นาฬิกาทั้ง 3 เรือนในเซ็ต Seiko Diver’s Watch 60th Anniversary ซึ่งเป็นการฉลองครบรอบ 60 ปีนาฬิกาดำน้ำของ Seiko นั้น สิ่งหนึ่งที่มีความโดดเด่นขึ้นมาคือ ความงดงามของหน้าปัดที่เกิดจากแนวคิด The Great Wave ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากหลายสิ่งที่ถูกผสมผสานกัน และแน่นอนว่า Takumi Kishino ในฐานะของ Design Director ของฝ่ายออกแบบของ Prospex, Presage และ Astron กับอีกตำแหน่ง Senior Manager ของ Seiko ได้มาบอกเล่าถึงเรื่องราวของการพัฒนา ซึ่งกว่าที่จะได้รูปแบบของหน้าปัดอย่างที่เห็น ต้องบอกว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย

Takumi Kishino เรื่องเล่าบนหน้าปัดของ Seiko Diver’s Watch 60th Anniversary

ในช่วงของการเปิดตัวนาฬิกาใหม่ในวาระครบรอบ 60 ปีของการก่อกำเนิดนาฬิกาดำน้ำของ Seiko ที่มีจุดเริ่มต้นในปี 1965 นั้น ทางแบรนด์ได้มี Session พิเศษที่เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนสายนาฬิกาของเมืองไทยได้พูดคุยและรับทราบรายละเอียดเชิงลึกของการพัฒนานาฬิกาในคอลเล็กชั่นนี้จากคุณ Takumi Kishino ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการออกแบบ ซึ่งไม่เฉพาะแค่ในคอลเล็กชั่นนี้เท่านั้น แต่รวมถึงนาฬิกาในหลายคอลเล็กชั่นในกลุ่ม Prospex ในฐานะของผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบ

คุณ Kishino เข้าร่วมทำงานกับ Seiko มาตั้งแต่ปี 2006 ซึ่งในช่วงแรกของการทำงานเขารับหน้าที่ออกแบบนาฬิกา Seiko และแบรนด์ในเครืออย่าง WIRED หลายรุ่น ด้วยเป้าหมายคือ การสร้างสรรค์เรือนเวลาให้มีความเยาว์วัยขึ้นในการรองรับกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นในญี่ปุ่น

หลังจากฝึกฝีมือมาได้สักระยะ เขาก็ได้รับหน้าที่ซึ่งหนักขึ้น คือ การกำหนดทิศทางของนาฬิกาในกลุ่ม Prospex ซึ่งถือเป็นนาฬิกาสปอร์ตกลุ่มหลักของ Seiko ที่มีฐานลูกค้าที่หลากหลาย ไม่เฉพาะช่วงวัยเท่านั้น แต่ยังหมายถึงรสนิยมที่แตกต่างกันออกไป เพราะ Prospex ถูกจำหน่ายในหลายประเทศทั่วโลก ดังนั้น การทำให้นาฬิกาสักรุ่นลงตัวโดยมีความต้องการที่แตกต่างครบจบในเรือนเดียวถือว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย

สำหรับคอลเล็กชั่นฉลองครบรอบ 60 ปีของการก่อกำเนิดนาฬิกาดำน้ำของ Seiko ได้ถูกเปิดตัวออกมาเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยมีด้วยกัน 3 รุ่นย่อย คือ Prospex 1965 Heritage Diver’s 60th Anniversary Limited Edition รหัส SPB511J , Prospex 1968 Heritage Diver’s GMT 60th Anniversary Limited Edition รหัส SPB509J และ Prospex Marinemaster Professional Diver’s 60th Anniversary Limited Edition รหัส SLA081J ถือเป็นอีกผลงานของเขา และแน่นอนว่าหลังจากเปิดตัวออกมา ทุกสายตาจับจ้องไปที่ภาพของหน้าปัดที่ดูสวยงาม ซึ่งถือว่าเป็นจุดเด่นของนาฬิกาเรือนนี้

2 รุ่นแรกผลิต 6,000 เรือนทั่วโลก ส่วนรุ่นหลังมีเพียง 600 เรือนทั่วโลก และมีสเป็กในเรื่องของตัวเรือนและดีไซน์ที่โดดเด่นสมกับเป็นนาฬิกาดำน้ำในกลุ่ม Marinemaster โดยทั้ง 3 รุ่นมีจุดที่น่าสนใจร่วมกันในเรื่องของความงามที่เกิดขึ้นบนหน้าปัด ซึ่งคุณ Kishino อธิบายถึงที่มาและขั้นตอนในการผลิตจนกระทั่งกลายมาเป็นสิ่งที่อยู่บนนาฬิกาทั้ง 3 รุ่นนี้

