SWATCH 1983 Bio-Reloaded AM51 แสดงความรักษ์โลกผ่านข้อมือคุณ

0

ถ้าคุณรักษ์โลก และเลือกใช้อะไรที่ห่วงใยต่อสิ่งแวดล้อมSWATCH 1983 Bio-Reloaded AM51 คือ นาฬิกาที่ตอบโจทย์ตรงนี้ของคุณอย่างลงตัว ในราคาที่สามารถจับต้องได้ด้วย

- Advertisement -

SWATCH

SWATCH 1983 Bio-Reloaded AM51 แสดงความรักษ์โลกผ่านข้อมือคุณ

  • นาฬิกาเรือนแรกที่ผลิตจากวัสดุชีวภาพ (Bio-Sourced Material)

  • มาพร้อมกลกไกอัตโนมัติ SISTEM51 ที่สามารถสำรองพลังงานถึง 90 ชั่วโมง

  • ราคาจำหน่าย 4,950 บาท

ปัญหาเรื่องขยะพลาสติกที่พวกเราสร้างขึ้นมานั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมานานแล้ว เพียงแต่ว่าในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา มันเริ่มวิกฤตและกลายเป็นประเด็นที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงอยู่เสมอ แน่นอนว่าปัญหานี้มาพร้อมกันทางออกในการจัดการหลากหลายรูปแบบ แต่วิธีหนึ่งคือการใช้วัสดุชีวภาพ (Bio-Sourced Material) ซึ่งก็รวมถึงพลาสติกชีวภาพหรือ BioPlastic ที่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ เข้ามาทดแทนการใช้พลาสติกแบบเดิมๆ ซึ่งตรงนี้ สวอทช์ ได้เปิดตัวคอลเล็กชั่นที่เรียกว่า SWATCH 1983 Bio-Reloaded ของพวกเขาออกมา พร้อมกับแนวคิดที่แตกต่างจากแบรนด์ทั่วไปอย่างชัดเจน

อาจจะเป็นเพราะพักหลังๆ ผมนั่งอ่านบทความที่เกี่ยวข้องเรื่องปัญหาขยะพลาสติกและสิ่งแวดล้อมค่อนข้างมาก ก็เลยอินกับเรื่องพวกนี้พอสมควร และพอได้เจอกับคอลเล็กชั่นใหม่ของ สวอทช์ อย่าง 1983 Bio-Reloaded ก็เลยให้ความสนใจ และคงต้องสารภาพเลยว่า โดยส่วนตัวแล้วค่อนข้างชอบการใช้คำของพวกเขาที่ว่า ‘Born in 1983, Made in 2020’ ซึ่งจบในคำเดียวเพื่อสื่อถึงการก่อกำเนิดของแบรนด์ สวอทช์ ในปี 1983 และพวกเขาก็เป็นแบรนด์นาฬิกาที่ให้ความสนใจในการนำเสนอวัสดุที่เรียกว่า วัสดุชีวภาพที่มาจากธรรมชาติ และได้นำมาใช้เป็นกับนาฬิกาของตัวเองเป็นครั้งแรกในปี 2020

ก่อนหน้านี้ ผมเคยอ่านบทความหนึ่งในอินเตอร์เนตที่อาจจะออกแนวเสียดสีนิดๆ ที่พูดถึงเรื่องของบรรดาแบรนด์สินค้าที่มักจะเดินตามเทรนด์จัดการขยะพลาสติดที่กำลังมีปัญหา ซึ่งเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา ขยะพลาสติกที่กระจายอยู่ตามมหาสมุทรทั่วโลกเป็นประเด็นและเป็นปัญหา และบรรดาแบรนด์สินค้าเหล่านั้นเลือกที่จะใช้แนวทางในการนำขยะเหล่านั้นมาแปรรูปเพื่อใช้เป็นวัสดุในการผลิตตัวเรือนหรือสายนาฬิกา

ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นการจัดการที่ปลายเหตุ (แถมยังโดนเหน็บว่าผลิตแค่ไม่กี่ร้อยเรือนแล้วจะช่วยลดปริมาณขยะที่มีมหาศาลกันยังไงละ) แต่ยังมาเคยมีแบรนด์ไหนที่หันมามองอย่างจริงจังกันตั้งแต่ต้นทางด้วยวัสดุที่มีความยั่งยืน จนกระทั่งการมาถึงของSWATCH 1983 Re-Loaded

ถามว่ามันเหมือนหรือต่างกันตรงไหน ผมว่ามันเหมือนกับแก้ปัญาที่เราจะรุกหรือรับ แก้ที่ต้นเหตุ หรือแก้ที่ปลายเหตุ ซึ่งแน่นอน 1983 Re-Loaded คือ การแก้ที่ต้นทางกับการใช้ชีวภาพ (Bio-Sourced Material)

SWATCH

แล้วเรื่องนี้เกี่ยวพันกับนาฬิกาอย่างไร ?

