ตอนที่ Casio G-SHOCK เปิดเผยรายละเอียดของคอลเล็กชั่น GA2100MNG ออกมา บอกเลยว่านี่คือ หนึ่งในคอลเล็กชั่นของปีนี้ที่ผมจะไม่พลาด และในที่สุดก็ได้จับจองมาครอบครองในที่สุด ซึ่งเมืองไทยมีการเปิดของผ่านทางช่องทางออนไลย์ในราคารุ่นละ 6,500 บาท และหมดเกลี้ยงในเวลาอันรวดเร็ว
Casio G-SHOCK GA-2100MNG-7AJR ไอเดียสุดแจ่มที่บอกเลยว่าไม่ควรพลาด
-
นาฬิกาที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นด้วยสไตล์และดีไซน์ที่อ้างอิงจากสายเส้นจากมังงะ หรือหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่น
-
ใช้พื้นฐานของรุ่น GA-2100 และมีการผลิตออกมา 2 สีด้วยกัน โดยคอนเซ็ปต์นี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จนกระทั่งนาฬิกา SOLD OUT แล้ว
-
ในบ้านเรามีเข้ามาจำหน่ายด้วยการจองออนไลน์ มีด้วยกันสีละ 40 เรือนในราคาเรือนละ 6,500 บาท
ตอนที่ผมได้เห็นนาฬิกาเซ็ตนี้จากภาพเว็บของ Casio G-SHOCK ในญี่ปุ่น บอกเลยว่า ไม่พลาด และควรจะเหมา 2 เรือนเลย แต่สุดท้ายพอถึงเวลาจริง แค่เรือนเดียวก็แทบเหนื่อยแล้ว เพราะนี่คือ Casio G-SHOCK ซึ่งเป็นที่ต้องการของลูกค้าทั่วโลกอีกเรือนหนึ่งเลยก็ว่าได้ ข่าวว่าเมืองไทยภายใต้การจำหน่ายของ CMG มาเพียงแค่รุ่นละ 40 เรือนเท่านั้น ดังนั้น การแย่งชิงผ่านทางออนไลน์จึงเริ่มขึ้น และจาก 2 เรือนที่คาดหวัง เอาเป็นว่าสมหวังแค่เรือนเดียวก็ถือว่าเป็นผลประกอบการที่น่าพอใจแล้ว ซึ่งในที่สุด Casio G-SHOCK GA2100MNG เรือนนี้ก็เดินทางมาถึงมือผมในที่สุด
ตามปกติแล้ว GA2100 ที่เปิดตัวออกมาครั้งแรกในปี 2019 ด้วยดีไซน์ของกรอบตัวเรือนทรงแปดเหลี่ยมที่อ้างอิงมาจากรุ่น DW5000C ซึ่งเป็น G-SHOCK รุ่นดั้งเดิมที่เปิดตัวในปี 1983 เป็นอะไรที่ไม่ค่อยถูกชะตากับผมสักเท่าไร อย่างแรกน่าจะเป็นของขนาด ที่ตัวเรือนเล็กกว่า G-SHOCK รุ่นปกติที่ผมใส่ และข้อที่ 2 คือ ตัวผมเองยังไม่เจอสิ่งที่เรียกว่าการสร้างสรรค์ด้วยที่โดนใจ จนกระทั่งพวกเขาเปิดตัว Earth Tone ออกมาในปี 2021 นั่นแหละ จึงทำให้ผมกับนาฬิการุ่นนี้ได้พบกันสักที และเคยรีวิว GA-2110ET-8A ไปแล้วก่อนหน้านั้น
Casio G-SHOCK GA2100MNG เป็นอีกรุ่นที่ทำให้ผมเกิดความรู้สึกอยากได้นาฬิกาตระกูล GA2100 มาครอบครอง ประเด็นหลักคงเป็นเรื่องของไอเดียในการนำเสนอนี่แหละ พวกเขานำแนวคิดในการใช้ลายเส้นมาตัดขอบและตามจุดต่างๆ ของตัวเรือนและสายจนกลายมาเป็นเวอร์ชัน Manga หรือหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่น
