SWATCH ประเทศไทยจัดงานเปิดตัวนาฬิกาคอลเล็กชั่นใหม่ภายใต้ชื่อ Art of journey ซึ่งเป็นการสานต่อความการทำงานแบบผสมผสานที่นำเอางานศิลป์ชื่อดังของโลกมาย่อส่วนลงบนตัวเรือนนาฬิกา โดยในรุ่นใหม่ล่าสุดในปี 2023 จะมีการเปิดตัวออกมา 7 รุ่นและจะแบ่งจำหน่าย 2 ช่วงเวลาในวันที่ 16 มีนาคมนี้ และอีกระลอกจะมาในวันที่ 13 เมษายน
SWATCH Art Journey การเดินทางอีกครั้งในโลกงานศิลป์
หลังจากที่เริ่มต้นกับการนำเสนอเรื่องราวของการนำนาฬิกามาผสมผสานกับงานศิลป์ที่อยู่ตามพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ทั่วโลกในปี 2018 ทางด้าน SWATCH ยังให้ความสำคัญกับโปรเจ็กต์นี้อย่างต่อเนื่อง และในปี 2023 พวกเขานำเสนอเรื่องราวของการเดินทางครั้งใหม่ และเป็นการจับคู่กับผลงานจากพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ทั่วโลก โดยจะมีการเปิดตัวออกมา 2 ระลอก ซึ่งรุ่นแรกจะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 16 มีนาคมนี้ และอีกระลอกจะมาในวันที่ 13 เมษายนภายใต้ชื่อโปรเจ็กต์ SWATCH Art Journey
และกับคอนเซ็ปต์นี้ทาง SWATCH ประเทศไทย ได้จัดงาน Art Journey ที่ ATT 19 Art Gallery เจริญกรุง 30 ซึ่งเป็นการนำเสนอเรื่องราวต่างๆ ของ SWATCH ที่มีความเชื่อมโยงกับโลกแห่งศิลป์ที่พวกเขาคุ้นเคยกันดีมานับตั้งแต่ปี 1985 ก่อนที่จะมีการเริ่มโปรเจ็กต์อย่างเป็นเรื่องเป็นราวในปี 2018 กับคอลเล็กชั่นที่ร่วมมือกับพิพิธภัณฑ์ Rejksmuseum ที่ Amsterdam ประเทศเนเธอร์แลนด์ และ Thyssen-Bornemisza Museum ในเมือง Madrid ประเทศสเปน ส่วนในปี 2019 เป็นความร่วมมือกับพิพิธภัณฑ์ Musee du Louvre ที่เมือง Paris ประเทศฝรั่งเศส ตามด้วย MoMA ที่เมือง New York ในปี 2021 และ Centre Pompidou ที่เมือง Paris ในปี 2022
สำหรับปี 2023 เป็นการเดินทางครั้งใหม่กับชื่อ SWATCH Art Journey ซึ่งจะมีการเปิดตัวนาฬิกาออกมาทั้งหมด 7 รุ่น โดยแบ่งเป็น 4 รุ่นแรกกับความร่วมมือกับ MoMA 2 รุ่น คือ การนำผลงานในสไตล์ Pop Art ของ Roy Lichtenstien มาเป็นต้นแบบในการสร้างสรรค์และมีผลิต 2 รุ่นบนพื้นฐานของรุ่น New Gent ที่มีขนาดตัวเรือน 41 มิลลิเมตร และรุ่น Gent ที่มีขนาด 34 มิลลิเมตร โดยผลงานของ Lichtenstien ถูกจัดแสดงอยู่ที่ MoMA
ส่วนอีก 2 รุ่นคือ ผลงานที่ร่วมมือกับ Magritte ซึ่งเป็นผลงานของ Rene Magritte โดยผลงานของเขาถูกเก็บรักษาเอาไว้ที่พิพิธภัณฑ์ส่วนตัว ซึ่งนาฬิกาในเวอร์ชันนี้มากับตัวเรือนของ Gent ไซส์ 41 มิลลิเมตรทั้ง 2 รุ่นโดยเป็นการนำ 2 ผลงานของ Magritte ที่คุ้นตามาสร้างสรรค์ คือ Le Fils de L’Homme และ La Trahison des Images
ที่เหลืออีก 3 รุ่นยังไม่เปิดตัวแต่มีการนำภาพของตัวนาฬิกามาจัดแสดง นั่นคือ การร่วมมือกับพิพิธภัณฑ์ Louvre Abu Dhabi ซึ่งเรือนแรกด้านหน้าจะเป็นการแสดงภาพผลงานที่คุ้นตาของ Katsushika Hokusai อย่าง The Great Wave off Kanagawa และด้านหลังของตัวนาฬิกาจะเป็นภาพของผลงานที่ชื่อว่า Astrolabe ของ Muhammad Ibn Ahmed Al-Butti ตามด้วยความร่วมมือกับ Le Gallerie Degli Uffizi ซึ่งจะผลิตออกมา 2 เรือน คือ Nascita di Venere ที่มากับไซส์ 34 มิลลิเมตร และ La Primavera ไซส์ 41 มิลลิเมตร ที่เป็นผลงานของ Sandro Botticelli
หลังจากเสร็จสิ้นการเดินดูนิทรรศการขนาดย่อมของ SWATCH แล้ว ยังมีการเปิดโอกาสได้ชิมอาหารว่างที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นโดย เชฟเชอ-พันธ์ทิพย์ อรรถการวงศ์ จาก Mad Beef ซึ่งนำนาฬิกาทั้ง 7 รุ่นมาเป็นแรงบันดาลใจในสร้างสรรค์อาหารทั้งคาวและหวาน
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/
YouTube Channel : https://www.youtube.com/channel/anadigionline