Casio G-Shock Frogman GF-8235D-1B จับกบเล็กมาแต่งตัวฉลอง

0

การกลับมาของกบเล็กหรือ Casio Frogman GF-8200 Series โดยถูกจับมาอยู่ในคอลเล็กชั่นฉลอง 35 ปีของ G-Shock อย่างรุ่น Origin Gold และวางขายในรหัส Casio G-Shock Frogman GF-8235D-1B

Casio G-Shock Frogman GF-8235D-1B
Casio G-Shock Frogman GF-8235D-1B

Casio G-Shock Frogman GF-8235D-1B จับกบเล็กมาแต่งตัวฉลอง

  • คอลเล็กชั่นที่ 4 ของการฉลอง 35 ปีของ Casio G-Shock

  • เติมความสวยงามแลพความพิเศษให้กับ Frogman รุ่นเล็กด้วยรหัส GF-8235D-1B

  • ราคาตามป้าย 21,035 บาท

- Advertisement -

นาฬิกา Casio G-Shock Frogman ในตระกูล 8200 กับผม เพิ่งจะมาเริ่มทันกันตอนที่ Casio จับเอามี Re-Issue ในช่วงปี 2011 หลังจากที่หายหน้าไปจากตลาดนานเอาเรื่องเหมือนกันและหลังจากที่สลายฟาร์มกบเพื่อทำตามเจตนารมย์ในการเดินตามสาวสวิสส์แล้ว ผมกับนาฬิการุ่นนี้แทบไม่ได้เจอกันอีกเลย จนกระทั่งมันกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของคอลเล็กชั่นฉลอง 35 ปีของ Casio G-Shock โดยจำหน่ายในตระกูล Origin Gold ภายใต้รหัส Casio G-Shock Frogman GF-8235D-1B

นาฬิการุ่น Origin Gold เป็นคอลเล็กชั่นที่ 4 ของการฉลอง 35 ปีของ G-Shock ต่อจาก Big Bang Black, Gold Tornado และ Red Out โดยประกอบไปด้วยนาฬิกา 3 รุ่นซึ่งนอกจาก GF8235D แล้ว ก็มี DW5035D และ DW5735D โดยต้องสารภาพตามตรงว่าหลังจากตามมาได้แค่ Red Out ความอยากของผมที่มีต่อคอลเล็กชั่น 35 ปีแทบจะไม่เหลืออะไรเลย

เพราะความแปลกใหม่ของตัวนาฬิกาที่ Casio จับเข้ามาอยู่ในคอลเล็กชั่นแทบจะไม่มี ถ้าไม่เลือกรุ่นธรรมดา ก็จะหลุดโลกไปสู่รุ่นแพงๆ อย่าง Gold Tornado เลย รุ่นที่แทรกกลางซึ่งจะช่วยเติมความพิเศษให้กับคอลเล็กชั่นนั้นๆ แบบมนุษย์เงินเดือนอย่างผมจับต้องได้นั้น แทบจะไม่มีเลย จนกระทั่งการมาถึงของเจ้า GF-8235D-1B นี่แหละ

ย้อนกลับกันไปสักนิดสมัยเมื่อ 8 ปีที่แล้ว Casio ปัดฝุ่นนำ 8200 ซีรีส์ กลับมาสู่ตลาดอีกครั้งหลังจากที่ Casio เปิดตัว Frogman รุ่นที่ 4 ในรหัส GWF-1000 ออกมา ซึ่งเป็น Frogman รุ่นแรกที่ใช้โมดุลแบบ Multiband การเพิ่มทางเลือกในตลาดมันก็เป็นส่วนหนึ่งแหละ เพราะ 8200 คัมแบ็คสู่ตลาดด้วยรหัส 8250-9 ตัวเรือนเหลืองที่ชวนให้นึกถึงการแจ้งเกิดในตระกูล Men in Yellow