ถ้าพูดกันตรงๆ คือ สวอทช์ คือ นาฬิกาที่ผลิตจากพลาสติกเสียเป็นส่วนใหญ่ และดังนั้น จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ตรงนี้จะถูกเชื่อมโยงเข้าสู่ปัญหาของขยะพลาสติกที่กำลังทำให้มนุษย์เดือดร้อนกันอยู่ (แม้ว่าพลาสติกที่มาจากนาฬิกาไม่น่าจะเป็นไปได้เท่ากับพวกขวดหรือถุงพลาสติก)

ดังนั้น เมื่อเราเข้าสู่ยุคของแนวคิดในการอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างเป็นมิตรและอย่างยั่งยืน ทั้งในแง่ของการลดการสร้างปัญหา และลดการใช้ทรัพยากรอย่างฟุ่มเฟือย การเลือกใช้วัสดุชีวภาพที่มาจากธรรมชาติ ซึ่งสามารถย่อยสลายได้จึงถือว่าน่าสนใจอย่างมาก ตรงนี้จะแตกต่างจากบรรดาแบรนด์นาฬิกาทั่วไปที่มักจะเลือกใช้แนวทางแบบ Upcycling ซึ่งคือการเอาขยะพลาสติกมารีไซเคิลเพื่อเปลี่ยนเป็นวัตถุดิบในการผลิตใหม่อีกครั้ง

อย่างที่ทราบกันดีว่า นาฬิกาส่วนใหญ่ของ  สวอทช์ ใช้พลาสติกเป็นวัสดุหลักในการผลิตตัวเรือน (แม้ว่าหลังๆ จะมีรุ่น IRONY ออกมาขาย แต่คอลเล็กชั่นส่วนใหญ่ก็ยังใช้พลาสติกในการผลิตตัวเรือน) ซึ่งในแง่ของความยั่งยืนแล้ว ตรงนี้ถือว่าสวนกระแสกับสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกปัจจุบันที่มีการลดและเลิกการใช้พลาสติก

ซึ่งจริงอยู่ที่แม้ว่า พลาสติกจากอุตสาหกรรมนาฬิกาอาจจะไม่ได้สร้างผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมมากเท่ากับพวกสินค้าอุปโภคบริโภค แต่สุดท้ายแล้วในมุมมองของคนทั่วไป พลาสติกก็คือพลาสติก และมักจะถูกเหมารวมกันอยู่เสมอ

และเมื่อเข้าสู่ทศวรรษใหม่เพื่อความยั่งยืน เราจึงได้เห็นคอลเล็กชั่น 1983 Re-Loaded ของพวกเขาออกมา

สำหรับคอลเล็กชั่นนี้ ในตอนแรกมีการนำเสนอออกมาเฉพาะรุ่นที่เป็นควอตซ์ และออกแนวย้อนยุคเหมือนกับนาฬิการุ่นแรกๆ ของการก่อตั้งแบรนด์ ก่อนที่จะมีทางเลือกใหม่ที่มาพร้อมกับระบบกลไกอัตโนมัติ SISTEM51 ของพวกเขาที่ใช้ชื่อรุ่นว่า AM51 และ WAKTU51 ซึ่งนาฬิการุ่นนี้จะมีขายด้วยกัน 2 สีคือ สีดำ และ สีน้ำเงิน

ถือเป็นนาฬิกาที่มีหน้าตาเรียบๆ ที่ผิดวิสัยของ สวอทช์ เพราะทั้ง 2 รุ่นมากับสีที่เน้นความเคร่งขรึม และไม่มีสีสันที่เป็นลูกเล่นอะไรมากมาย แต่ในแง่ของความ ‘ล้ำ’ นั่นต้องบอกว่า มีให้เห็นตั้งแต่แพ็คเกจยันตัวนาฬิกากันเลยทีเดียว