จริงๆ ผมเล็งเอาไว้ว่าจะสอย 2 รุ่นเลย นั่นคือ GA-2100MNG-7AJR ที่มากับสีขาวพร้อมเข็มนาทีสีเหลือง และ GA-2100MNG-2AJR ที่มากับสีฟ้าพร้อมเข็มนาทีสีแดง แต่ในเมื่อดีมานด์มันมีน้อยกว่าซัพพลาย การได้มาแค่เรือนเดียวในราคา Price List ต้องบอกว่าเป็นอะไรที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งแล้ว เพราะความฮ็อตและความต้องการที่เกิดขึ้นทั่วโลก ทำให้ราคา Resale ของนาฬิกาเรือนนี้ทะลุไปไกลแล้ว ถ้ามีเงินการครอบครอง 2 เรื่องคงไม่ใช่เรื่องใหญ่ ถ้าคุณกล้าที่จะจ่ายเงินในราคาที่มากกว่าราคาป้าย 2-3 เท่าได้แบบไม่ต้องคิดมาก
จริงๆ แล้วตอนแรกผมคิดว่านาฬิกาเรือนนี้จะต่างกับ GA2100 ในซีรีส์อื่น แต่ก็ต้องเปลี่ยนความคิดเมื่อได้เห็นกับเรือนจริง เพราะสิ่งที่เปลี่ยนไม่ได้มีแค่เชิงกายภาพที่อยู่บนตัวเรือนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงแพ็คเกจที่เกิดขึ้นด้วย
ผมว่ามันเป็นเรื่องที่ดีนะ เพราะจากเดิมที่คุ้นเคยกับกล่องกระดาษดำๆ มาตั้งแต่ทศวรรษที่ 2000 ไล่มาจนถึงกระป๋องเหล็กในช่วงทศวรรษที่ 2010 ไม่ว่าจะเป็นรุ่นธรรมดาหรือรุ่นพิเศษ ตอนนี้ Casio ใส่ใจกับแพ็คเกจที่เกิดขึ้นกับนาฬิการุ่นพิเศษของพวกเขามากขึ้น
ซึ่งความพิเศษนี้ไม่ใช่เฉพาะพวก Limited Edition หรือผลิตจำกัดเท่านั้น แต่ยังรวมถึงรุ่นพิเศษ Special Edition ซึ่งอาจจะไม่ได้มีการระบุจำนวนการผลิตออกมาเป็นตัวเลขชัดๆ แต่ก็มีผลิตที่จำนวนไม่เยอะเท่ากับรุ่นปกติ
ผมชอบมาตั้งแต่ตอนที่พวกเขาเปิดตัวรุ่นฉลอง 30 ปีของ Frogman ตามมาด้วยรุ่น Galapagos ที่เปิดตัวเมื่อต้นปี 2024 และก็รวมถึงรุ่นนี้ นาฬิกามากับกล่องกระดาษสีน้ำตาลอ่อนๆ แต่มีการใส่ใจในเชิงการใส่รายละเอียดที่สอดคล้องกับคอนเซ็ปต์ของตัวนาฬิกา เช่น การใช้ลายเส้นอยู่บนแพ็คเกจ รวมถึงการจับเอาคู่มือและใบรับประกันเอามาใส่ไว้ในตัวกล่อง ส่วนหมอนรัดสายจากเดิมที่เป็นฟองน้ำสีดำ ก็เปลี่ยนมาใช้กระดาษแข็งม้วนเป็นโรลล์
ลงตัว แถมยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย แม้ว่าอาจจะมีเสียงสะท้อนออกมาบ้างว่าดูแล้วไม่สมราคา แต่ผมว่าทีมออกแบบแพ็คเกจของ G-SHOCK ทำได้ดีเลยกับยุคที่เราต้องห่วงใยเรื่องสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้นไม่ว่าจะในฐานะของผู้ผลิต หรือผู้บริโภค ซึ่งตัวเรือนและสายของนาฬิการุ่นนี้ก็ผลิตจาก BioMass Plastic หรือพลาสติกที่ผลิตจากวัสดุทางธรรมชาติ ซึ่งสามารถย่อยสลายได้เมื่อถูกทิ้ง