‘สำหรับนาฬิกาในคอลเล็กชั่นนี้ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาภายใต้แนวคิดที่เรียกว่า The Great Wave ซึ่งก่อนเริ่มงานออกแบบเรามองหลายอย่าง แต่ก็เกิดไอเดียว่าน่าจะลองนำสัญลักษณ์ Wave Mark ที่ติดอยู่บนฝาหลังของนาฬิกาดำน้ำ Seiko Prospex ทุกเรือนมาเป็นแนวคิดหลักในการออกแบบหน้าปัด โดยสัญลักษณ์นี้ถูกคิดค้นขึ้นในปี 1962 หรือก่อนหน้านาฬิกาดำน้ำเรือนแรกของ Seiko เปิดตัว 3 ปี ด้วยเป้าประสงค์ในการนำไปใช้กับนาฬิกาในกลุ่มหรูหราที่มีความสามารถในการกันน้ำ และกว่าจะนำมาใช้กับนาฬิกาดำน้ำก็ต้องรอจนถึงปี 1975 ซึ่งก็คือ Tuna Can ที่มีความสามารถในการกันน้ำ 600 เมตร ซึ่งทั้งหมดคือ จุดเริ่มต้นที่ทำให้เราเกิดไอเดียในการนำ Wave Mark มาใช้กับนาฬิการุ่นฉลองครบรอบ 60 ปีนาฬิกาดำน้ำของ Seiko’ คุณ Kishino ย้อนความให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นของการออกแบบหน้าปัด

นอกจากเรื่องความเกี่ยวข้องในเชิงประวัติศาสตร์แล้ว ด้วยคุณลักษณะของคลื่นที่มีการซัดเข้าสู่ฝั่งหรืออยู่บนผิวน้ำได้อย่างต่อเนื่อง เรื่องนี้จึงถือนำมาใช้ในการเชื่อมโยงเข้ากับพัฒนาอย่างต่อเนื่องและไม่หยุดยั้งของ Seiko ในกลุ่มนาฬิกาดำน้ำตลอด 60 ปีที่ผ่านมาอีกด้วย

ขณะที่ในแง่ของการผลิต คุณ Kishino อธิบายว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยในการทำงาน เพราะด้วยความบางของหน้าปัดกับลวดลายที่จะต้องถูกสร้างสรรค์เพื่อให้มีมิติและความสวยงาม กระบวนการและกรรมวิธีถือว่ามีความซับซ้อนพอตัว

‘แผ่นหน้าปัดมีความหนาเพียง 0.5-1.00 มิลลิเมตรเท่านั้น ดังนั้นการสร้างสรรค์เพื่อให้เกิดมิติที่ชัดลึกขึ้นมา หรือให้เกิดความรู้สึกที่สัมผัสได้ว่าลวดลายกำลังมีการเคลื่อนไหวถือเป็นงานที่ท้าทายอย่างมาก โดยก่อนที่จะเริ่มงาน ทีมได้แรงบันดาลใจเรื่องของการทำงานมาจากภาพวาดและงานศิลปะในญี่ปุ่น ซึ่งมีหลายชิ้นได้พูดถึงเรื่องของคลื่น เช่น ภาพวาด The Great Wave off Kanagawa ของ Katsushika Hokusai ซึ่งผลงานนี้ถือเป็น Benchmark ในการทำงานของพวกเราในการทำงานครั้งนี้ แต่ครั้นจะนำภาพนี้มาใช้เลยแบไม่ต้องดัดแปลงหรือทำอะไรเลย สิ่งที่เกิดขึ้นคือ การขาดความมีมิติและการทำให้เห็นถึงความต่อเนื่อง ดังนั้น เราจึงมีการสืบค้นเพิ่มเติมจนไปพบกับงานแกะสลักของศิลปินอีกท่านที่ชื่อว่า Ihachi (ผลงานชื่อ Jewel in the wave ปี 1806) ซึ่งเป็นช่างแกะสลักที่มีชื่อเสียงและสลักงานไม้ลงบนช่องลมเหนือบานประตู (Ranma) เราจึงนำ 2 ผลงานนี้มาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์หน้าปัดนาฬิการุ่นนี้’

กว่าจะมาเป็นชิ้นงานที่เห็นบนตัวเรือน ทีมทำงานต้องผ่านกระบวนสร้างสรรค์ทั้งภาพสเก็ตช์ และการทำภาพจำลอง 3 มิติขึ้นมามากมายเพื่อหาบทสรุปที่ตรงตามความต้องการ ซึ่งกระบวนการสร้างภาพจำลอง 3 มิติถือว่ามีส่วนอย่างมากในการช่วยสร้างภาพจำลองของการเกิดมิติที่อยู่บนหน้าปัด