เมื่อปี 1998 แต่ผมว่าส่วนหนึ่งอาจจะเพราะ GWF/GF-1000 เป็นกบที่ตัวเรือนใหญ่มากอาจจะทำให้ลูกค้าที่คุ้นเคยกับรุ่นที่แล้วอย่าง GW-200 หวั่นไหวในขนาดได้ (ซึ่งตอนแรกที่ได้ใส่ GF-1000 เมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้ว ผมก็ไม่ค่อยชอบขนาดสักเท่าไรเหมือนกัน) ก็เลยมีทางเลือกเสริมควบคู่กันมาด้วย

แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ผมและแฟนๆ G-shock ก็คุ้นเคยกับเจ้ากบเล็กในซีรีส์ 8200 นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และ Casio ก็นำมาผลิตเป็นเวอร์ชันต่างๆ มากมาย โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นรุ่นพิเศษมากกว่ารุ่นปกติ ซึ่งก็รวมถึง GF-8235D-1B

อย่างที่บอกไปตั้งแต่ตอนต้นว่า ผมค่อนข้างแฮปปี้กับ Frogman รุ่นนี้มากด้วยเหตุผลในเรื่องของขนาดตัวเรือนที่พอเหมาะกับข้อมือ ไม่ใหญ่โอเวอร์เหมือนกับ Frogman รุ่นใหม่ๆ เพราะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางที่พอเหมาะ ไม่บ้าพลังเหมือนกับ Frogman รุ่นหลังๆ และทำให้คนที่หลงการสวมใส่กบเจนเนอเรชั่นที่ 4 อย่าง GW-200 ชื่นชอบมาก

อีกทั้ง Casio เองก็ยังปรับดีไซน์และโมดุลของ GF8200 Series ให้มีความคล้ายกับ GWF/GF-1000 มันก็เลยทำให้หน้าตาของตัวนาฬิกาดูทันสมัยขึ้นเยอะ เหมือนเป็นการผสมผสานระหว่างขนาดตัวเรือนของ GW-200 เข้ากับโมดุลที่มีหน้าตาทันสมัยเหมือนกับ GF/GWF-1000

การกลับมาในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีเหมือนกับสำหรับ GF-8200 เพราะว่านับจากรุ่นที่มากับตัวเรือนลายพรางอย่าง Camouflage GF-8250CM-2 เจ้าคอลเล็กชั่นนี้ก็แทบหายไปจากตลาดเลยจนนึกว่าจะเลิกผลิตไปแล้ว เพราะว่าช่วงที่ผ่านมา Casio ก็มี Frogman รุ่นใหญ่ในตระกูล GWF-D1000 ออกมาทำตลาด ก็เลยเหมือนกับมุ่งความสนใจในการทำตลาดไปที่คอลเล็กชั่นนี้มากกว่า

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมค่อนข้างพอใจ และแฮปปี้กับนาฬิกาเรือนนี้คือ ความลงตัวของสีสันระหว่างดำกับทองในโทนหม่นๆ ออกเหลือง แม้ว่าจะไม่ชอบมากเท่ากับรุ่นฉลองครบรอบ 25 ปีอย่างเจ้า Dawn Black หรือ GW-225A ก็ตาม แต่ Casio ก็เลือกจับคู่สีได้อย่างลงตัว เหมาะกับนาฬิกาอย่างมาก และสีทองที่ใช้ก็ไม่ใช่พวก Blink Blink อย่างที่พบในนาฬิการุ่นเล็กๆ ของพวกเขาอย่าง GA110 ที่ถูกใจขา Street Ware หรือพวกที่มี Hip-Hop อยู่ในหัวใจ