SWATCH

แน่นอนว่าเมื่อรับกล่องมาจากคนขาย คุณอาจจะรู้สึกแปลกตากับสิ่งที่เห็น เพราะมันไม่เหมือนกับแพ็คเกจที่คุ้นตาของ สวอทช์ สำหรับแพ็คเกจในรุ่นนี้จะได้รับการผลิตจาก Paper-Foam ที่เหมือนกับกระดาษลูกฟูก โดยมีส่วนผสมผสมด้วยแป้งอุตสาหกรรม เส้นใยธรรมชาติ น้ำและพรีมิกซ์ บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถย่อยสลายได้หรือรีไซเคิลได้ อีกทั้งยังมีการผลิตที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนต่ำ (ซึ่งก็ช่วยเรื่อง Carbon Footprint ให้กับบริษัทด้วย) และวิธีที่ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ อาจจะดูแล้วแปลก แต่เป็นความแปลกที่รู้สึกดี

ภายในเซ็ตนั้นเรียกว่าแทบจะไม่มีส่วนผสมที่เป็นพลาสติกรวมอยู่เลย หรือแม้แต่ตัวนาฬิกาที่ สวอทช์ เองบอกว่า ทุกรายละเอียดผลิตจากวัสดุของมีส่วนผสมของชีวภาพในลักษณะ Bio-Sourced Material ไม่ว่าจะเป็นตัวเรือน สาย และตัวรัดสายที่ผลิตจาก Bio-Sourced Material ที่มีการนำเมล็ดต้นละหุ่งมาสกัดเป็นวัสดุในการสรรค์สร้างรวมกับเทคโนโลยีล้ำสมัยจาก สวอทช์ ซึ่งนั่นหมายความว่าเมื่อนาฬิกาเรือนนี้หมดอายุขัยแล้วเจ้าของโยนทิ้ง มันจะสามารถย่อยสลายตามธรรมชาติได้ และไม่สร้างภาระให้กับสิ่งแวดล้อมเหมือนกับนาฬิกาพลาสติกทั่วไป

SWATCH

แต่ที่สงสัยอย่างเดียวและในข้อมูลไม่มีให้คือ ส่วนที่เป็นกระจกด้านหน้าและหลังของตัวนาฬิกานั้น ไม่ได้มีการบอกถึงวัสดุที่ใช้ แต่ถ้า SWATCHเคลมนาฬิกาเรือนนี้ว่าเป็นนาฬิการักษ์โลกแล้ว ชิ้นส่วนตรงนี้ก็ควรจะเป็น Bio-Sourced Material ด้วยเช่นกัน

AM51 มากับตัวเรือนที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 42 มิลลิเมตร Lug to Lug 50.6 มิลลิเมตร และ 13.9 มิลลิเมตร ซึ่งถือว่าเป็นขนาดที่สวมใส่กำลังดีเลย ไม่เล็กสำหรับคนข้อมือสัก 7 นิ้วอย่างผม และไม่ล้นสำหรับคนที่มีข้อมืออยู่ในช่วง 6-6.5 นิ้วบวกลบ ตัวเรือน สาย และตัวรัดสายที่ผลิตจากวัสดุชีวภาพนั้น แทบไม่ให้ความรู้สึกที่แตกต่างจนถึงแปลกแยกอะไรเลยเมื่อเปรียบเทียบกับวัสดุเดิมๆ ที่เคยสัมผัสมาจากนาฬิกาของ สวอทช์ เอาเป็นว่าถ้าไม่บอก คุณอาจจะไม่มีทางทราบได้เลยว่านี่คือ Bio-Sourced Material

อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้ถ้าคุณอยากจะรักษ์โลกกับ สวอทช์ รุ่นนี้อาจจะต้องทำใจนิดๆ เพราะสีสันที่มีให้เลือกนั้นน้อยมาก ดังนั้น อาจจะต้องทนกับความเคร่งครึมของโทนสีดำ หรือไม่ก็น้ำเงินกันไปก่อน ซึ่งทำให้ดูแล้วไม่สมกับเป็นเจ้าแฟชั่นอย่าง สวอทช์ ขณะที่ความสวยงามที่แท้จริงของนาฬิกาดันกลับไปอยู่ที่ด้านหลัง กับฝาหลังใสและทำให้เรามองเห็นโรเตอร์ของกลไก SISTEM51 ที่มีการเพนท์สีสันและข้อความอย่างสวยงาม ซึ่งในรุ่น AM1 นั้นจะมากับข้อความที่ว่า TIME IS WHAT YOU MAKE OF IT ขณะที่รุ่น WAKTU51 มากับข้อความที่ว่า DON’T BE TOO LATE ซึ่งเป็นข้อความที่ สวอทช์ ใช้ในแคมเปญเมื่อปี 1984

