่ผมเกริ่นขั้นต้น ถ้าคุณเป็นพวก G-SHOCK Mania และรับไม่ได้ที่จะต้องสวมพวก Sport Watch แบรนด์อื่นๆ ที่มีขายอยู่เต็มท้องตลาด นี่คือ ทางเลือกที่น่าสนใจอย่างมาก มีกลิ่นของ G-SHOCK เต็ม

รายละเอียดทางเทคนิค : Casio GSHOCK Rangeman GRPH1000

  • เส้นผ่านศูนย์กลาง : 53.2 มิลลิเมตร
  • ความกว้างขาสาย : 60.6 มิลลิเมตร
  • ความหนา : 20.3 มิลลิเมตร
  • โมดุล : 3554 แบบ Tough Solar
  • ฟังก์ชั่น :
  • Sport Mode ครอบคลุมการทำกิจกรรมภายใต้รูปแบบต่างๆ ถึง 9 ประเภทด้วยกันและครอบคลุมถึงกิจกรรมต่างๆ เช่น การเดินทางไกล, การวิ่ง/เดิน, การปั่นจักรยาน, การว่ายน้ำในสระหรือบนพื้นที่เปิด เช่น ทะเล และการออกกำลังกายในยิม
  • Health Mode : วัดอัตราการเต้นของหัวใจ / วัดระดับออกซิเจนในเลือด / วิเคราะห์คุณภาพในการนอนหลับ / การฝึกหายใจ
  • Adventure Mode : บอกระดับน้ำขึ้นลงทั่วโลก / Moonphase / บอกช่วงเวลาพระอาทิตย์ขึ้นและตก / บอกอุณหภูมิ / วัดความสูง / วัดความกดอากาศ / เข็มทิศอิเล็กทรอนิกส์ / แสดงแผนที่เดินทางผ่าน Application
  • การกันน้ำ : 200 เมตร
  • จุดเด่น : ดีไซน์ ความทนทานตามสไตล์ G-SHOCK / ความครบเครื่องของฟังก์ชั่นที่ถูกรวมอยู่ในนาฬิกาเรือนเดียว / ราคาที่เข้าถึงได้
  • จุดด้อย : ไม่มี