‘ผลจากการทำงาน ในที่สุดเราก็ได้รูปแบบของหน้าปัดที่ต้องการ เพื่อที่จะนำมาใช้ในคอลเล็กชั่นนี้ โดยหน้าปัดจะมี 2 แบบที่แตกต่างในเรื่องของเทคนิคการทำผิวด้านบนหน้าปัด สำหรับรุ่น SPB511J เราจะใช้กระบวนการชุบผิวด้วยเงินเพียงอย่างเดียว เพื่อแสดงให้เห็นว่าคลื่นกำลังซัดกระหน่ำ และช่วยในเรื่องของแสงและเงาที่จะตกกระทบกับพื้นผิวหน้าปัด ส่วนรุ่น SPB509J จะใช้การทำสีฟ้าลงไปบนพื้นผิว ซึ่งเมื่อจากมุมที่แตกต่างออกไป ก็จะได้โทนสีที่ไม่เหมือนกัน และทำให้เกิดสัมผัสความรู้สึกที่มีมิติชัดลึก และสีสันที่แตกต่างสวยงาม’

อีกรุ่นที่ถือว่าเป็นไฮไลท์ในคอลเล็กชั่นนี้คือ Prospex Marinemaster Professional Diver’s 60th Anniversary Limited Edition รหัส SLA081J แม้ว่าจะแนวคิดเดียวกัน แต่ทว่าในเรื่องของเทคนิคมีความซับซ้อนมาก และเรียกว่าเป็นอีกครั้งที่ นาฬิกาดำน้ำของ Seiko ไม่ได้ตอบสนองความรู้สึกระดับ ‘เทพ’ แค่เรื่องของสเป็กและนวัตกรรมที่อยู่ในตัวนาฬิกาดำน้ำเท่านั้น แต่ยังตอบสนองในแง่สัมผัสและความรู้สึกได้ด้วย

‘เราตั้งใจให้ SLA081J เป็นตัวแทนของ Diver Watch จาก Seiko ชิ้นส่วนและส่วนประกอบต่างๆ ของนาฬิกาเรือนนี้ถูกสร้างสรรค์ขึ้นใหม่เพื่อนาฬิกาเรือนนี้โดยเฉพาะ โดยเฉพาะหน้าปัดที่ถือว่าเป็นอีกจุดที่มีความสำคัญ ซึ่งในแง่เป้าประสงค์ของการสร้างสรรค์นั้น แพทเทิร์นหรือลวดลายที่อยู่บนหน้าปัด คือ ความตั้งใจของ Seiko ในการสร้างสัมผัสให้กับทุกท่านได้รู้สึกได้ถึงทะเลลึก หรือ Shinkai ในภาษาญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มนุษย์ยังไม่รู้จักสักเท่าไร’ คุณ Kishino กล่าวถึงจุดเริ่มต้นในการพัฒนาหน้าปัดของ Marinemaster SLA081J

‘ถ้าลองเพ่งมองดูลงไปจะเห็นได้ว่าใต้ตัวอักษรที่อยู่บนหน้าปัดจะเห็นเป็นเงาลึกลงไป โดยตัวแผ่นหน้าปัดจะมีความหนา แต่ใช้วิธีสลักส่วนประกอบต่างๆ ขึ้นมา เช่น ลายของหน้าปัด และหลักชั่วโมง ซึ่งรวมเป็นชิ้นเดียวกัน จากนั้นเราใช้วิธีเคลือบใส หรือ Clear Layer ทับลงไปเพื่อเป็นพื้นผิวของหน้าปัดอีกชั้นหนึ่งเพื่อให้เกิดความรู้สึกว่ามีชั้นน้ำเคลือบอยู่บนหน้าปัดอีกทีหนึ่ง และตรงหลักชั่วโมงก็จะมีการเคลือบด้วยสารเรืองแสง Lumibrite’

กระบวนการนี้คล้ายกับภาพจำลองของชั้นหินที่อยู่ในท้องทะเลลึกที่มีแผ่นน้ำปกคลุมอยู่ ซึ่งเมื่อแสงส่องมากระทบ สิ่งที่เกิดขึ้นจะมีทั้งเรื่องของมิติที่ชัดลึกบนพื้นผิวหน้าปัด และความสวยงามของการสะท้อนแสงเมื่อเปลี่ยนมุมในการมองไปยังหน้าปัด ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการที่เปลี่ยนไปของตลาดที่นอกจากจะต้องเจ๋ง เพียบด้วยฟังก์ชั่นแล้ว ยังจะต้องสวยอีกด้วย และหน้าปัดถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของนาฬิกาเรือนนี้

และทั้งหมดคืออีกความท้าทายสำหรับทีมงานออกแบบของ Seiko และตัวเขาเอง ในฐานะของ Design Director ของฝ่ายออกแบบผลิตภัณฑ์ที่รับหน้าออกแบบให้กับ 3 คอลเล็กชั่น คือ Prospex, Presage และ Astron กับหมวกอีกใบของเขานั่นก็คือ Senior Manager ของ Seiko เพื่อให้นาฬิกาในกลุ่มของ Seiko Prosepx เดินไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องตามแนวคิด Keep Going Forward

Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/

YouTube Channel : https://www.youtube.com/channel/anadigionline