SWATCH

ในรุ่นแรกที่เปิดตัวออกมาเป็นนาฬิกาควอตซ์อาจจะพูดได้ไม่เต็มปากมากนักว่าเป็นนาฬิการักษ์โลก เพราะยังไงต้องใช้แบตเตอรี่ ซึ่งสุดท้ายก็เป็นภาระต่อสิ่งแวดล้อมและการกำจัดเมื่อหมดอายุขัย แต่สำหรับ AM51 และ WAKTU51 มากับกลไก SISTEM51 ซึ่งถือเป็นกลไกอัตโนมัติ ไม่ต้องพึ่งแบตเตอรี่ และถือเป็นกลไกอัตโนมัติที่พลิกโฉมหน้าของวงการนาฬิกานับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2013

SISTEM51 มีชิ้นส่วนประกอบกันอยู่ 51 ชิ้น และทั้งหมดถูกร้อยผ่านและยึดการทำงานด้วยน็อตเพียงตัวเดียว ซึ่งถือว่าเป็นที่สุดของการออกแบบเลยก็ว่าได้ สามารถผลิตในเชิงพาณิชย์ด้วยเครื่องจักรแบบอัตโนมัติ (ซึ่งเป็นกลไกอัตโนมัติรุ่นแรกที่ประกอบด้วยเครื่องจักรอัตโนมัติ) ซึ่งทำให้ต้นทุนต่ำลง จนสามารถนำมาใช้งานกับนาฬิกาในระดับหลักพันได้ ที่สำคัญ นี่คือ กลไกที่มีความสามารถในการสำรองพลังงานมากถึง 90 ชั่วโมงเลยทีเดียว เรียกว่า ยังไม่มีนาฬิกาหลักพันเรือนไหนที่มีความสามารถมากเท่านี้เลย

ถ้าตัดเรื่องความห่วงใยในสภาพแวดล้อม (ที่คนส่วนใหญ่อาจจะไม่ค่อยตระหนัก) ออกไปแล้ว และมองที่เรื่องของความคุ้มค่าและน่าใส่ ผมก็ยังมองว่าSWATCH 1983 Bio-Reloaded AM51 เป็นนาฬิกาที่ตอบโจทย์ตรงนี้ได้อยู่ดี ขนาดตัวเรือน กลไกอัตโนมัติที่สำรองพลังงานได้ถึง 90 ชั่วโมง สีสันที่อยู่ตรงด้านหลังของนาฬิกาที่เมื่อมองแล้วคือ โลกคู่ขนานที่อาจจะแตกต่างจากลวดลาย Geneva Stripe ของพวกแบรนด์หรู เพราะนี่คือการเติมสีสันให้กับชิ้นส่วนกลไกตามแนวทางแฟชั่น

เสียอย่างเดียว คอลเล็กชั่นหน้า ผมขออะไรที่มีสีสันแบบจี๊ดๆ บนด้านหน้าของตัวเรือนตามสไตล์ สวอทช์  ให้มากกว่านี้หน่อย

ข้อมูลทางเทคนิค :

  • ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง : 42 มิลลิเมตร
  • Lug to Lug : 50.6 มิลลิเมตร
  • ความหนา : 13.9 มิลลิเมตร
  • วัสดุตัวเรือน สาย และตัวรัดสาย : วัสดุชีวภาพ Bio-Sourced Material
  • ความสามารถในการกันน้ำ : 30 เมตร
  • กลไก : อัตโนมัติ SISTEM51
  • กำลังลานสำรอง : 90 ชั่วโมง
  • ประทับใจ : แนวคิด วัสดุ ขนาดตัวเรือน กลไกอัตโนมัติที่สำรองพลังงานถึง 90 ชั่วโมง ราคาที่จับต้องได้
  • ไม่ประทับใจ : สีสันที่เคร่งขรึมไม่สมกับ SWATCH