สำหรับแฟน Seiko ที่ต้องการความพิเศษในตอนนี้มีการเปิดตัวรุ่น “Sparkling Time at GINZA” ออกมาแล้วด้วยนาฬิกา 4 รุ่นแต่ที่พิเศษและได้รับความสนใจจากคนไทยคือ Seiko Prospex Sumo Ginza Edition SBDC114 ซึ่งมีการผลิตเพียว 700 เรือนเท่านั้น
Seiko Prospex Sumo Ginza Edition SBDC114 ระลึกความหรูย่าน Ginza ด้วยรุ่นพิเศษ
-
หนึ่งใน 4 ของนาฬิกาที่อยู่ในคอลเล็กชั่น “Sparkling Time at GINZA”
-
สำหรับ Sumo จะเป็นนาฬิกาดำน้ำเรือนเดียวในคอลเล็กชั่นนี้
-
Sumo ผลิตออกตลาด 700 เรือนและมีจำหน่ายเฉพาะร้านใน Ginza เท่านั้น
ดูเหมือนว่า Seiko (ไซโก้) จะใช้ย่าน Ginza ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นค่อนข้างเปลืองเอาเรื่องเหมือนกัน เพราะนอกจากรุ่น Presage ที่นำมาใช้เป็นคอกเทลและ Prospex รุ่นอื่นๆ อย่าง MM200 แล้ว ล่าสุดก็มากันยกแผงในชื่อ Ginza Limited Edition ที่มีนาฬิกาอยู่ 4 เรือนและหนึ่งในนั้นคือ Seiko Prospex Sumo Ginza Edition SBDC114ที่ถูกจับตามองโดยบรรดานักสะสมชาวไทย
ทำไม Ginza ถึงมีความสำคัญกับ Seiko ถึงขนาดเป็นย่านที่ถูกนำมาผลิตเป็น Limited Edition นับครั้งไม่ถ้วน นั่นเป็นเพราะที่นี่คือจุดกำเนิดของ Seiko เมื่อ Kintaro Hattori ได้ตั้งร้านขายเครื่องประดับและนาฬิกาที่ชื่อว่า K.Hattori ขึ้นเป็นแห่งแรกในย่านนี้เมื่อปี 1881 และที่นี่มี Wako Store ที่ถือเป็นเอกลักษณ์ของย่านนี้ตั้งอยู่
โดยอาคารแห่งนี้มีการติดตั้งนาฬิกาเรือนใหญ่ของ Seiko และ Seiko เองก็เป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ด้วย แถมสำนักงานใหญ่ของ Seiko ก็ตั้งอยู่ที่ย่าน Ginza
สำหรับนาฬิกาในเซ็ตนี้จะมากับแนวคิดที่เรียกว่า “Sparkling Time at GINZA” เน้นความหรูหราและชีวิตที่รื่มรมย์ในย่านกินซ่ายามค่ำคืน ซึ่งจะถูกสะท้อนผ่านการตกแต่งตัวนาฬิกาทั้ง 4 รุ่นโดยใช้สีทองเป็นสีหลัก และทั้งหมดจะถูกจำกัดการขายเฉพาะร้านของ Seiko ในย่าน Ginza เท่านั้น
ทั้ง 4 รุ่นที่ว่าคือ Astron SBDXC062 ตามด้วย Presage SARW052 Prospex Sumo SBDC114และปิดท้ายด้วยนาฬิกาสำหรับสุภาพสตรีอย่าง Lukia SSQV076 โดย 2 รุ่นแรกมีการผลิตออกมาเพียงรุ่นละ 500 เรือน ขณะที่ Sumo ผลิตเยอะขึ้นมาหน่อย 700 เรือน และ Lukia 300 เรือน
สำหรับรุ่นที่อยู่ในความสนใจของคนไทยคงหนีไม่พ้น Seiko Prospex Sumo Ginza Edition SBDC114ซึ่งทั้งหมดไม่มีอะไรที่แตกต่างไปจาก Sumo ใหม่รุ่นปกตินอกจากสีสันที่ถูกนำมาติดตั้งโดยใช้สีทองในการตกแต่งทั้งด้านข้างขอบตัวเรือนรวมถึงตัวเลขขอบ Bezel ชุดเข็มชั่วโมง นาที และวินาที
ขณะที่ฝาหลังจะมีการสลักตัวเลขของจำนวนการผลิตรวมถึงคำว่า Ginza Limited Edition เพื่อแสดงให้เห็นถึงความพิเศษ
ตัวนาฬิกามีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 45 มิลลิเมตร Lug to Lug 52.6 มิลลิเมตร และหนา 12.9 มิลลิเมตร ตัวเรือนและสายผลิตจาก Stainless Steel และใช้กระจก Sapphire โดยที่กลไกใหม่อย่าง 6R35 มีความสามารถในการสำรองพลังงานเป็น 70 ชั่วโมง
700 เรือนเท่านั้นที่มีการผลิตออกมา และขายเฉพาะในช้อปที่ Ginza เท่านั้น ส่วนราคาคือไม่แพงมากจนเกินเหตุ โดยตั้งเอาไว้ที่ 99,000 เยนแบบรวมภาษี ซึ่งจะว่าไปแล้วก็ใกล้เคียงกับรุ่นธรรมดาซึ่งมีราคาเริ่มต้น 93,500 เยน
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/