Bell & Ross BR03-92 HUD ความเด่นที่ผลิตไม่ถึงพัน

0

Bell & Ross (เบลล์ แอนด์ ลอสส์) เดินหน้าลุยตลาดด้วยการเปิดตัวรุ่นใหม่ๆ ออกมา คราวนี้ถึงคราว Limited Edition ที่มีการผลิตออกมาเพียง 999 เรือนกับรุ่น BR03-92 HUD

- Advertisement -

Bell & Ross BR03-92 HUD

Bell and Ross BR03-92 HUD ความเด่นที่ผลิตไม่ถึงพัน

  • นาฬิกาสุดคูลที่ได้รับอิทธิพลในการสร้างสรรค์มาจากหน้าจอ HUD ในเครื่องบินขับไล่

  • ตัวเรือน 42 มิลลิเมตร และผลิตจากเซรามิก โดยที่มีสายในเซ็ต 2 เส้น

  • ผลิตเพียง 999 เรือน และมีราคาอยู่ที่ 3,700 ยูโร

ต้องยอมรับว่าแม้ไม่มีงานแสดงนาฬิกาที่เป็น Offline เหมือนกับเมื่อก่อน แต่บรรดาแบรนด์ต่างๆ เดินหน้าในการปล่อยของใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่องผ่านทางช่องทางออนไลน์ของตัวเองไม่ว่าจะในเว็บไซต์หรือ Facebook อย่างล่าสุดแบรนด์อย่าง B&R หรือ เบลล์ แอนด์ ลอสส์ ได้เปิดตัวผลผลิตใหม่ออกมากับรุ่น BR03-92 ที่มีความโดดเด่นในแง่ของดีไซน์หน้าปัดที่เรืองแสงสีเขียวอย่างสวยงาม พร้อมกับชุดเข็มวินาทีที่เป็นจานเพลท โดยมีการผลิตออกสู่ตลาดเพียงแค่ 999 เรือนเท่านั้น

Bell & Ross BR03-92 HUD

สำหรับคำว่า HUDที่ต่อท้ายชื่อรุ่น ถ้าเป็นคนใช้รถยนต์ในปัจจุบันอาจจะคุ้นเคยดี แต่สำหรับในแวดวงการบิน ที่นาฬิกาแบรนด์นี้ได้รับอิทธิพลมานั้นคุ้นเคยกันมานานกว่า เพราะหมายถึงหน้าจอที่อยู่ด้านบนสำหรับใช้ในการดูของบรรดานักบินขับไล่ ซึ่ง HUDย่อมาจาก Head Up Display และทาง เบลล์ แอนด์ ลอสส์ ก็ได้นำดีไซน์นี้มาใช้ในการออกแบบนาฬิการุ่นนี้

Bell & Ross BR03-92 HUD

Bell & Ross BR03-92 HUD

บนตัวเรือนทรงเหลี่ยมที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 42 มิลลิเมตรนั้นตัวเรือนได้รับการผลิตจากเซรามิก และมีสีดำด้านสุดเข้ม กระจกหน้าปัดแบบ Sapphire ได้รับการเคลือบสารกันการสะท้อนแสงทั้ง 2 ฝั่ง โดยไฮไลท์เด่นคือ การเล่นสีเขียวบนหลักชั่วโมงและชุดเข็มของหน้าปัดเพื่อให้ดูคล้ายกับโทนสีที่ได้รับจากการมอง HUDในเครื่องบินขับไล่ที่ใช้ในการแสดงข้อมูลต่างๆ หรือดูเปรียบเทียบเส้นขอบฟ้า

ในรุ่นนี้จะมากับสาย 2 เส้น คือ สายยางซิลิโคนสีดำตามแบบฉบับของ เบลล์ แอนด์ ลอสส์ และสายผ้าไนลอนที่สวมใส่สบาย และให้บุคลิกที่สปอร์ตขึ้น โดยที่กลไกเป็นรหัส BR-Cal.302 ที่มใช้พื้นฐานของ Sellita SW-300 ในการพัฒนา สามารถสำรองพลังงานได้ 42 ชั่วโมง และเดินด้วยความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง โดยที่ระดับการกันน้ำของตัวนาฬิกานั้นอยู่ที่ 100 เมตร

เพียงแค่ 999 เรือนเท่านั้นที่จะทำตลาด โดยราคาอยู่ที่ 3,700 ยูโร โดยจะเริ่มวางจำหน่ายและส่งมอบให้กับลูกค้าได้ตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป