Breitling Avenger GMT45 Red Arrow Edition รุ่นพิเศษ 220 เรือนเท่านั้น

0

สำหรับคนที่ชื่นชอบนาฬิการุ่นพิเศษ Breitling นำเสนอรุ่นพิเศษผลิตจำกัดของนาฬิกา Avenger GMT45 Red Arrow Edition ผลิตเพียง 220 เรือน เพื่อเป็นเกียรติให้กับฝูงบิน Red Arrow ของกองทัพอากาศอังกฤษ

- Advertisement -

Breitling Avenger GMT45 Red Arrow Edition

Breitling Avenger GMT45 Red Arrow Edition รุ่นพิเศษ 220 เรือนเท่านั้น

  • รุ่นพิเศษผลิตเพื่อเป็นเกียรติให้กับฝูงบิน Red Arrow ของกองทัพอากาศอังกฤษ

  • ใช้พื้นฐานของรุ่น Avenger GMT 45 ที่มีขนาดตัวเรือน 45 มิลลิเมตร

  • ผลิตเพียง 220 เรือน และมีราคาอยู่ที่ 3,950 ปอนด์

ต่อจากปีที่แล้วดูเหมือนว่า Breitling จะมุ่งเน้นในเรื่องของภาพลักษณ์นาฬิการที่เพื่อเกิดมาเพื่อการใช้งานของบรรดาอาชีพที่เกี่ยวข้องการกับการบินโดยสื่อผ่านทางคอลเล็กชั่นอย่าง Avenger โดยล่าสุดพวกเขาเปิดตัวนาฬิการุ่นพิเศษที่ผลิตเพื่อนำเป็นเกียรติให้กับฝูงบิน Red Arrow ของกองทัพอากาศอังกฤษ โดยมีการผลิตเพียง 220 เรือน และใช้พื้นฐานของนาฬิกา Avenger GMT45

Breitling Avenger GMT45 Red Arrow Edition

เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นธรรมดา สิ่งที่แปลกและเห็นได้อย่างชัดเจนสำหรับ Breitling Avenger GMT45 Red Arrow Editionคือ หน้าปัดสีน้ำเงินที่มาพร้อมกับสัญลักษณ์ของฝูงบิน Red Arrow ซึ่งอยู่ตรงบริเวณตำแหน่ง 9 นาฬิกา รวมถึงขีดสเกลและขอบของกรอบช่องหน้าต่างวันที่ในตำแหน่ง 3 นาฬิกาที่มากับสีแดง ตัดกับลงตัวกับพื้นสีน้ำเงิน ขณะที่อีกจุด คือ ฝาหลัง ซึ่งมีการสลักเป็นสัญลักษณ์ของ Red Arrow ซึ่งด้านล่างจะมีการสลักเรือนที่ผลิตจากจำนวนการผลิตทั้งหมด 220 เรือน โดย Red Arrow เป็นชื่อเรียกของกองบินผาดโผนของกองทัพอังกฤษที่มีชื่อเรียกเต็มๆ ว่า Royal Air Force Aerobatic Team

นาฬิการุ่นนี้มากับตัวเรือนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 45 มิลลิเมตร และความหนาของตัวเรือน 12.31 มิลลิเมตร โดยมีจำหน่ายเพียงรุ่นเดียวคือ สายโลหะที่ผลิตจาก Stainless Steel และเมื่อตัวเรือนรวมสายแล้ว นาฬิกาจะมีน้ำหนัก 220 กรัม

เช่นเดียวกับรุ่นธรรมดา ในรุ่นพิเศษนี้มาพร้อมกับกลไกในรหัส Breitling 32 ที่พัฒนาอยู่บนพื้นฐานของ ETA 2893-2 เดินด้วยความถี่ในระดับ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง มีจำนวนทับทิม 21 เม็ด และมาพร้อมกับฟังก์ชั่น GMT ในการแสดงเวลาที่ 2 โดยกลไกนี้มีกำลังสำรองอยู่ที่ 42 ชั่วโมง

สำหรับราคาอยู่ที่ 3,950 ปอนด์ หรือ 158,000 บาท แพงกว่ารุ่นธรรมดาไม่เกิน 500 ปอนด์ หรือ 20,000 บาท