สีทองที่บนฟอนต์ที่อยู่ขอบตัวเรือน และบนพื้นหน้าปัดเข้ากันอย่างลงตัว และสีอื่นๆ ที่อยู่บนตัวเรือนไม่มีเยอะจนทำให้นาฬิกาดูเลอะ เป็นการใช้สีอย่างพอเหมาะและลงตัว ขณะที่ตัวเรือนของ GF-8235D-1B มากับรูปลักษณ์ที่ถอดแบบมาจากรุ่นดั้งเดิม ที่มีเอกลักษณ์อย่างการออกแบบให้ตัวเรือนยางยื่นออกมาเหมือนกับเป็นตัวครอบปุ่มกดในตำแหน่ง 8 และ 10 นาฬิกา

            และตามสไตล์ของรุ่นฉลองพิเศษของ G-Shock เมื่อพลิกนาฬิกาเราจะพบกับฝาหลังที่มีการสลักลวดลายของโลโก้ฉลอง 35 ปีของ G-Shock แทนที่จะเป็นโลโก้กบดำน้ำของ Frogman เช่นเดียวกับตัวรัดสายสีทองที่มีการสลักลายที่เป็นจำนวนดาวของการเฉลิมฉลอง ซึ่งในกรณีนี้คือ ดาวใหญ่ 3 ดวงแทนหลักสิบ และดาวเล็ก 5 ดวงแทนหลักหน่วย

สำหรับรุ่นใหม่นี้บอดี้หลักของนาฬิกา

มีการใช้ Stainless Steel เหมือนกับ GF/GWF-1000 แทนที่จะเป็นไทเทเนียมเหมือนกับ GW-200 สิ่งที่ได้มาคือน้ำหนักที่โอเคบนข้อมือ แต่ก็ทนต่อการกัดกร่อนของน้ำทะเลด้วย เพราะตัวบอดี้ผ่านการเคลือบ DLC-Diamond-Like Coating มาด้วย ส่วนการออกแบบตัวเรือนก็เป็นไปในสไตล์ Frogman ที่มากับรูปทรงแบบไม่สมมาตร หรือ Asymmetric ที่ตัวเรือนส่วนหนึ่งเทไปทางด้านหนึ่งของนาฬิกาไม่ได้วางอยู่ตรงกลางเหมือนกับนาฬิกาทั่วไป

GF-8235D-1B ใช้โมดุลรุ่นใหม่ที่ในตอนนั้นออกแบบมาเพื่อ Frogman รุ่นเล็กโดยเฉพาะ คือ 3266 คือ มีฟังก์ชั่นบอกน้ำขึ้นน้ำลง หรือ Tide Graph เหมือนกับ GF/GWF-1000 ใช้ระบบ Tough Solar ในการชาร์จแสงอาทิตย์เข้ามาเก็บในแบตเตอรี่แบบชาร์จได้ แต่ไม่มีระบบ Multiband 6 มาให้ด้วย เหมือนกับเป็นโมดุลรุ่นประหยัดของ 3184 ที่ใช้อยู่ในรุ่น GWF-1000

คำถามคือ แล้ว 3266 มันคือโมดุลที่ใช้อยู่ใน GF-1000 ซึ่งเป็น Frogman แบบไม่มีระบบ Multiband 6 สำหรับขายในประเทศที่ไม่ต้องใช้ระบบนี้อย่างบ้านเราหรือเปล่า คำตอบคือ ไม่ใช่ เพราะใน GF-1000 ที่ขายในบ้านเรานั้นเป็นโมดุลในรหัส 3185 เพราะเมื่อดูจากตำแหน่งในการแสดงผลบนหน้าจอ โดยเฉพาะตัว Power Saving นั้น แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ในขณะที่ฟังก์ชั่นอื่นๆ ของตัวโมดุลกลับมีมาให้เหมือนกัน

ตรงนี้ผมก็ไม่รู้ว่าทำไม Casio ถึงต้องลงทุนถึงกับสร้างโมดุลใหม่มาเพื่อนาฬิกาเพียงเรือนเดียว ซึ่งดูแล้วมันผิดวิสัยแนวคิดในการแชร์พื้นฐานร่วมกันที่แบรนด์สินค้าจากญี่ปุ่นมักจะชอบใช้กัน แต่ก็แอบเชื่อนะครับว่าระหว่าง 3266 กับ 3185 ไม่น่าจะมีพื้นฐานและโครงสร้างพื้นฐานอะไรที่แตกต่างกันมาก

