Audemars Piguet Royal Oak Offshore Music Edition ความสวยที่ไม่จำเป็นต้องอยู่ในกรอบแบบเดิม

0

การเชื่อมโลกของเสียงเพลงเข้ากับโลกแห่งเวลาบนนาฬิกาสุดหรูอย่าง Royal Oak Offshore ซึ่ง Music Edition ที่ทาง Audemars Piguet ทำออกมานั้นมีการผสานความหรูและคอนเซ็ปต์ของเรื่องของดนตรีให้เข้ากันอย่างลงตัวและมีความกลมกลืน โดนจะมีการจำหน่ายด้วยกันทั้งหมด 5 รุ่นย่อย

Audemars Piguet Royal Oak Offshore Music Edition
Audemars Piguet Royal Oak Offshore Music Edition

Audemars Piguet Royal Oak Offshore Music Edition ความสวยที่ไม่จำเป็นต้องอยู่ในกรอบแบบเดิม

  • มีจำหน่ายทั้งบนตัวเรือนขนาด 37 และ 43 มิลลิเมตร

  • ใช้วัสดุที่แตกต่างกันออกไป 3 แบบ คือ ไทเทเนียม ไวท์โกลด์พร้อมประดับเพชร และเซรามิก

  • มีทั้งรุ่นที่ผลิตจำกัดและผลิตตามปกติ ราคาอยู่ที่ 28,300-39,200 ยูโร

- Advertisement -

นานๆ เราจะได้เห็นความกล้าในการฉีกแนวของแบรนด์นาฬิการะดับหรูในกลุ่มบนที่ตามปกติแล้ว เรื่องของการรักษาธรรมเนียมปฏิบัติและการยึดมั่นในกรอบอะไรสักอย่างเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างมาก แต่กับ Music Edition ที่เปิดตัวออกมาโดยเป็นส่วนหนึ่งของคอลเล็กชั่น Royal Oak จาก Audemars Piguet เป็นอะไรที่แตกต่างจากที่ผ่านมา และเป็นการแสดงให้เห็นว่าถ้าแบรนด์เหล่านี้กล้าที่จะออกจากกรอบเดิมๆ พวกเขาก็ทำได้ดี และมีความน่าสนใจอย่างด้วยเช่นกัน

Audemars Piguet Royal Oak Offshore Music Edition Audemars Piguet Royal Oak Offshore Music Edition
Audemars Piguet Royal Oak Offshore Music Edition Audemars Piguet Royal Oak Offshore Music Edition

สำหรับ Music Edition นั้นต้องบอกว่าเป็นสิ่งที่มีความสอดคล้องกับสิ่งที่ทาง Audemars Piguet Royal Oak มีอยู่แล้ว โดยโลกแห่งเสียงเพลงเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับช่างทำนาฬิกามาช้านาน ซึ่งในกรณีของ Audemars Piguet นั้นมีจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 1875 เมื่อพวกเขาเริ่มผลิตกลไกที่สามารถส่งเสียงออกมาได้ และอีกทั้งในปี 2005 ทางแบรนด์เองก็เข้าไปเกี่ยวข้องในแง่ของการสนับสนุนโลกแห่งดนตรีด้วยการจับมือกับศิลปินมากมาย เช่น Jay-Z หรือ Quincy Jones ที่มีขึ้นในปี 2009

Audemars Piguet Royal Oak Offshore Music Edition
Audemars Piguet Royal Oak Offshore Music Edition

Audemars Piguet Royal Oak Offshore Music Edition
Audemars Piguet Royal Oak Offshore Music Edition

Audemars Piguet Royal Oak Offshore Music Edition

ทั้งหมดคือความเชื่อมโยงและถูกนำมาแต่งเติมลูกเล่นบนหน้าปัดที่เป็นลาย Tapiserie ซึ่งเป็นลายสี่เหลี่ยมวางเรียงกันเป็นแนวและมีลักษณะนูนสูงขึ้นมาเหมือนกับลายวาฟเฟิล และทางทีมออกแบบได้นำแนวคิดของแท่งแสงของ Equalizer Graphic ในระบบเครื่องเสียง ที่หลายคนอาจจะคุ้นเคยมาใช้กับหน้าปัดนี้ ซึ่งแท่ง Equalizer Graphic หรือ VU Meter (Volume Unit) จะมีการขยับขึ้นลงตามระดับของเสียงที่ถูกส่งออกมา และตัวแท่งเองจะมีสีสันต่างๆ ซึ่งขึ้นอยู่ตามระดับความเข้มข้นของเสียง

Audemars Piguet Royal Oak Offshore Music Edition Audemars Piguet Royal Oak Offshore Music Edition
Audemars Piguet Royal Oak Offshore Music Edition Audemars Piguet Royal Oak Offshore Music Edition