ผมได้ GA-2100MNG-7AJR สีขาวมาตามความต้องการที่แฝงเอาไว้ด้วยความกังวล เพราะถ้าคุณคุ้นเคยกับ G-SHOCK มานานจะทราบดีกว่า สีขาวและสีใส คือ สิ่งที่มีความเปลี่ยนแปลงในเชิงกายภาพตามวันเวลาและความหนักหน่วงในการใช้งาน ผมไม่ได้บอกว่าสีอื่นไม่เป็น แต่ 2 สีนี้จะชัดเจนมากที่สุด
โดยเฉพาะอาการคราบเหลืองที่เกิดขึ้น นั่นเลยทำให้หลายคนเลือกเมิน 2 สีนี้อยู่เสมอ ขณะที่ผมก็กังวลนิดนึง แต่ความอยากอยู่เหนือความกังวล สิ่งที่เรียกว่า ‘ช่างมัน’ ก็เลยเกิดขึ้น เพราะซื้อมาใส่ และใช้งานอยู่แล้ว อีกอย่างกว่าสิ่งที่กังวลจะเกิดขึ้น ก็น่าจะผ่านไป 6-7 ปีแล้วในกรณีที่ใช้แบบไม่ระวัง หรือมากกว่านั้น ถ้าคุณรู้จักถนอมมัน และดูแลอย่างถูกวิธี
คนในยุคผมที่เติบโตมากับวัฒนธรรมญี่ปุ่นโดยเฉพาะในช่วงทศวรรษที่ 1980 จะคุ้นเคยกับการอ่านหนังสือการ์ตูน หรือมังงะของญี่ปุ่นมาตั้งแต่เด็กๆ สมัยนุ่งขาสั้น เรียกว่าอ่านมากกว่าหนังสือเรียนอีก (555) และจนถึงปัจจุบัน
แม้ว่าหนังสือการ์ตูนจะโดนเบียดเบียนโดยไฟล์ดิจิตอลที่เป็น PDF ที่สะดวกแถมฟรี จนส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจของหลายสำนักพิมพ์ในบ้านเรา แต่ส่วนตัวผมก็ยังอุดหนุนหนังสือการ์ตูนทุกครั้ง เมื่อมีเวอร์ชันใหม่ๆ ที่น่าสนใจออกมา เช่นเดียวกับเรื่องใหม่ๆ อย่างล่าสุดก็เพิ่งซื้อ Blue Giant Supreme ซึ่งเป็นภาคต่อของ Blue Giant มานั่งอ่าน
กลับมาที่นาฬิกาเรือนนี้ สารภาพเลยว่า เป็นคอลเล็กชั่นที่เด็ดมากของ G-SHOCK ในปีนี้ ชนิดถ้าเจอหัวหน้าโปรเจ็กต์ของซีรีส์นี้พร้อมทีมงานจะขอกระโดดกอดสักที ผมไม่เคยรู้สึกกับนาฬิกาเรือนไหนของ G-SHOCK ชนิดที่อยากได้มากมานานแล้ว นับตั้งแต่ Frogman รุ่น Burning Red อย่าง GWF-1000RD-4JF
นาฬิกาเรือนนี้มีความพิเศษตรงที่มีการสกรีนตัวเรือน หน้าปัด ขอบตัวเรือน และสายด้วยลายเส้นยุ่งๆ สีดำที่ตัดตามขอบที่ทำให้ดูเหมือนกับนาฬิกาที่ถอดแบบมาจากหนังสือการ์ตูนของญี่ปุ่น ซึ่งกลายเป็นอีกวัฒนธรรมที่คนไทยและคนทั่วโลกคุ้นเคยกันมานานตั้งแต่ทศวรรษที่ 1980 นอกจากนั้น บนหน้าปัดย่อยในตำแหน่ง 9 นาฬิกา ตามปกติแล้วจะมีเข็มเพื่อชี้ไปวันประจำสัปดาห์ หรือ Day แทนที่จะเป็นเข็มปกติ ก็เปลี่ยนเข็มให้เป็นรูปทรงของช่องคำพูดที่อยู่ในมังงะ
และเมื่อพลิกฝาหลัง เราจะพบกับการสลักบนฝาหลังที่เป็นคำภาษาญี่ปุ่นที่เราคุ้นเคยกันดีในการ์ตูนแอคชั่น ซึ่งก็คือคำว่า Boom ซึ่งอยู่ในทุกฉากของการระเบิดหรือการต่อสู้ของตัวละคร