ในแง่ของฟังก์ชั่นอื่นๆ นั้น ถือว่ามีให้ครบและเหมาะสมกับการเป็นนาฬิกาดำน้ำ เช่น การบันทึก Log ในการดำน้ำที่มีมาให้ 10 Log ด้วยกัน รวมถึงระยะพักน้ำหรือหรืออยู่เหนือน้ำ Interval Time ที่จะมีการตั้งระยะเวลาเอาไว้สำหรับแจ้งเตือนให้กับนักดำน้ำทราบระหว่างการดำน้ำครั้งล่าสุดกับการดำน้ำครั้งต่อไป เพื่อความปลอดภัย โดยการเข้าสู่ Diving Mode เพื่อใช้ในการดำน้ำนั้นก็แค่กดปุ่ม Mode ตรงตำแหน่ง 8 นาฬิกาค้างเอาไว้ 2-3 วินาที ระบบก็จะตัดเข้าใน Diving Mode ให้ทันที

ส่วนความทนทานและการใช้งานในการดำน้ำนั้นหายห่วง เพราะ Casio Frogman คือ นาฬิกาดำน้ำแบบดิจิตอลรุ่นแรกๆ ทีถูกออกแบบตามมาตรฐาน ISO Diving หรือ ISO6425 สามารถใช้งานได้อย่างมั่นใจ

ค่าตัวของ GF-8235D-1B กับราคาตามป้ายนั้นอยู่ที่ราวๆ 21,035 บาท ถามว่าแพงไหม ต้องบอกว่าแพง ในกรณีที่คุณซื้อมาสวมเฉยๆ เพราะ Casio G-shock Frogman คือนาฬิกาที่ถูกออกแบบมาเพื่อการดำน้ำ ดังนั้น ความแพงของมันจึงอยู่ที่เรื่องของการทำให้ตัวนาฬิกามีความสามารถในด้านนี้ เหมือนกับนาฬิกาดำน้ำทั่วไปนั่นแหละ มันเหมือนกับเราจ่ายแพงเพื่อส่วนที่ไม่ได้ใช้นั่นแหละ

แต่ถ้าไม่ได้คิดมากในส่วนนี้ แต่ซื้อเพราะชอบหรือหลงใหล ของอย่างนี้ไม่ได้มีคำว่าแพงอยู่แล้ว

Casio G-Shock Frogman GF-8235D-1B Casio G-Shock Frogman GF-8235D-1B
Casio G-Shock Frogman GF-8235D-1B Casio G-Shock Frogman GF-8235D-1B
Casio G-Shock Frogman GF-8235D-1B Casio G-Shock Frogman GF-8235D-1B
Casio G-Shock Frogman GF-8235D-1B Casio G-Shock Frogman GF-8235D-1B
Casio G-Shock Frogman GF-8235D-1B

ข้อมูลทางเทคนิค : Casio G-Shock Frogman GF-8235D-1B

  • เส้นผ่านศูนย์กลาง : 50.3 มิลลิเมตร
  • Lug to Lug : 52 มิลลิเมตร
  • หนา : 18 มิลลิเมตร
  • กันน้ำ : 200 เมตร
  • กระจก : Mineral
  • โมดุล : 3266
  • ฟังก์ชั่น : Diving Mode, Tide Grapgh, ระบบจับเวลา,  World Time ตั้งเวลาตามเมือง 48 แห่งจาก 31 เขตเวลา
  • การชาร์จพลังงาน : Tough Solar ใช้สงอาทิตย์
  • ประทับใจ : หน้าตา การเลือกใช้สีบนตัวเรือน ขนาดที่พอเหมาะ ฟังก์ชั่น
  • ไม่ประทับใจ : ราคา