รุ่นที่ทำตลาดจะมีทั้งตัวเรือน 37 และ 43 มิลลิเมตรพร้อมวัสดุในการผลิตที่มีความหลากหลายทั้งไทเทเนียม ไวท์โกลด์ ซึ่งในรุ่นนี้จะมีการประดับเพชรเอาไว้ด้วย และรุ่นพิเศษที่ผลิตเพียง 250 เรือน นั่นคือ ตัวเรือนเซรามิก โดยรายละเอียดของแต่ละรุ่นประกอบด้วย

  • AP ROO Music Edition 43mm ไทเทเนียม Ref. 15600TI.OO.A343CA.01 ผลิตจำนวน 500 เรือน
  • AP ROO Music Edition 37mm ไทเทเนียม Ref. 77600TI.OO.A343CA.01 ผลิตจำนวน 500 เรือน
  • AP ROO Music Edition 43mm ไวท์โกลด์ประดับเพชร Ref. 15601BC.YY.D343CA.01 POA.
  • AP ROO Music Edition 37mm ไวท์โกลด์ประดับเพชร Ref. 77601BC.YY.D343CA.01 POA.
  • AP ROO Music Edition 43mm เซรามิก Ref. 15600CE.OO.A002CA.01 ผลิตจำนวน 250 เรือน
Audemars Piguet Royal Oak Offshore Music Edition Audemars Piguet Royal Oak Offshore Music Edition
Audemars Piguet Royal Oak Offshore Music Edition Audemars Piguet Royal Oak Offshore Music Edition

สำหรับรุ่นที่ประดับเพชรนั้น นอกจากการใช้อัญมณีสีสันต่างๆ ประดับลงบนขอบตัวเรือนแล้ว ทางทีมออกแบบยังนำมาใช้ในการประดับลงบนพื้นผิวของหน้าปัดด้วย ทำให้มีสีสันและมิติที่ดูสวยโดดเด่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยทุกรุ่นจะมาพร้อมกับสายยาง ยกเว้นรุ่น 37 มิลลิเมตรที่มาพร้อมกับลวดลายบนสายที่เรียกว่า Mosaic Effect ซึ่งก็ทำให้ดูคล้ายกับภาพกราฟฟิกของแท่ง Equalizer หรือ VU Meter

ในส่วนของกลไกนั้น ถ้าเป็นรุ่น 37 มิลลิเมตรจะใช้กลไกอัตโนมัติในรหัส Calibre 5909 ซึ่งเป็นกลไกใหม่ที่เข้ามาแทนที่รุ่น Calibre 3120 และเคยถูกใช้มาก่อนแล้วในรุ่น Royal Oak ที่เปิดตัวออกมาก่อนหน้านี้ และมีกำลังสำรอง 60 ชั่วโมง ขณะที่รุ่น 43 มิลลิเมตรนั้นจะเป็น Calibre 4309 มีกำลังสำรอง 70 ชั่วโมง

Audemars Piguet Royal Oak Offshore Music Edition Audemars Piguet Royal Oak Offshore Music Edition Audemars Piguet Royal Oak Offshore Music Edition
Audemars Piguet Royal Oak Offshore Music Edition Audemars Piguet Royal Oak Offshore Music Edition Audemars Piguet Royal Oak Offshore Music Edition
Audemars Piguet Royal Oak Offshore Music Edition Audemars Piguet Royal Oak Offshore Music Edition
Audemars Piguet Royal Oak Offshore Music Edition Audemars Piguet Royal Oak Offshore Music Edition
Audemars Piguet Royal Oak Offshore Music Edition Audemars Piguet Royal Oak Offshore Music Edition
Audemars Piguet Royal Oak Offshore Music Edition Audemars Piguet Royal Oak Offshore Music Edition
Audemars Piguet Royal Oak Offshore Music Edition Audemars Piguet Royal Oak Offshore Music Edition

ราคาที่ทำตลาดนั้นจะแตกต่างกันออกไป ถ้าเป็นรุ่นไวท์โกลด์แบบประดับเพชรราคาไม่มีการเปิดเผย ต้องสอบถามไปยังตัวแทนจำหน่าย ส่วนรุ่นปกติถ้าเป็นไทเทเนียม 37 มิลลิเมตรจะอยู่ที่ 28,200 ยูโร ตามด้วย 43 มิลลิเมตรราคา 30,700 ยูโร และรุ่นเซรามิกผลิตจำกัดราคาอยู่ที่ 39,200 ยูโร

ข้อมูลทางเทคนิค : Audemars Piguet Royal Oak Offshore Music Edition

Audemars Piguet Royal Oak Offshore Music Edition