เอาเข้าจริงๆ ขนาดตัวเรือนไซส์ 45.4 มิลลิเมตรของ GA2000/GA2100 ก็ไม่ได้ถือว่าเล็กเลยเมื่อเปรียบเทียบกับนาฬิกาปกติ แต่พอดีมันคือ นาฬิกา G-SHOCK ที่เราคุ้นเคยกับการใส่แบบโอเวอร์ไซส์ เรียกว่าหน้าปัดในระดับ 40 มิลลิเมตรปลายๆ หรือไม่ก็นำหน้าด้วยเลข 5 แถมยังตัวเรือนบางอีก มันก็เลยใส่แล้วดูแปลกๆ แต่ก็แค่ช่วงแรกเท่านั้นเอง เพราะหลังจากที่สวมมาได้สักระยะ ผมคิดว่ามันคือนาฬิกาที่ลงตัวมาก และใส่ง่ายไม่ต่างจาก 5600 Series เลย มิกซ์แอนด์แมทช์กับเสื้อผ้าและรูปแบบการแต่งตัวได้ง่าย แม้กระทั่งการใส่ชุดที่ออกทางการนิดๆ อย่างเวลาจะต้องไปทำงาน
โครงสร้างตัวเรือนแบบ Carbon Core Guard คืออะไรที่ผมคิดว่าเยี่ยมมาก และทำให้เกิดนิยามใหม่ที่ว่า G-SHOCK ที่ถึกๆ ไม่จำเป็นจะต้องมีความหนา เพราะโครงสร้างแบบนี้ช่วยทำให้ตัวนาฬิกาบางลง แต่ยังมีความสามารถในการปกป้องแรงกระแทกไม่ให้ส่งผ่านเข้ามาทำอันตรายต่อโมดุลที่อยู่ข้างใน ซึ่งพวกเขานำมาใช้ในนาฬิกาหลายรุ่น อย่างใน GA2100MNG มีความบางเพียง 12 มิลลิเมตรเท่านั้น
สิ่งเดียวที่ผมค่อนข้างมีปัญหา ซึ่งน่าจะเป็นปัญหาเฉพาะช่วงอายุและวัย คือ ความยุ่งบนหน้าปัดบวกกับความเล็กของฟอนต์ ทำให้ผมมองอะไรบนหน้าปัดแทบไม่เห็น โดยเฉพาะในวงหน้าปัดย่อยตำแหน่ง 9 นาฬิกา ซึ่งจะมีเข็มชี้เพื่อบอกว่านาฬิกากำลังอยู่ในวันประจำสัปดาห์อะไร (Day) แต่ยังดีที่นาฬิกาเรือนนี้มีโหมดไม่เยอะ และฟังก์ชั่นส่วนใหญ่ก็เป็นพวกพื้นฐานที่มีอยู่ใน G-SHOCK ทั่วไปก็เลยไม่ต้องกังวลอะไรมากเมื่อเปรียบเทียบกับเวลาดูจากพวก MTG หรือ Mudmaster
สรุปโดยรวม ถ้าใครพลาดการจอง บอกเลยว่าโอกาสที่จะซื้อในราคาป้ายนั้นแทบไม่มีแล้ว เพราะในเว็บของ G-SHOCK ญี่ปุ่น ขึ้นสถานะ SOLD OUT แล้ว โดยราคาป้ายจริงๆ ในญี่ปุ่นอยู่ที่ 25,300 เยน ส่วนบ้านเราตอนกดจองผ่านช่องทางออนไลน์อยู่ที่ 6,500 บาทเท่านั้น แพงกว่ารุ่นธรรมดานิดหน่อย แต่ถือว่าคุ้มค่ามาก
ข้อมูลทางเทคนิค : Casio G-Shock GA-2100MNG-7AJR
- เส้นผ่านศูนย์กลาง: 45.4 มิลลิเมตร
- Lug to Lug: 48 มิลลิเมตร
- ความหนา: 11.8 มิลลิเมตร
- วัสดุตัวเรือนและสาย: เรซิน
- โครงสร้างตัวเรือน: Carbon Core Guard
- โมดุล: 5611
- ความเที่ยงตรง: +/-15 วินาที
- ปฏิทินอัตโนมัติ: ถึงปี 2099
- แบตเตอรี่: SR726W 2 ก้อน มีอายุการใช้งาน 3 ปี
- ระดับการกันน้ำ: 200 เมตร
- ประทับใจ : คอนเซ็ปต์ในการสร้างสรรค์, ดีไซน์โดยรวมของตัวนาฬิกา ความสะดวกในการสวมใส่ในทุกโอกาส
- ไม่ประทับใจ : ไม่มี
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/
YouTube Channel : https://www.youtube.com/channel/anadigionline